โครงการประหลาดของ CIA.

CIA เป็นองค์กรที่ได้ยอมรับว่ามีชื่อเสียงและมีอิทธิพลมากในหน่วยงานของรัฐบาลของโลก ด้วยความซับซ้อนและมีแรงงานที่มีประสิทธิภาพทำให้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโลกอย่างง่ายดาย แต่กระนั้นซีไอเอก็ยังเป็นที่รู้จักว่าเป็นองค์กรที่มีความคิดโครงการที่หลุดโลก  บางโครงการล้มเหลวและสูญเงินนับล้าน และบางโครงการผิดกฎหมายและไร้สาระ และนี่คือสุดยอดโครงการไร้สาระของซีไอเอในอดีต

‘Project Acoustic Kitty’

ในอดีตหน่วย CIA ของสหรัฐอเมริกา เคยฝึกแมวเหมียวเพื่อใช้เป็นสายลับ ก่อนจะถูกส่งตัวไปสอดแนมที่ประเทศรัสเซียในช่วงสงครามเย็น!!
เป็นโครงการที่ทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกาคิดจะก่อตั้งขึ้น เมื่อช่วงปี 1960 และวางแผนที่จะลงทุนเป็นเงินสูงกว่า 50 ล้านบาท ในการสร้างเทคนิคการสืบข้อมูลลับแบบใหม่นี้  ภารกิจแรกคือการแอบฟังสถานทูตโซเวียต ถนน วิสคอนซิน ในกรุง วอชิงตัน ดีซี เพื่อฟังพวกคอมมิวนิสต์พูดคุยกัน

โดยโครงการนี้จะนำแมวเหมียวมาผ่าตัดฝังชิพ และเครื่องมือเทคโนโลยีทางสายลับต่างๆ   ให้กลายเป็น Robocats เช่น มีการใส่ไมโครโฟนไปที่หูของแมว หรือมีแบตเตอรี่ฝังไว้ที่บริเวณหน้าอก  ฝังเสาอากาศเข้าไปในหางของแมวเพื่อสามารถบันทึกเสียง นอกจากนั้นยังฝึกนิสัยของแมวใหม่เพื่อสามารถปฏิบัติภารกิจได้เช่นความรู้สึกของแมวต่อความหิวโดยถูกแก้ไขในการดำเนินการอย่างอื่น โชคดีที่โครงการดังกล่าวถูกล้มเลิกตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม และนี่ก็คือเอกสารลับที่ถูกเปิดเผยโดย WikiLeaks

Victor Marchetti อดีตเจ้าหน้าที่ CIA ได้ออกมาเผยกับ Telegraph ว่า ‘ในตอนนั้นมีการทดลองแมวจริง พวกเขาผ่าตัดร่างกายของมันเพื่อฝังแบตเตอรี่ ฝังไมโครโฟน และเสารับสัญญาณ จากนั้นพวกเขาก็ทดสอบเจ้าเหมียวครั้งแล้ว ครั้งเล่า’
Cr.https://www.catdumb.com/spy-cat-cia-420/

Project  Operation Northwoods

- ในช่วงศตวรรษที่ 1960 เมื่อสงครามเย็นก่อตัวขึ้นความหวาดกลัวต่อคอมมิวนิสต์ได้อาละวาดไปทุกหย่อมหญ้าทั่วโลก ทำให้ซีไอเอมีแผนลับขึ้นนั่น คือ ปฏิบัติการนอร์ธวูดส์ โดยการใช้ข้อมูลลวงเพื่อให้ประชาชนชาวอเมริกันหวาดกลัวต่อคอมมิวนิสต์ สร้างภาพว่าเป็นฝีมือจากการก่อการร้ายของคิวบาภายใต้การนำของคาสโตร โดยการดำเนินงานคือการสร้างความหวาดกลัวต่อคอมมิวนิสต์ในเขตไมอามี่ ฟลอริดาและเมื่ออื่นๆ แม้แต่ในวอชิงตัน ความน่ากลัวของแผนนี้ก็คือการใช้ประชาชนมารับเคราะห์นั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยข่าวลือ, วางระเบิด, จลาจลปลอมๆ เพื่อนำไปสู่การดำเนินการทหารเพื่อสร้างความเกลียดชังรัฐบาลคิวบาและสร้างเสียงสนับสนุนจากชาวอเมริกันให้ใช้ กำลังทหารโจมตีคิวบา นี้คือตัวอย่างของแผนการ

- การวางระเบิดเครื่องบินพาณิชย์ที่บินจากอเมริกาสู่ประเทศในแถบอเมริกาใต้ โดยมีเส้นทางใกล้น่านฟ้าประเทศคิวบา ผู้โดยสารบนเครื่องบินลำที่ถูกเลือกจะเป็นกลุ่มนักศึกษาที่เดินทางไปพักผ่อน ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นเป็นเยาวชน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพื่อตอกย้ำว่าคาสโตรสามารถสังหารได้แม้กระทั่งประชาชนผู้บริสุทธิ์
- การนำชาวคิวบาขึ้นเรือทำทีว่าลักลอบออกนอกประเทศเพื่อขอลี้ภัยในอเมริกา ระหว่างที่เรือลอยกลางทะเลก็จัดการยิงให้จมแล้วป้ายความผิดให้กับคิวบาว่าเป็นผู้ไล่ล่าเรือลี้ภัย
- วางระเบิดจุดสำคัญๆบริเวณที่มีผู้คนพลุกพล่านในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และฟลอริดา จากนั้นจับตัวชาวคิวบาที่ลี้ภัยมาอยู่ในอเมริกา ป้ายความผิดว่าเป็นผู้ก่อการร้าย
- สร้างเหตุการณ์โจมตีเรือรบหลวง โดยนำเรือรบไปล่องในอ่าวใกล้กับเมืองฮาวาน่าแล้วระเบิดทิ้ง เลียนแบบเหตุการณ์ในปี ค.ศ.1898 เรือรบอเมริกาถูกจมโดยไม่ทราบสาเหตุ เพื่อสร้างความโกรธแค้นให้กับชาวอเมริกันนับล้านให้มาสมัครเป็นทหารอาสาเข้าร่วมรบในสงครามสเปนิช-อเมริกัน
แผนการดังกล่าวถูกร่างและลงนามโดยหัวหน้าร่วมแล้วนำไปเสนอให้ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ ผลปรากฏว่าเขาปฏิเสธและถูกยกเลิกแผนนี้ในภายหลัง หากแต่หลังจากนั้นมีความเชื่อว่าแผนดังกล่าวนั้นมีการทำอย่างลับๆ และหนึ่งในเหตุการณ์ที่เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนการนี้คือการลอบสังหารเคนเนดี้
Cr.https://th-th.facebook.com/warofhistory

Project Pigeon

- มันอาจเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก แต่มันเกิดขึ้นจริงแล้วสำหรับโครงการที่เรียกว่า “จรวดนำวิถี นกพิราบ” มันเป็นหนึ่งในโครงการทางทหารที่ดูเหมือนจะประหลาดที่สุดอีกโครงการในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเริ่มมีความคิดมาจากนายบี. เอฟ. สกินเนอร์ (Burrhus Frederic Skinner) นักจิตวิทยาพฤติกรรมที่มีความคิดแหวกแนวว่ารัฐน่าจะลองฝึกนกพิราบให้ควบคุมจรวดนำวิถีจรวดเข้าสู่เป้าหมาย(นกพิราบกามิกาเซ่)

โดยโครงการดังกล่าว ถูกพัฒนาภายใต้โครงการ Organic control หรือ "ควบคุมโดยสิ่งมีชีวิต" โดยโครงการดังกล่าวจะใช้จรวดที่ออกแบบโดยข้างในจรวดจะมีห้องควบคุมจรวดโดยนกพิราบ ซึ่งนกพิราบดังกล่าวจะมาฝึกให้จดจำเป้าหมาย โดยถ้าเห็นภาพเป้าหมายให้ทำการจิก ที่ตรงกลางแผงควบคุม จรวดนำวิถีจะพุ่งตรงไปด้านหน้าและนกพิราบจะไม่หยุดเป้าหมายจนกวาดตรวดจะระเบิดหรือมันจะตายเสียก่อน

ซึ่งตอนแรกโครงการนี้ได้งบการวิจัย 25,000 เหรียญสหรัฐในสมัยนั้น หากแต่ต่อมาไม่นานโครงการนี้ก็เลิกล้มเพราะว่ามีการใช้จรวดแบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาแทนที่ และจรวดนำวิถีนกพิราบก็ไม่เคยถูกนำมาใช้ในสงครามนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
Cr.https://th-th.facebook.com/warofhistory

Project Operation Gold

Operation Gold (หรือที่รู้จักกันในชื่อOperation Stopwatchโดยชาวอังกฤษ)  หนึ่งในโครงการที่ดำเนินงานบ้าบิ่นที่สุดในช่วงสงครามเย็น โดยตั้งชื่อว่า “แผนทองคำ” ในช่วงปี 1953 ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างซีไอเอและอังกฤษ (Secret Intelligence Service) โดยการดักฟังสายโทรศัพท์ของสำนักงานใหญ่ของโซเวียตที่กรุงเบอร์ลิน โดยขุดอุโมงค์ยาวกว่า 450 เมตรตัดกับทางแยกโทรศัพท์ใต้ดิน โดยเริ่มต้นขุดในวันที่ 2 กันยายน 1954 ถึง 25 กุมภาพันธ์ปีถัดไป โดยซีไอเอสามารถดักจับบันทึกการสนทนามากถึง 50,000 การสนทนาทางโทรศัพท์ในช่วงเกิบหนึ่งปี หากแต่ต่อมาในปี 1956 โซเวียตก็ได้พบอุโมงค์ดังกล่าวและปิดลง ซีไอเอสิ้นงบประมาณแบบไร้ค่าแถมโดนด่าไปทั่วโลกด้วย
Cr.https://th-th.facebook.com/warofhistory

The Stargate Project

โครงการลับ "Stargate Project" ที่เป้าหมายคือการจัดตั้งกองทัพ "มนุษย์พลังจิต" ของ CIA

- โครงการสตาร์เกทหรือจะเรียกว่าโครงการสายรับพลังจิต  เป็นโครงการที่ CIA ระดมทุนก่อตั้งขึ้นมา เพื่อแสดงศักยภาพเหนือคู่แข่ง ด้วยการไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ  โดยเป็นชื่อรหัสของโครงการย่อยที่จัดตั้งโดยรัฐบาลสหรัฐเพื่อการศึกษาการมองระยะไกลโดยอาศัยพลังจิต (Remote Viewing) เพื่อนำมาใช้จริงโดยประยุกต์ทางการทหารและงานสืบราชการลับ เช่น สามารถใช้พลังจิตในการมองเห็นระยะไกลเพื่อบอกตำแหน่งสิ่งก่อสร้าง หรือสิ่งที่ซุกซ่อนในตัวอาคารได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงการศึกษาเรื่องเหนือธรรมชาติ(ประมาณว่าถอดจิต)และญาณทิพย์ โดยโครงการนี้เริ่มตั้งแต่ปี 1970 ถึง 1995 (ซีไอเอยกเลิกเอง) โดยมีข่าวลือที่มาโครงการว่าทางโซเวียตได้มีการวิจัยอาวุธพลังจิต ทำให้สหรัฐตัดสินใจเพื่อศึกษาหาความเป็นไปได้นั้นโดนตอนแรกใช้งบประมาณถึง 20,000,000 ดอลลาร์ ในการศึกษาพวกที่มีความสามารถพลังพิเศษดังกล่าว 

 คนที่ผ่านการทดสอบโปรเจ็กนี้คือ อิงโก สวอนน์ โดยเขาบอกว่าเขามองเห็นสิ่งปลูกสร้างเหมือนกับเป็นอาณานิคม ฐานทัพ รวมไปถึงเหมืองแร่ที่อยู่ในด้านมืดของดวงจัทร์ ที่ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างของผู้ใดกันแน่ แต่ยืนยันว่าสิ่งปลูกสร้างนั้นมีอยู่จริง แถมยังมีความคิดที่จะสร้างทหารที่เป็นกองทัพพลังจิต ที่สามารถสอดแนมคู่ต่อสู้จากระยะไกล ที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่เรื่องนี้ถูกทำการทดลองและทดสอบกันอย่างจริงจัง แต่ข้อมูลของโครงการลับดันรั่วไหลออกมาข้างนอกเสียก่อน ทำให้เกิดกระแสคนแอนตี้โครงการนี้ ทำให้โครงการถูกพับเก็บไปอย่างน่าเสียดาย ไม่เช่นนั้นเราอาจจะได้เห็นกองทัพที่ต่อสู้กันด้วยพลังจิตในสงครามยุคปัจจุบันก็เป็นได้
Cr.https://www.tsood.com/contents/154807

Project Operation Mongoose

ในยุค 60 ต้น คอมมัวนิสต์คิวบากลายเป็นหนึ่งในกำลังรบสำคัญของสงครามเย็น และนายพลฟิเดล คาสโตรกลายเป็นนักการเมืองที่อันตรายที่สุดในโลกในขณะนั้น ทำให้การสหรัฐมีแผนที่จะล้มล้างคาสโตรแต่ก็ล้มเหลวหลายโครงการ จนกระทั้งมาถึงสมัยจอห์น เอฟ เคนเนดี้ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 1961(หลังล้มเหลวจากแผนบุกอ่าวหมู) ก็ปฏิบัติการเชิงรุกลับๆ โดยดำเนินการโดยเอ็ดเวิร์ด แลนส์เดล (Edward Lansdale) หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญทางด้านยุติการต่อต้านของนักปฏิวัติ ภายใต้ชื่อ “ปฏิบัติพังพอน”

โดยโครงการนี้เป็นสงครามลับที่จะโฆษณาชวนเชื่อ สงครามจิตวิทยาและก่อวินาศกรรมเพื่อให้คาสโตรลงจากอำนาจ เช่นการปล่อยข่าวว่า ฟิเดล คาสโตร นั้นเป็นพวกนอกศาสนา เป็นผู้ต่อต้านพระคริสต์ จากนั้นก็สร้างความเชื่อถือต่อข่าวลือให้เกิดขึ้นโดยการ "สร้างภาพ" เพื่อให้ชาวบ้านเชื่อว่าพระเยซู ได้เสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อกำจัดคนนอกศาสนาโดยยิงฟอสฟอรัสขึ้นไปบนท้องฟ้าในตอนกลางคืน เพื่อเลียนแบบเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ตามความเชื่อของคนท้องถิ่น หรือการทำลายพืชผลผลิตอ้อยของประเทศคิวบา

นอกจากนี้ยังมีการลอบสังหารแบบแปลกๆ ไม่ว่าจะเป็นเข็มฉีดยาในรูปของปากกา ใส่แบททีเรียวัณโรคในผ้าเช็ดหน้าหรือกาแฟของเขา ใส่ยาพิษในปากกาหมึกซึมหรือไอศกรีม แต่ที่บ้าที่สุดคงจะเป็นแผนสังหารคาสโตรโดยการทำซิการ์ระเบิด(หรือใส่ยาพิษ) ในยี่ห้อที่เขาชื่นชอบ และแผนนี้ถูกยกเลิกจากการตกลงระหว่างเคนเนดี้กับโซเวียตในเวลาต่อมา
Cr.https://th-th.facebook.com/warofhistory

Project The Bay of Pigs Invasion

นี่คือแผนที่ไร้สาระและไร้ประโยชน์น่าอับอายขายหน้ามากที่สุดของซีไอเอ “การบุกอ่าวหมู” มันเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่พยายามที่จะโค่นล้มนายพลคัสโตรแห่งคิวบาแต่ไม่ประสบผลสำเร็จและขายหน้าที่สุด มันเริ่มต้นตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ (พฤษภาคม ค.ศ.1960) แต่ได้มาปฏิบัติการจริงในสมัยประธานาธิบดีเคนเนดี

เนื่องจากประธานาธิบดีไม่อนุญาตให้มีการทิ้งระเบิดแบบปูพรม เมื่อซีไอเอภายใต้การอนุมัติได้พยายามโค่นล้มรัฐบาลคิวบา โดยหนุนหลังผู้ลี้ภัยชาวคิวบาจำนวนหลายคนมาฝึกอบรมพิเศษโดยซีไอเอ จากนั้นวันที่ 17 เมษายน 1961 ทางการสหรัฐได้ขนส่งกองกำลังสะเทินน้ำสะเทินบกที่บาเฮีย เดอ โคชิโนสในฝั่งทะเลตอนใต้ของคิวบา และเริ่มขนถ่ายสินค้าของพวกเขาก็คือชาวคิวบาที่ถูกลี้ภัยที่ฝึกพิเศษจำนวนกว่า 1,300 คนเข้าประเทศคิวบา

แต่แผนการนี้เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะที่กะผิดจังหวะอย่างน่าอนาถ เริ่มจากข่าวกรองของคิวบารู้การบุกรุกนี้มานานแล้วและเริ่มตอบโต้ อีกทั้งแผนนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ทำให้ถูกทหารของนายพลคัสโตรปราบปรามอย่างรวดเร็วเพียง 3 วัน(ฝ่ายสหรัฐตาย 118 คน ถูกจับ 1202 คน) นายพลคัสโตรจับฝ่ายกบฎได้ทั้งหมด และส่งทหารอเมริกันกลับสหรัฐเพื่อแลกกับอาหารและยา ค.ศ.1962) ทำให้เหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นการเสียหน้าครั้งใหญ่ในสมัยประธานาธิบดีสหรัฐจอห์น เอฟ เคนเนดีและนำไปสู่การเกิดวิกฤตการณ์คิวบา (Cuban Missile Crisis: 1962)
Cr.https://th-th.facebook.com/warofhistory
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่