ผมเองเป็นคนที่ชอบจีบผู้หญิงสักคน โดยการเข้าหาและทำความรู้จักครับ ตอนนี้ผมกำลังจะฝึก
และผมก็จะยึดการเข้าหาผู้หญิงวิธีนี้ไม่ว่าจะสมัยนี้จะเป็นยังไงก็ตาม การที่เข้าหาผู้หญิงแบบตรงๆมันจะทำให้เรารู้ว่า Personality ของผู้หญิงคนนั้นเป็นไง และเคมีเข้ากันได้ไหมครับ
ผมจะเข้าหาผ่านโลกความจริงครับ
เทคนิคของผมก็คือ ทำตามขั้นตอนนี้ครับ
1. แสดงความเข้าใจถึงความรู้สึกคนๆนั้น ในขณะนั้น
2. เราจะเข้าใจเขา
3. เขาจะเข้าใจเรา
4. นำไปสู่การโน้มน้าวจิตใจ
การทำความรู้จักสาวผม จะคุยแบบไม่หวังผลลัพธ์ครับ เพราะเป้าหมายของเราคือการสร้างเพื่อนและคนรู้จักใหม่นะครับ
อันดับแรกเมื่อผมเจอ ผญ ที่ต้องตาต้องใจ ผมจะยิ้มให้เธอ เพื่อแสดงถึงความยินดีที่ได้พบเธอ ซึ่งถ้าเธอยิ้มตอบผมก็ลุยเลยครับ
ผมจะเข้าไปคุยเรื่องทั่วๆไป แต่ควรเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความรู้สึกในขณะนั้นเช่น
"ดูท่าทางวันนี้คงเป็นว่าที่พี่สาวดูอารมณ์ดีนะครับ"
"ดูท่าทางวันนี้พี่น่าจะโชคดีนะครับ" เป็นต้นครับ
หรือบางทีเราอาจสังเกตในสิ่งที่เธอถืออยู่เช่น กระเป๋าลายการ์ตูนไรซักอย่าง ก็พูดไปประมาณว่า
"ดูท่าทางพี่น่าจะชอบการ์ตูน.....มากนะครับเนี่ย เห็นถือกระเป๋าลายการ์ตู.... มาเชียว"
เอ๊ะๆ แต่ถ้าเธอเรียน ม.ปลาย ละก็ ผมจะเข้าไปคุยว่า
"หืมม เรียน ม.ปลายแบบนี้ ดูท่าทางพี่คงต้องทุ่มเทกับการเรียนมากแน่ๆ เพราะเห็นเพื่อนบอกว่า ม.ปลายเรียนหนักมากๆ ผมเองเรียน ปวช. นี่ยังไปแทบไม่รอดเลย พี่คงต้องเป็นคนที่ขยันมากแน่ๆ"
บางทีเธออาจหน้านิ่งเกินไป เหมือนมีอะไรอยู่ในใจ ผมก็จะพูดไปว่า
"ดูท่าทางวันนี้เหมือนพี่ไม่ค่อยจะสบายใจเท่าไหร่นะครับเนี่ย"
บางทีผมอาจไปเริ่มบทสนทนาด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นเวลานั้นครับ เช่น
เกิดเหตุการณ์ฝนตกหนักมาก และเราไปหลบฝนกันยุหน้าเซเว่น และเผอิญมี ผญ คนนั้นนั่งยุนั่นพอดี และผมอยากรู้จักเธอด้วยผมก็อาจจะคุยไปว่า
"วันนี้ฝนตกหนักมากขนาดนี้ คงไม่ได้ไปไหนมาไหนกันเลยนะครับ ว่าแต่กำลังจะไปไหนครับเนี่ย"
"ฝนตกแบบนี้ ถ้าได้นอนอยู่บ้านก็คงจะดีเนาะครับ นั่งฟังเสียงฝนจิบกาแฟไป ดูทรงแล้วพี่ก็ไม่ชอบน่าฝนเหมือนกันใช่มั้ยครับเนี่ย"
ประมาณนี้แหละครับ ผมจะใช้เทคนิคทำความเข้าใจความรู้สึก และคุยถึงสถานการณ์ต่างๆ และพูดคุยแบบเปิดไม่เชิงว่าถาม แต่เป็นการทำลายกำแพงในจิตใจเขาลงครับ จะทำให้เขาได้ระบายความรู้สึกให้เราฟัง แล้วเราก็ชวนคุยไปเรื่อยๆครับ เช่น ถ้าเธอตอบกลับมา
"หืมม เรียน ม.ปลายแบบนี้ ดูท่าทางพี่คงต้องทุ่มเทกับการเรียนมากแน่ๆ เพราะเห็นเพื่อนบอกว่า ม.ปลายเรียนหนักมากๆ ผมเองเรียน ปวช. นี่ยังไปแทบไม่รอดเลย พี่คงต้องเป็นคนที่ขยันมากแน่ๆ"
ผญ . ก็คงจะตอบกลับมาว่าใช่เรียน ม.ปลายอย่างนั้นอย่างนี้ เรียนหนักนั่นนี่ เรียนนี่นั่นเยอะแยะมากไป
ผมก็จะคุยเรื่องเรียน ม.ปลายต่อแหละครับ "หืมม เรียนหนักขนาดนี้พี่มีเทคนิคยังไงในการเรียนอ่ะ พี่ต้องเป็นคนที่ขยันและมีความรับผิดชอบน่าดูนะครับเนี่ย ถึงจะเรียนสายนี้ได้" และก็คุยแบบเปิดไป
"ฝนตกแบบนี้ ถ้าได้นอนอยู่บ้านก็คงจะดีเนาะครับ นั่งฟังเสียงฝนจิบกาแฟไป ดูทรงแล้วพี่ก็ไม่ชอบน่าฝนเหมือนกันใช่มั้ยครับเนี่ย"
แล้วพอเขาตอบมา เราก็อาจถามต่อไปว่า นี่เวลาฝนตกถ้าติดอยู่ที่บ้านเนี่ย นอกจากนอนจะทำอะไรหรอครับ หืมม ดูหนังหรออ เหมือนผมเลย ฝนตกแบบนี้ผมชอบดูหนังสงครามนะ มันดูหึกเหิมดี ถ้าผมเดาพี่น่าจะดูหนังแนวโรแมนติกแน่ๆ
ถ้าเจอ ผญ ไปเที่ยวผับมา แล้วผมไปเซเว่นข้างๆผับพอดี ผมก็จะถามไปว่า
"หืมม วันนี้ดูท่าท่างจะเป็นวันที่สนุกน่าดูเลยนะครับนี่"
คุยต่อ "แสดงว่าเครียดเรื่องไรสักอย่างมาแน่ เลยมาปลดปล่อยแบบนี้" ถ้าเธอพูดเรื่องงานที่ทำมาก็คุยเรื่องนั้น แล้วก็โยงเรื่องไปเที่ยว
"นอกจากผับนี้ไปที่ไหนบ้างอ่ะ" "ในผับนี้เคยเจอผู้ชายประหลาดๆ มาคุกคามตอนที่เธอสนุกบ้างไหมเนี่ย"
หรืออาจถามถึงร้านกาแฟแถวๆนั้นร้านอาหารแถวๆนั้นมีไรบ้าง ประมาณนี้ครับ
คือแบบว่าผมจะเน้นคุยไปที่แนวคิดของเธอ ทัศนคติของเธอ เรื่องของเธอครับ บางทีผมอาจจะเอาเรื่องของผมไปคุยไปเปิดเผยแก่เธอบ้างเล็กน้อย เพราะเขาบอกว่าถ้าคนเราเวลารู้เรื่องของใครจะทำให้คนนั้นรู้สึกเป็นกันเอง และทำให้เปิดใจคุยกับเราครับ
ผมหลีกเลี่ยงคำถามหน้าเบื่อเช่น ทำไมอ่ะ เป็นไรอ่ะ มากับใครหรอ มาทำไร ทำงานที่ไหนอ่ะ อยู่แถวไหนหรอ ผมเคยถามแล้วเจอปัญหาการจบสนทนาครับ
สมมติแทนที่จะถามว่า
"ทำงานที่ไหนหรอ"
ผมก็จะถามไปว่า "เธอคงทำงานออฟิศไกล้ๆนี้แน่ๆ เพราะดูทรงเธอน่าจะเป็นสาวออฟิศก็คงไม่พ้น ......แน่ละ"
หรือ "ดูท่าทางที่ทำงานพี่คงจะไกลมากแน่ๆเนอะ" ประมาณนี้ครับ แทนที่จะได้ถามคำตอบคำ ก็จะทำให้ได้คำอธิบายมาแทน
"นอกจากผับนี้ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง"
ผมก็จะถามไปแทนว่า "นอกจากผับนี้แล้ว มีผับไหนที่ไหนอีกน้าที่ น่าจะทำให้พี่หลงทางไปอีกน่ะ"
บางที่เราอาจจะทวนคำที่เธอพูดเช่น เธอบอกว่าไปเที่ยวเชียงใหม่มา ก็บอกไปว่า เชียงใหม่!! น่าสนใจนะเธอไปเที่ยวเชียงใหม่มา เล่าให้ฟังหน่อยสิว่าเป่นยังไงบ้างที่นั่น มีไรน่าสนใจที่ทำให้เธอไปที่นั่น
พูดถึงสิ่งที่เราคิดให้เธอฟัง
ถ้าเหนเธอดูโดเรมอน โดเรมอนหรอเราก็ชอบเวลาดูแล้วมันก็สนุกมากเหมือนเราได้ปลดปล่อยอารมณ์และย้อนไปเป็นเด็กนะ
ชอบตอนที่ชิซุกะหวานกับโนบิตะอ่ะ แต่ก็แปลกนะชิซูกะโดนโนบิตะเข้าห้องน้ำหลายครั้ง ก็คืนดีกันซะได้ น่าขำจริงๆ
พูดถึงเรื่องส่วนตัวเรา
เวลาว่างๆผมจะหากิจกรรมทำคือถ่ายรูป และดูหนัง พูดถึงดูหนังแล้วผมชอบดูหนังแนววิทยาศาสตร์มากๆ มันทำให้เราดูลุ้นแต่ลึงดี ดูท่าทางพี่ก็น่าจะชอบดูหนังเหมือนกันใช่มั้ย แล้วหนังที่พี่สนใจมันจะเป็นหนังแนวไหนกันล่ะ
การคุยผมก็ประมาณนี้ครับ แทนที่จะถามต่อตรงๆ ก็จะทำให้เธอเล่าและอธิบายมาเองซะเลย เพราะคิดว่าคำถามที่จะถามต่อมันอยู่ที่สิ่งที่เธอพูดครับ บางทีเราอาจจะคุยเรื่องของเราให้เขาฟังบ้าง เพื่อเป็นการแชร์กัน คุยเกี่ยวกับสิ่งที่เธอชอบ ทำไมถึงชอบแบบนั้นให้เธอระบายมา แล้วเราก็คอยคอมเม้นสิ่งที่เธอพูดและชวนเธอคุย และการคุยจะโฟกัสคู่สนทนาเป็นหลักครับ เราต้องเป็นผู้ฟังที่ดีครับ ฟังเขาเป็นหลักมองตาและตั้งใจฟังครับ
ต้องขอเฟสด้วยไหมครับ หรือรอโอกาสเจอกันดี พอดีไม่ชอบคุยกันทางเฟสบุคเท่าไหร่ มันไม่ใช่ตัวตนผมเลย
ถ้าขอเฟสผมก็ "เราน่าจะทำความรู้จักกันมากกว่านี้นะ พี่เป็นคนคุยสนุกดี เอาเฟสพี่มาละกัน เราจะได้รู้จักกันมากขึ้น"
หลีกเลี่ยงคำถามว่า ได้ไหม ไม่ชอบคำจบบทสนทนาครับ
โปรดชี้แนะด้วยควรทำอย่างไรครับ ปรับปรุงไรบ้าง คำพูดอาจดูเป็นทางการไปนิดเพราะมาจากการพิมเลยไม่เป่นธรรมชาติเหมือนพูดครับ
การเข้าไปทำความรู้จักผู้หญิงแปลกหน้า ในแบบของผม ควรปรับปรุงจุดไหนบ้างครับ
และผมก็จะยึดการเข้าหาผู้หญิงวิธีนี้ไม่ว่าจะสมัยนี้จะเป็นยังไงก็ตาม การที่เข้าหาผู้หญิงแบบตรงๆมันจะทำให้เรารู้ว่า Personality ของผู้หญิงคนนั้นเป็นไง และเคมีเข้ากันได้ไหมครับ
ผมจะเข้าหาผ่านโลกความจริงครับ
เทคนิคของผมก็คือ ทำตามขั้นตอนนี้ครับ
1. แสดงความเข้าใจถึงความรู้สึกคนๆนั้น ในขณะนั้น
2. เราจะเข้าใจเขา
3. เขาจะเข้าใจเรา
4. นำไปสู่การโน้มน้าวจิตใจ
การทำความรู้จักสาวผม จะคุยแบบไม่หวังผลลัพธ์ครับ เพราะเป้าหมายของเราคือการสร้างเพื่อนและคนรู้จักใหม่นะครับ
อันดับแรกเมื่อผมเจอ ผญ ที่ต้องตาต้องใจ ผมจะยิ้มให้เธอ เพื่อแสดงถึงความยินดีที่ได้พบเธอ ซึ่งถ้าเธอยิ้มตอบผมก็ลุยเลยครับ
ผมจะเข้าไปคุยเรื่องทั่วๆไป แต่ควรเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความรู้สึกในขณะนั้นเช่น
"ดูท่าทางวันนี้คงเป็นว่าที่พี่สาวดูอารมณ์ดีนะครับ"
"ดูท่าทางวันนี้พี่น่าจะโชคดีนะครับ" เป็นต้นครับ
หรือบางทีเราอาจสังเกตในสิ่งที่เธอถืออยู่เช่น กระเป๋าลายการ์ตูนไรซักอย่าง ก็พูดไปประมาณว่า
"ดูท่าทางพี่น่าจะชอบการ์ตูน.....มากนะครับเนี่ย เห็นถือกระเป๋าลายการ์ตู.... มาเชียว"
เอ๊ะๆ แต่ถ้าเธอเรียน ม.ปลาย ละก็ ผมจะเข้าไปคุยว่า
"หืมม เรียน ม.ปลายแบบนี้ ดูท่าทางพี่คงต้องทุ่มเทกับการเรียนมากแน่ๆ เพราะเห็นเพื่อนบอกว่า ม.ปลายเรียนหนักมากๆ ผมเองเรียน ปวช. นี่ยังไปแทบไม่รอดเลย พี่คงต้องเป็นคนที่ขยันมากแน่ๆ"
บางทีเธออาจหน้านิ่งเกินไป เหมือนมีอะไรอยู่ในใจ ผมก็จะพูดไปว่า
"ดูท่าทางวันนี้เหมือนพี่ไม่ค่อยจะสบายใจเท่าไหร่นะครับเนี่ย"
บางทีผมอาจไปเริ่มบทสนทนาด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นเวลานั้นครับ เช่น
เกิดเหตุการณ์ฝนตกหนักมาก และเราไปหลบฝนกันยุหน้าเซเว่น และเผอิญมี ผญ คนนั้นนั่งยุนั่นพอดี และผมอยากรู้จักเธอด้วยผมก็อาจจะคุยไปว่า
"วันนี้ฝนตกหนักมากขนาดนี้ คงไม่ได้ไปไหนมาไหนกันเลยนะครับ ว่าแต่กำลังจะไปไหนครับเนี่ย"
"ฝนตกแบบนี้ ถ้าได้นอนอยู่บ้านก็คงจะดีเนาะครับ นั่งฟังเสียงฝนจิบกาแฟไป ดูทรงแล้วพี่ก็ไม่ชอบน่าฝนเหมือนกันใช่มั้ยครับเนี่ย"
ประมาณนี้แหละครับ ผมจะใช้เทคนิคทำความเข้าใจความรู้สึก และคุยถึงสถานการณ์ต่างๆ และพูดคุยแบบเปิดไม่เชิงว่าถาม แต่เป็นการทำลายกำแพงในจิตใจเขาลงครับ จะทำให้เขาได้ระบายความรู้สึกให้เราฟัง แล้วเราก็ชวนคุยไปเรื่อยๆครับ เช่น ถ้าเธอตอบกลับมา
"หืมม เรียน ม.ปลายแบบนี้ ดูท่าทางพี่คงต้องทุ่มเทกับการเรียนมากแน่ๆ เพราะเห็นเพื่อนบอกว่า ม.ปลายเรียนหนักมากๆ ผมเองเรียน ปวช. นี่ยังไปแทบไม่รอดเลย พี่คงต้องเป็นคนที่ขยันมากแน่ๆ"
ผญ . ก็คงจะตอบกลับมาว่าใช่เรียน ม.ปลายอย่างนั้นอย่างนี้ เรียนหนักนั่นนี่ เรียนนี่นั่นเยอะแยะมากไป
ผมก็จะคุยเรื่องเรียน ม.ปลายต่อแหละครับ "หืมม เรียนหนักขนาดนี้พี่มีเทคนิคยังไงในการเรียนอ่ะ พี่ต้องเป็นคนที่ขยันและมีความรับผิดชอบน่าดูนะครับเนี่ย ถึงจะเรียนสายนี้ได้" และก็คุยแบบเปิดไป
"ฝนตกแบบนี้ ถ้าได้นอนอยู่บ้านก็คงจะดีเนาะครับ นั่งฟังเสียงฝนจิบกาแฟไป ดูทรงแล้วพี่ก็ไม่ชอบน่าฝนเหมือนกันใช่มั้ยครับเนี่ย"
แล้วพอเขาตอบมา เราก็อาจถามต่อไปว่า นี่เวลาฝนตกถ้าติดอยู่ที่บ้านเนี่ย นอกจากนอนจะทำอะไรหรอครับ หืมม ดูหนังหรออ เหมือนผมเลย ฝนตกแบบนี้ผมชอบดูหนังสงครามนะ มันดูหึกเหิมดี ถ้าผมเดาพี่น่าจะดูหนังแนวโรแมนติกแน่ๆ
ถ้าเจอ ผญ ไปเที่ยวผับมา แล้วผมไปเซเว่นข้างๆผับพอดี ผมก็จะถามไปว่า
"หืมม วันนี้ดูท่าท่างจะเป็นวันที่สนุกน่าดูเลยนะครับนี่"
คุยต่อ "แสดงว่าเครียดเรื่องไรสักอย่างมาแน่ เลยมาปลดปล่อยแบบนี้" ถ้าเธอพูดเรื่องงานที่ทำมาก็คุยเรื่องนั้น แล้วก็โยงเรื่องไปเที่ยว
"นอกจากผับนี้ไปที่ไหนบ้างอ่ะ" "ในผับนี้เคยเจอผู้ชายประหลาดๆ มาคุกคามตอนที่เธอสนุกบ้างไหมเนี่ย"
หรืออาจถามถึงร้านกาแฟแถวๆนั้นร้านอาหารแถวๆนั้นมีไรบ้าง ประมาณนี้ครับ
คือแบบว่าผมจะเน้นคุยไปที่แนวคิดของเธอ ทัศนคติของเธอ เรื่องของเธอครับ บางทีผมอาจจะเอาเรื่องของผมไปคุยไปเปิดเผยแก่เธอบ้างเล็กน้อย เพราะเขาบอกว่าถ้าคนเราเวลารู้เรื่องของใครจะทำให้คนนั้นรู้สึกเป็นกันเอง และทำให้เปิดใจคุยกับเราครับ
ผมหลีกเลี่ยงคำถามหน้าเบื่อเช่น ทำไมอ่ะ เป็นไรอ่ะ มากับใครหรอ มาทำไร ทำงานที่ไหนอ่ะ อยู่แถวไหนหรอ ผมเคยถามแล้วเจอปัญหาการจบสนทนาครับ
สมมติแทนที่จะถามว่า
"ทำงานที่ไหนหรอ"
ผมก็จะถามไปว่า "เธอคงทำงานออฟิศไกล้ๆนี้แน่ๆ เพราะดูทรงเธอน่าจะเป็นสาวออฟิศก็คงไม่พ้น ......แน่ละ"
หรือ "ดูท่าทางที่ทำงานพี่คงจะไกลมากแน่ๆเนอะ" ประมาณนี้ครับ แทนที่จะได้ถามคำตอบคำ ก็จะทำให้ได้คำอธิบายมาแทน
"นอกจากผับนี้ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง"
ผมก็จะถามไปแทนว่า "นอกจากผับนี้แล้ว มีผับไหนที่ไหนอีกน้าที่ น่าจะทำให้พี่หลงทางไปอีกน่ะ"
บางที่เราอาจจะทวนคำที่เธอพูดเช่น เธอบอกว่าไปเที่ยวเชียงใหม่มา ก็บอกไปว่า เชียงใหม่!! น่าสนใจนะเธอไปเที่ยวเชียงใหม่มา เล่าให้ฟังหน่อยสิว่าเป่นยังไงบ้างที่นั่น มีไรน่าสนใจที่ทำให้เธอไปที่นั่น
พูดถึงสิ่งที่เราคิดให้เธอฟัง
ถ้าเหนเธอดูโดเรมอน โดเรมอนหรอเราก็ชอบเวลาดูแล้วมันก็สนุกมากเหมือนเราได้ปลดปล่อยอารมณ์และย้อนไปเป็นเด็กนะ
ชอบตอนที่ชิซุกะหวานกับโนบิตะอ่ะ แต่ก็แปลกนะชิซูกะโดนโนบิตะเข้าห้องน้ำหลายครั้ง ก็คืนดีกันซะได้ น่าขำจริงๆ
พูดถึงเรื่องส่วนตัวเรา
เวลาว่างๆผมจะหากิจกรรมทำคือถ่ายรูป และดูหนัง พูดถึงดูหนังแล้วผมชอบดูหนังแนววิทยาศาสตร์มากๆ มันทำให้เราดูลุ้นแต่ลึงดี ดูท่าทางพี่ก็น่าจะชอบดูหนังเหมือนกันใช่มั้ย แล้วหนังที่พี่สนใจมันจะเป็นหนังแนวไหนกันล่ะ
การคุยผมก็ประมาณนี้ครับ แทนที่จะถามต่อตรงๆ ก็จะทำให้เธอเล่าและอธิบายมาเองซะเลย เพราะคิดว่าคำถามที่จะถามต่อมันอยู่ที่สิ่งที่เธอพูดครับ บางทีเราอาจจะคุยเรื่องของเราให้เขาฟังบ้าง เพื่อเป็นการแชร์กัน คุยเกี่ยวกับสิ่งที่เธอชอบ ทำไมถึงชอบแบบนั้นให้เธอระบายมา แล้วเราก็คอยคอมเม้นสิ่งที่เธอพูดและชวนเธอคุย และการคุยจะโฟกัสคู่สนทนาเป็นหลักครับ เราต้องเป็นผู้ฟังที่ดีครับ ฟังเขาเป็นหลักมองตาและตั้งใจฟังครับ
ต้องขอเฟสด้วยไหมครับ หรือรอโอกาสเจอกันดี พอดีไม่ชอบคุยกันทางเฟสบุคเท่าไหร่ มันไม่ใช่ตัวตนผมเลย
ถ้าขอเฟสผมก็ "เราน่าจะทำความรู้จักกันมากกว่านี้นะ พี่เป็นคนคุยสนุกดี เอาเฟสพี่มาละกัน เราจะได้รู้จักกันมากขึ้น"
หลีกเลี่ยงคำถามว่า ได้ไหม ไม่ชอบคำจบบทสนทนาครับ
โปรดชี้แนะด้วยควรทำอย่างไรครับ ปรับปรุงไรบ้าง คำพูดอาจดูเป็นทางการไปนิดเพราะมาจากการพิมเลยไม่เป่นธรรมชาติเหมือนพูดครับ