ความรนราน... บนความผิดพลาดที่คิดไปในเวลาหลงเที่ยงคืน เป็นของอีกวัน
นั่นก็ทำให้ เข้าใจผิดอย่างแรง ซึ่งเกือบจะตกเครื่องเพราะเข้าใจวันเดินทางอีกวัน เพราะในเวลาที่รู้ตัวว่าโง่ กำลังขับรถไปเขาใหญ่ ในช่วงเย็นของวันขึ้นเครื่อง ในเวลาตี 2 ของอีกวัน ...งานที่ค้างคาไว้ ก็ทำการโยนไปให้เป็นภาระคนกันเอง ( รีบเรียกหาความกันเองขึ้นมาทันที ) แล้วยูเทิร์นรถกลับเข้ากรุงเทพให้ไว ลุ้นรถติด และเวลาที่ต้องยัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทาง ถึงสนามบินเฉียดฉิวเวลาเช็คอิน พอดี
... และนี่เป็นการเดินทางไป "ญี่ปุ่น" ครั้งแรก พร้อมกับทริปเดินทางด้วยรถยนต์ บนเส้นทางรอบภูเขาไฟฟูจิ ในปลายฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ...
ว่ากันว่า "ญี่ปุ่น" หากเตรียมตัวและวางแผนดี ๆ จะช่วยเซพค่าใช้จ่ายได้พอสมควร ...ซึ่งเพื่อนร่วมทริปว่าไว้ด้วยประสบการณ์ไปญี่ปุ่นไม่ต่ำกว่าแปดครั้ง นั่นแหละครับ ประสบการณ์เยอะขนาดนี้เกือบตกเครื่องไปพร้อมกัน นี่ถ้าไม่ได้ Pocket wifi ที่จองไว้ โทรมานัดหมายเวลารับเครื่อง ก็ไม่รู้ตัวว่าผิดวันแน่นอน คิดภาพไม่ออกว่าพวกเราต้องสูญเสียอะไรไปในความโง่เขลาในครั้งนี้ เรื่องราวที่นำมาเล่า เป็นความเดิมจาก พฤศจิกายน 2018 นำมาเล่าเผื่อเป็นไอเดีย ในการเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงเวลาเดียวกัน เอาเป็นว่ามาเริ่มจากการเตรียมตัว กันเลยครับ
1. ซื้อตั๋วเครื่องบิน ในราคารวมน้ำหนักกระเป๋า เฉลี่ยคนละ 8,000 บาท/คน (ไป-กลับ)
2. จองรถเช่า Nissan cube ไว้ 4 วัน ผ่านทางเว็บไซด์ rentalcars.com แน่นอนครับตามความเข้าใจผิด จึงต้องเพิ่มวันเดินทางมาอีกวัน ซึ่งก็ไปแจ้งที่เคาเตอร์ Nissan ที่สนามบิน ขอเช่าเพิ่มอีก 1 วัน และต้องเปลี่ยนรถเป็น Nissan note (*** เดินทาง 4 คน ...จำนวนตัวหารที่แสนคุ้มและสะดวกสบาย)
3. ทำใบขับขี่สากลที่ขนส่ง ค่าธรรมเนียม 505 บาท ,ค่าถ่ายรูป ,ถ่ายเอกสาร ก็ประมาณ 600+ (*** ควรทำไว้สัก 2 คน ผลัดเปลี่ยนมือพลขับ)
4. จองที่พัก ผ่านเว็บการจอง จ่ายก่อน จ่ายหลัง ขึ้นอยู่กับความคุ้ม และความสะดวกของแต่ละคน แต่ส่วนใหญ่ใช้ห้องขนาด 4 คน จึงได้ราคาประหยัดขึ้นมาหน่อย
5. ทำประกันการเดินทาง...ปลอดภัยไว้ก่อน ครอบคลุมทุกกรณี
6. เตรียมของใช้ส่วนตัว โดยเฉพาะเสื้อผ้ากันหนาว...แต่ถ้าต้องซื้อเพิ่ม สโตว์ ตจว.ของญี่ปุ่น ราคาพอ ๆ กับ Shop ในบ้านเรา แต่คุณภาพดีกว่าด้วยคุณภาพของเมืองหนาว ที่ไม่ต้องมโนไปเองว่าจะหนาวแค่ไหน
...................
เริ่มเดินทาง บินลัดฟ้า ด้วยเวลาที่เลื่อมกัน ทำให้เราไปถึงที่สนามบินนาริตะ เวลาประมาณ 07.30 น. หลังจากโหลดรับสัมภาระเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นไปรับรถที่เคาน์เตอร์ Nissan ที่ Terminal 2 โดยพวกเราต้องเช่าเพิ่มในวันนี้ ที่ไม่ได้ระบุในการจองไว้ ...ทำให้ต้องเปลี่ยนเป็น Nissan Note แทน Cube ใช้เวลาแก้ไขเอกสารสักพัก ในระหว่างรอ ก็ไปซื้อตั๋วรถไฟ JR Pass ไว้สำหรับวันที่กลับมาเที่ยวในโตเกียว และซื้อเสบียงตุนไว้ระหว่างขับรถเดินทาง
เมื่อกลับมาที่เคาน์เตอร์เอกสารเสร็จเรียบร้อย รถพร้อมประกันทุกกรณี(ควรมี กรณีซ่อมแซมแม้รอยขีดข่วน แพงมากกก) และ ECT Card สำหรับขึ้นทางด่วน สะสมค่าใช้จ่ายไป จนกระทั่งถึงวันส่งรถคืน(ระบุส่งรถคืนศูนย์อีกที่) โดยต้องใช้บัตรเคดิตในการเช่าและชำระ เท่านั้น เมื่อพร้อมแล้วพนักงานก็พาเดินไปที่รถพร้อมเช็คสภาพรถว่าสมบูรณ์ หรือมีร่องรอยบนรถก่อนออกเดินทางหรือไม่ พนักงานค่อนข้างจะยิ้มแย้มเป็นอย่างดี คุยไปคุยมาพี่ท่านเคยมาอยู่แถวบางใหญ่ 2-3 ปี ซะงั้น
อากาศ ณ เวลานี้ มีละอองฝนหน่อย ๆ อุณภูมิประมาณ 14-16 องศา ถือว่าหนาวสำหรับคนไทย แต่ในรถมีระบบทำความร้อน สบายเลยครับ
GPS ที่นี่ ใส่เป็นเบอร์โทรศัพท์ของสถานที่ ที่จะไป เช่น ที่พัก โรงแรม เป็นต้น
แต่เพื่อความชัวร์ Google Map ก็มา อาจจะคาดเคลื่อนเรื่องเวลาถึงเป้าหมายหน่อย แต่ก็แม่นยำใช้ได้ ความเร็วที่ใช้ในเขตเมือง 50-60 km./hr. และบนทางด่วน 80-100 km./hr. ถนนไม่กี่เลนแต่รถค่อนข้างคล่องตัวพอสมควร ด้วยวินัยของคนญี่ปุ่นทำให้ปลอดภัยกว่าขับในบ้านเรามาก ที่สังเกตเห็น กระจกคู่หน้าคนขับทุกคัน จะเป็นฟิล์มใสให้เห็นคนขับได้ชัดเจน และคนขับก็เห็นทัศนวิสัยได้เป็นอย่างดี ต่างกับบ้านเราด้วยแดดที่ร้อนแรงฟิล์มทึบเท่าไหร่ยิ่งดี
นอกจากเวลาที่ต่างกันกับไทยไปถึง 2 ชั่วโมงแล้ว ยังมืดเร็วกว่าบ้านเราอีกด้วย ประมาณ 4-5 เย็นพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าแล้ว ดังนั้น เวลาในการเที่ยวในช่วงกลางวันจะรู้สึกสั้นกว่าปกติ พูดง่ายๆ ไม่มีเวลาให้หลง และต้องวางแผนให้ดี แต่ในวันแรก เป็นวันที่ไม่ได้เตรียมอะไรไว้ล่วงหน้า จึงต้องหาที่พัก app จองที่พัก โดยเรากำหนดเป้าหมาย คือที่พักแถบทะเลสาบยามานากะ และระหว่างทางก็แวะ Gotemba Premium Outlet
ซึ่งพวกเราใช้เวลาส่วนใหญ่ ในร้านเสื้อผ้าแอดเวนเจอร์และอุปกรณ์สนาม ราคาค่อนข้างถูกกว่าไทยประมาณ 20-40% ก็พอได้ของติดไม้ติดมือไป แต่ต้องควบคุมน้ำหนักกันพอสมควร น้ำหนักกระเป๋าสิครับ นี่มันวันแรกเอง
หลังจากนั้น ใช้เวลาขับรถวนหาที่พัก เพราะ GPS ก็สับสนในชื่อพร้องกัน ถึงที่พัก Hatago Tsubakiya ก็ประมาณ 20.00 น. เป็นห้องเล็ก ๆ สำหรับ 4 คน เตียง 2 ชั้น แต่พื้นที่อำนวยความสะดวกค่อนข้างจะคุ้ม อาทิ ห้องอาบน้ำ(จองเวลาแช่ได้เลย) , คาราโอเกะ , โต๊ะสนุ๊กเกอร์ , โต๊ะปิงปอง ,เตาผิง , เครื่องนวดไฟฟ้า เป็นต้น ที่พักห่างจากฟูจิ ประมาณ 1 กิโลเมตร ทำให้มองเห็นฟูจิได้ชัดเจน และอากาศค่อนข้างหนาวมาก 0 องศา ในยามเช้า
- - - ยามเช้ากับฟูจิแดง - - -
ตื่นขึ้นมาหยิบกล้องได้ แต่ไม่อาจจะล้างหน้าได้เต็มที่ แต้ม ๆ แตะน้ำที่เย็นเฉียบปาดตาสักหน่อย ข้างนอกที่พักยังฟ้ายังสลั่ว แต่ความหนาวนี่สุดประมาณ ว่ากันว่าเมื่อแสงแรกกระทบฟูจิซัง ก็จะถูกย้อมให้กลายเป็นสีแดง เจ้าของโรงแรมได้ป้ายยาไว้พร้อมให้ดูภาพข้างฝาผนัง ...นั่นแหละ ที่กลับต้องลากตัวเองขึ้นมาจากที่นอน เดินดุ่ม ๆ ไปในความมืดคนเดียวด้านหลังที่พัก ไม่นานนัก ...เอ้าพลพรรคก็เดินตามออกมา นี่ตื่นกันเมื่อไหร่ ในเมื่อปฏิเสธการตื่นไปตั้งแต่กลางคืน และผลลัพธ์ของการฝืนตัวเองให้ทนกับความหนาวก็คุ้มค่าทีเดียว
ฟูจิแดง...ในระยะใกล้จัง ต้นไม้บังไปครึ่งลูก
แถบนี้ใกล้จุดความหนาวเย็นของฟูจิซัง ใบไม้ที่เปลี่ยนสี ก็เปลี่ยนใบไม้ที่ปลิดปลิว
ด้านหลังที่พัก เป็นสวนแบบญี่ปุ่น นั่งชมสักพัก ก็กลับเข้าไปนั่งชมในห้องกระจก หนีหนาวให้เร็ว
ที่พักในคืนแรก Hatago Tsubakiya ราคาประมาณ 18,000 เยน (จองแล้วจ่ายเป็นเงินสด) เวลา 08.30 น. เก็บสัมภาระ และออกเดินทางต่อ เป้าหมายต่อไปในการท่องเที่ยว คือ หมู่บ้านน้ำใส Oshino Hakkai
................. ไว้มาเล่าต่อ ในกระทู้นี้ครับ ...................
[CR] Driving in Japan ในฤดูใบไม้...ที่เปลี่ยนสี [ตอนที่ 1]
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้