ขึ้นชื่อว่าหูฟังเกมมิ่ง หลายๆ คนคงนึกถึงหูฟังทรงสวยๆ ล้ำๆ พร้อมสายระโยงระยาง เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคเมื่อก่อน จึงทำให้หูฟังเกมมิ่งที่ได้รับความนิยม มักจะเป็นกลุ่มของหูฟังมีสายซะเป็นส่วนใหญ่ แต่มาในปัจจุบัน เทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายเองก็ได้รับการพัฒนาขึ้นมามาก เราจึงได้เห็นหูฟังเกมมิ่งไร้สายเพิ่มมากขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือ HyperX Cloud Stinger Wireless ที่ผมได้รับมารีวิวในครั้งนี้ ซึ่งได้รับการเปิดตัวเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง โดยคอนเซ็ปท์ของหูฟังรุ่นนี้ก็คือ เป็นหูฟังเกมมิ่งแบบไร้สายที่ใช้งานได้สะดวก ควบคู่กับความคุ้มค่าด้วยราคาเพียง 3,290 บาท ซึ่งถือว่าราคาค่อนข้างย่อมเยากว่าหูฟังเกมมิ่งไร้สายรุ่นอื่น ๆ ในตลาดปัจจุบันพอสมควรเลยทีเดียว
หน้ากล่องของ HyperX Cloud Stinger Wireless ก็จะมีบอกคุณสมบัติบางส่วนไว้ให้เรียบร้อยเลย เช่น การเชื่อมต่อไร้สายโดยใช้คลื่น 2.4 GHz กับแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสุด 17 ชั่วโมง ส่วนอุปกรณ์หลักๆ ที่สามารถใช้งานได้ก็คือ เครื่องคอมพีซี และก็ PS4 กับ PS4 Pro
เมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับตัวหูฟัง ตรงกลางเป็นอุปกรณ์รับส่งสัญญาณแบบ USB และก็สาย Micro USB สำหรับใช้ชาร์จไฟให้กับหูฟังครับ แต่ที่จริงแล้ว จะใช้สายชาร์จมือถือแทนก็ได้นะ ขอให้เป็นแบบ Micro USB ก็พอ
ตัวหูฟัง HyperX Cloud Stinger Wireless จะเป็นแบบ over ear ครับ คือตอนใส่แล้ว เนื้อโฟมจะครอบหูทั้งใบไว้พอดี ซึ่งเป็นทรงยอดนิยมสำหรับหูฟังเกมมิ่งมาตลอด
จุดเด่นอีกข้อของ HyperX Cloud Stinger Wireless ก็คือข้อต่อระหว่างหูฟังที่สามารถหมุนได้ 90 องศา ทำให้สามารถจัดเก็บ หรือห้อยคอระหว่างพักเบรคได้แบบไม่เกะกะ แต่ส่วนของก้านไมค์นั้นจะเป็นแบบติดมากับหูฟังเลยนะครับ ไม่สามารถถอดออกมาได้ ส่วนฝั่งในของก้านด้านบนจะมีเมมโมรีโฟมหุ้มอยู่
ก้านด้านบนสุดก็จะมีโลโก้ HyperX อยู่ วัสดุภายนอกจะเป็นพลาสติกเนื้อเบา ไม่ได้มีการหุ้มหนังหรือโฟมไว้แต่อย่างใด แต่โครงสร้างภายในนั้นแข็งแกร่งด้วยการเลือกใช้เหล็กกล้าเพื่อความทนทาน โดยเฉพาะส่วนของก้านเลื่อนปรับความยาวของตัวหูฟัง
ตัวหูฟังฝั่งซ้ายที่มีก้านไมค์ติดอยู่จะมีความพิเศษอยู่นิดนึงครับ คือผู้ใช้สามารถปิดไมค์ได้โดยการหมุนไมค์ขึ้นไปด้านบน ให้ตัวก้านไปทับกับสัญลักษณ์รูปไมค์ที่มีขีดฆ่าอยู่ ส่วนถ้าต้องการเปิดใช้งานก็แค่หมุนก้านลงมาเท่านั้นเอง โดยตัวก้านสามารถดัดโค้งให้เข้ากับมุมปากได้ด้วย
ด้านในของหูฟังแต่ละข้างก็จะบุเมมโมรีโฟมเอาไว้โดยรอบ ให้สัมผัสที่นุ่ม และไม่กดทับจนปวดแม้ว่าจะใช้งานเป็นระยะเวลานานก็ตาม
พลิกมาดูด้านล่างของหูฟังข้างซ้ายก็จะมีช่อง Micro USB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ ถัดมาเป็นปุ่มเปิด/ปิด และก็ไฟ LED แสดงสถานะการทำงานและการชาร์จไฟ โดยไฟแต่ละสีก็จะแทนปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ ได้แก่
·       ไฟเขียวนิ่งๆ = 90% - 100%
·       ไฟเขียวกระพริบ = 50%-90%
·       ไฟส้มกระพริบ = 25% - 50%
·       ไฟแดงกระพริบ = เหลือน้อยกว่า 25%
ส่วนฝั่งขวาก็จะมีวงล้อสำหรับปรับระดับเสียงมาให้
ในการใช้งาน อันดับแรกก็ให้นำตัวรับส่งสัญญาณแบบ USB ที่ให้มาในกล่องไปเสียบเข้ากับพอร์ต USB ของพีซีหรือ PS4 จากนั้นก็ค่อยกดปุ่มเปิดที่ตัวหูฟังค้างไว้ 3 วินาทีจนกระทั่งได้ยินเสียงบี๊บที่หูฟัง เสร็จแล้วก็รออีกไม่นาน ก็สามารถใช้งานได้ทันทีครับ โดยเมื่อทำการเชื่อมต่อเสร็จสมบูรณ์แล้ว ที่ตัวรับส่งสัญญาณจะมีไฟสีน้ำเงินติดค้างตลอดเวลาที่ใช้งานเลย

ส่วนถ้าใครที่ต้องการนำไปใช้งานกับเครื่องเกม Nintendo Switch ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยนำตัวรับส่งสัญญาณไปเสียบกับพอร์ต USB-A ของแท่น dock ซึ่งก็แน่นอนว่าจะต้องเป็นการเล่นเกมแบบ TV mode เท่านั้น
สำหรับในการใช้งานกับพีซี ตัว Windows 10 จะตรวจจับอุปกรณ์และสลับเปลี่ยน output เสียงไปเป็นตัวหูฟังHyperX Cloud Stinger Wireless ให้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งไดรเวอร์เพิ่มเติม
ส่วนการใช้งานกับเครื่อง PS4 ก็สะดวกไม่แพ้กันครับ เพียงแค่เสียบตัวรับสัญญาณเข้ากับพอร์ต USB ด้านหน้าเครื่อง จากนั้นก็สามารถใช้งานได้ทันที
ก่อนจะปิดท้ายด้วยเรื่องคุณภาพเสียง มาดูสเปคคร่าวๆ ที่น่าสนใจของ HyperX Cloud Stinger Wireless กันซักหน่อยครับ
·       ไดรเวอร์ขนาด 50 มม. แบบไดนามิก พร้อมแม่เหล็กนีโอดีเนียม
·       ความถี่เสียงที่รองรับ: 20 – 20,000 Hz
·       ความต้านทาน 32 โอห์ม
·       น้ำหนัก 270 กรัม
·       ไมโครโฟนรองรับความถี่เสียง 100 – 7,000 Hz ความไวเสียง -47dBV
·       การเชื่อมต่อแบบไร้สาย 2.4 GHz ระยะสูงสุด 12 เมตร
·       แบตเตอรี่ใช้ได้นานสุด 17 ชั่วโมง

ทีนี้ในด้านของคุณภาพเสียง ตัว HyperX Cloud Stinger Wireless เป็นหูฟังเกมมิ่งที่ให้เสียงในย่านกลางได้ดี ส่งผลให้เสียงปืน เสียงฝีเท้าค่อนข้างเด่นชัด เบสมีพอประมาณ เสียงโทนสูงก็ไม่แหลมเสียดจนเกินไป เหมาะกับการใช้งานแบบเรื่อยๆ โดยไม่มีอาการล้าหู ส่วนการจำลองเสียงรอบทิศทางนั้นทำได้ดี ช่วยให้สามารถจำแนกทิศทางของศัตรูได้ไม่ยากนัก ส่วนอาการดีเลย์ของเสียงนั้นน้อยมากครับ แทบไม่มีผลกับการเล่นเกมแบบทั่วไปเลย
รวมๆ แล้ว HyperX Cloud Stinger Wireless เป็นหูฟังเกมมิ่งแบบไร้สายที่จัดว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้มา ในค่าตัวราคาสามพันต้นๆ ด้วยความสะดวกในการใช้งานและคุณภาพเสียงที่มั่นใจได้ตามสไตล์ของ HyperX