Kyoto - Osaka คนบ้าพาเที่ยว >__<

เป็นกระทู้ที่ 2 ของ เราเอง รอบนี้ไปดูใบไม้เปลี่ยนสี กันที่เกียวโต - โอซาก้า  
เริ่มจากที่ อยากไปเห็นใบไม้แดงๆ ด้วยตัวเอง และเป็นคนที่ชอบเมืองเก่าๆ ไม่เคยไปญี่ปุ่น เลยตัดสินใจไป เกียวโต ไหนๆ ก็ไปเกียวโตแล้ว เราเลยไปโอซาก้าด้วย ตอนหาข้อมูลแรกๆ เกียวโต เมืองอะไร ทำไมมีแต่ศาลเจ้า และวัด นี่เราไปแสวงบุญเหรอ หรือทำทัวร์ 9 วัดกันนะ 555555+
ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนยังไง เที่ยวที่ไหนบ้าง แต่ว่ากดตั๋วเครื่องบินไว้ก่อน เลือกบินเวียดนาม แอร์ไลน์ เพราะ ไดเรค ไฟลท์ ของหางแดง เวลาไปถึงสนามบินคันไซ ไม่ค่อยสวย จะไปป้าม่วงก็แพงละเกิน ต้องเก็บเงินไว้กินข้าวหน้าปลาไหล และ มันปู เลย หาดูตั๋วที่ราคาไม่แรงมาก และ เปลี่ยนเครื่องไม่นาน ก็มาเจอกับสายการบินเวียดนาม แอร์ไลน์ เป็น Full Service ราคาไป-กลับ อยู่ที่ 10,035.00 บาท ถูกกว่าหางแดงไปอีก 
เพราะช่วงที่ไป ก็เป็นช่วงวันหยุดยาวของไทย 29 พ.ย. - 5 ธ.ค. (ไปจะครบปีแล้วเพิ่งมาเขียนกระทู้  >__<") 
จากนั้นก็เริ่มหาที่เที่ยว Landmark ต่างๆ ---> หาโรงแรม ---> หาร้านของกิน --> จองบัตร ICOCA --> จองตั๋ว USJ -->  แลกเงิน 
ถ้าใครโอเคกับการเปลี่ยนเครื่องเราว่า เวียดนามก็โอเคเลยนะคะ 
วันเดินทาง ไปกัน 2 คน กับ เด็กๆ อีก 3 ตัว 
เกียวโต โอซาก้า คนบ้าพาเที่ยว
Day 1    BKK - SGN - KIX  
             Fushimi Inari - Yasaka Shrine -Higashima - Kiyomizu Dera
Day 2   Eikando Temple - Ginkakuji Temple - Kinkakuji Temple - ซูชิ 100 เยน ที่วัดทอง 
Day 3  Higashi- Honganji Temple - Nishiki Market - Tenryuji Temple - Arashiyama - เดินทางเข้า OSAKA - Dotonburi
Day 4 Osaka Castle -  ขาปูห้าง Dimaru - Shopping ที่ Dotonburi 
Day 5  ตลาดปลาOsaka - Osaka Aquarium - USJ 
Day 6  KIX - Hanoi - BKK - CNX 



ขาไปเราเลือกนั่งเครื่องไปลงที่ โฮจิมินห์  เวลาเปลี่ยนเครื่อง 2 ชม. ครึ่ง แวะ ทานเฝอในสนามบินก่อนจะไปขึ้นเครื่อง จาก โฮจิมินห์ ไป คันไซ
อาหารบนเครื่อง จาก กทม - โฮจิมินห์  พอดีวันที่เดินทางไปถึง จะเป็นวันพระ เราเลยโทรไปรีเควสอาหารเป็น มังสวิรัติแบบทานนมไข่ไว้ 1 ที่ แนะนำให้โทรไปแจ้งกับทางสายการบินไว้ก่อนนะคะ เพราะถ้าใกล้วันบิน หรือ แจ้งที่เคาเตอร์อาจจะไม่ได้รับอาการตามที่รีเควส 

 อาหารที่เสิร์ฟบนเครื่อง กทม. - โฮจิมินห์ 
แบบมังสวิรัติ

แบบไม่ใช่มังสวิรัต

พอ Transit เสร็จแล้ว ก็ยังมีเวลาเหลือที่จะแวะทานเฝอก่อนขึ้นเครื่องอีกที 
ไม่ได้แลกเงินมาไม่เป็นไรค่ะ ใช้บัตรรูดได้ ราคาก็นะ ตามราคาสนามบินค่ะ  >_<"

ทานเสร็จก็เดินไปรอขึ้นเครื่อง ต้องนั่งบัสออกไปขึ้นเครื่อง จาก โฮจิมนห์ - คันไซ ได้ นั่งเครื่องแบบ Dreamliner นั่งสบาย หลับตลอดทาง
แต่ประมาณ ตี 2 (เวลาประเทศไทย)  พนักงานจะปลุกมาทานข้าวค่ะ คือแบบ แม่!!! หนูง่วง ขอนอนก่อนได้ไหมคะ 
อาหารอร่อย แต่ทานไม่ได้เพราะง่วง อมยิ้ม39อมยิ้ม39อมยิ้ม39
อาหารแบบ มังสวิรัติ ไข่ นม

อาหารธรรมดา  ซึ่งน่าจะอร่อยกว่า 
ถึงสนามบินคันไซ ตอนเข้า  เตรียมตัว เรื่องใบ ตม.  ตั้งแต่บนเครื่อง เอกสารการจองห้องพัก ตั๋วเครื่องบินขากลับ ต่างๆ ที่เตรียมมาจากเมืองไทย กันไว้ กลัวเจ้าหน้าที่ถาม แต่ไม่ได้ใช้งาน ผ่าน ตม. แบบสบ๊ายยยยยยยยย รับกระเป๋า เสร็จแล้วก็ขึ้นไป ชั้นที่รับบัตร หรือ ตั๋วรถไฟ ที่จองไว้ ทริปนี้เราคำนวณ การเดินทางแล้ว ใช้บัตรเบ่งต่างๆ ไม่น่าจะคุ่ม เลยเลือ บัตร ICOCA +HARUKA (รถไฟที่จะเดินทางไปเมืองต่างๆ เช่น เกียวโต อาราชิยาม่า โอซาก้า) เพราะได้ส่วนลดในการเดินทางด้วยรถไฟด้วยค่ะ
จองบัตรผ่านเวปไซด์ https://www.westjr.co.jp/global/en/ticket/icoca-haruka/
 ต้องกรอกข้อของทุกคนในทริปนะคะ 1/คน /บัตร  เราเลือก ICOCA + HARUKA Kyoto ราคา 3,600 เยน
จะมีให้เลือกลายด้วยค่ะ มี 2 แบบ ถ้าไม่เลือกก็จะได้แบบธรรมดาไป 

หน้าตา บัตร ICOCA  

ไปรับบัตรได้ที่ด้านหน้า JR Office ตอนไปรับไปรับคนเดียวได้ แต่ต้องนำพาสปอร์ตของแต่ละคนไปรับด้วยค่ะ เขาจะให้บัตร ICOCA มา พร้อม บัตร รถไฟ HAURKA  สายที่เราจองไว้ และจ่ายเงินค่ะ  จากนั้นก็เตรียมตัวขึ้นรถไฟ ไป เกียวโตกันเล้ยยยยย

ถึง Kyoto Station ก็เดินออกมาด้านนอก อากาศเย็นมากเลยค่ะ ลมแรง ที่พักที่เราเลือกพักเป็น Hostel ชื่อ Daiichi Grang Hostel Kyoto จองผ่าน Booking.com เป็นห้องแยก Twin Bed  แต่ห้องน้ำรวม แต่ละชั้นจะแยกชายหญิง ในห้องจะมีห้องน้ำที่มีแต่ชักโครก อ่างล้างหน้า ให้ใช้ เดินจาก Kyoto Station ประมาณ 7 -8 นาที มีร้านอาหาร และ Family อยู่ใกล้ๆ ที่พัก  เวลาไปเที่ยว ต่างประเทศจะชอบห้องพักที่ใกล้สถานีรถไฟ คิดว่าสะดวกเวลาไปไหน หรือเวลาที่ต้องขนสัมภาระ พักที่นี่ 2 คืน ราคาประมาณ 3,500 บาท / คน ไม่มีอาหารเช้านะคะ แต่ว่ามีร้านกิวด้ง อร่อยมากตรงหน้าปากซอย ไปถึงโรงแรมยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน ก็ฝากกระเป๋าและเปลี่ยนเสื้อผ้า (จขกท. ได้เมลล์มาสอบถามเรื่องการฝากกระเป๋า กับทางที่พักก่อนหน้านั้นแล้วเพราะกลัวว่าบางที่ไม่มีที่ให้ฝากรกะเป๋าจะลำบาก ) หลังจกาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็เตรียมตัวออกไปหาอะไรทาน ก็คือ ร้านข้าวหน้าเนื้อนั่นเอง
มื้อแรกในญี่ปุ่น 
กิวด้งเนื้อ   หอมมากกกก 
จากนั้นก็เดินทางต่อไปที่ Fushimi Inari หรือ  ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ นึกไม่ออกก็ศาลเจ้าที่มีเสาสีส้มๆ เยอะๆ นั่นแล่ะค่ะ 5555+

ระว่างเดินไปขึ้นรถไฟ เห็นร้านขายวาฟเฟิล คนต่อแถวยาวมาก ก็คิดว่ามันต้องอร่อยแน่ๆ ก็ไปเข้าแถวต่อกะเค้าค่ะ อร่อยจริงๆ ค่ะ
จากสถานี Fushimi Inari เดินมาอีกไม่ไกล ก็มาถึงศาลเจ้าแล้วค่ะ จะมีเสาสีส้มตั้งเด่น อยู่ตรงทางเข้า ระหว่างทางก็จะมีใบไม้สีแดงให้เห็นตลอดเส้นทาง
มาถึงแล้วบริเวณทางเข้าหน้าศาลเจ้าจะมีบ่อน้ำให้ล้างมือหรือบ้วนปากก่อนเข้าไปข้างในค่ะ 
When in  Japan do as Japanese do 

จากศาลเจ้าฟูชิมิ เราก็เดินทางไปกันต่อที่ ศาลเจ้ายาซากะ Yasaka Shrine นั่งรถไฟจาก Fushimi Inari มาลงที่ Gion Shijo และเดินมาอีกนิด จะเจอศาลเจ้าค่ะ เขาว่ากันว่า ศาลเจ้ายาซากะ หรือศาลเจ้ากิอง เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในย่านกิอง เป็นอีกที่ที่คนนิยมมาขอพรโดยเฉพาะเรื่องความรัก ค่ะ ศาลเจ้าที่เงียบสงบ อาคารหลักจะประดับด้วยโคมไฟ เราไปถึงช่วงบ่ายแล้วยังมีโปรแกรมต่อเลยไม่ได้รอตอนเค้าจุดโคมไฟค่ะ 
ทางเข้าศาลเจ้า 
มาถึงแล้วก็มาขอพร อ้อ อีกเรื่องที่ฝากไว้ ถ้าวันไหนเที่ยวศาลเจ้า ให้เตรียมเงินเหรียญไปเยอะๆ นะคะ 
จากศาลเจ้ายาซากะ เราก็เดินมาด้านข้างวัด เพื่อที่จะเดินไปยังวัดน้ำใส เราไม่นั่งรถไปนะคะ อ่านเจอในหนังสือเขาแนะนำให้เดินจากศาลเจ้ายาซากะ ไปย่านฮิกาชิยาม่า และเดินต่อไปที่วัดน้ำใสค่ะ เดินไกลหน่อย แต่สวยมากเลยค่ะ อาคาร บ้านต่างๆ ยังเป็นแบบสถาปัตเดิมๆ 
ซอท์ฟครีมชาเขียว กับอากาศ เย็นๆ 
บรรยากาศทางเดินไปวัดน้ำใส 
ตลอดทางจะมีร้านขายขนม ขายอาหาร และของที่ระลึกเต็มไปทั้ง 2 ข้างทางเลยค่ะ มาสะดุดตรงที่ร้านขายน้ำพริก แจกให้ชิมฟรี คนเยอะมาก และคนก็ซื้อเยอะมาก เลยเข้าไปแทรกๆ กะเค้าบ้าง ทฤษฎีคนเยอะแปลว่าอร่อย ก็มาอีกละค่ะ 55555+  แล้วก็อร่อยจริงๆ ด้วยค่ะ ทานไป 2 คำ ซื้อกลับบ้าน เลยค่ะ ไม่คิดเยอะ ไม่ซื้อเด๋วจะเสียดาย 
ที่ร้านการันตีว่าพริกเขาเผ็ดที่สุด เผ็ดจริงค่ะ ที่เป็นกระปุกๆ ลองชิมแต่ไม่ได้ซื้อ 
คนเยอะมาก เหมือนแจกฟรี 
ถึงแล้ว Kiyamizu-dera หรือ วัดน้ำใส ถ้าจะเข้าไปไหว้พระ ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ ด้านในจะต้องเสียค่าเข้า 300 เยน 
ใบไม้สีแดงเต็มไปหมดเลย 
เสียดายที่อาคารหลักปิดปรับปรุง
ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์จากน้ำตกโอโตวะเดินลวมาด้านล่างของของศาลาวัดน้ำใส โดยแต่ละสายจะมีประโยชน์ที่ต่างกัน อายุยืน, ประสบความสำเร็จในการเรียน และ ชีวิตคู่ เสร็จจากวัดน้ำใสก็เดินทางกลับโรงแรม
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่