ความลับของดวงดาว

กระทู้คำถาม



                                                                                            ตัวเล็กแต่ลูกดก



แม้จะมีขนาดเพียงเล็กกระจ้อย แต่ดาวพลูโตกลับมีดวงจันทร์บริวารที่พบแล้วถึงห้าดวง มากกว่าจำนวนดวงจันทร์บริวารของดาวเคราะห์ชั้นในทั้งหมดรวมกันเสียอีก

บริวารดวงแรกของดาวพลูโตที่ค้นพบคือ คารอน ค้นพบในปี 2521 โดย เจมส์ คริสตี นักดาราศาสตร์จากหอดูดาวนาวีสหรัฐฯ คารอนมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับดาวพลูโต เมื่อครั้งที่ยังถือว่าดาวพลูโตเป็นดาวเคราะห์ นักดาราศาสตร์บางคนมองว่าคู่พลูโต-คารอน คือตัวอย่างของดาวเคราะห์คู่ ถึงกับมีการเสนอให้ยกระดับคารอนเป็นดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งเสียด้วยซ้ำ คารอนมีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ถึงครึ่งหนึ่งของดาวพลูโต มีมวล 12 เปอร์เซ็นต์ของดาวพลูโต เทียบกับระบบดวงจันทร์บริวารที่มีขนาดระหว่างดาวเคราะห์กับดวงจันทร์ใกล้เคียงกันมากที่สุดลำดับรองลงมา ก็คือระบบโลก-ดวงจันทร์ ดวงจันทร์มีขนาดหนึ่งในสี่ของโลก และมีมวล 1.2 เปอร์เซ็นต์ของโลก

บริวารดวงอื่นของดาวพลูโตล้วนมีขนาดเล็กมาก ดวงจันทร์ลำดับถัดมาที่ค้นพบคือ นิกซ์ ไฮดรา เคอร์เบรอส และ สติกซ์ ค้นพบในปี 2548, 2548, 2554 และ 2555 ตามลำดับ
Cr.https://sites.google.com/site





ความลับของดวงจันทร์

ไม่มีวัตถุท้องฟ้าในที่ใดที่จะศึกษาได้ดีกว่าดวงจันทร์ เราไปที่นั่น เลือกเฟ้น และนำหินกลับบ้าน แต่ดวงจันทร์ก็ยังคงเก็บความลี้ลับไว้มากมาย ที่ดูแปลกกว่าเก่า คือเรื่องหินบนดวงจันทร์ที่เคยเป็นของโลกมาก่อน มันหลุดออกจากโลกไปได้เมื่อหลายพันล้านปี เมื่อดาวเคราะห์น้อยชนโลกเข้าให้ ที่ๆ เก็บข้อมูลของโลกอยู่บนดวงจันทร์ ?! 

    ความพยายามเพื่อหาปริมาณ เมื่อเดือนกรกฎาคมพบ มวล 11,000 ปอนด์ จากโลกอยู่ห่างกันไม่กี่นิ้วตามพื้นผิวทุกตารางไมล์บนผิวดวงจันทร์ หินโลกบนดวงจันทร์น่าจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับองค์ประกอบของโลกได้ตอนโลกอายุยังน้อย บรรยากาศโลกและอาจเป็นกำเนิดของชีวิตด้วย ที่จะได้ข้อมูลนี้หาไม่ได้จากที่อื่นใดอีกนอกจากดวงจันทร์ เพราะโลกไม่เหมือนดวงจันทร์ ดวงจันทร์เงียบสงบไม่มีการเคลื่อนไหวภายใน 

    แต่โลกนำมวลจากภายในขึ้นมาที่ผิวใหม่ มีการพับหินดินที่เปลือกโลกเข้าไปข้างในและหลอมละลายเกินกว่าจะรับรู้ได้ ไม่มีใครแน่ใจว่าควรให้มวลของโลกอยู่ที่ดวงจันทร์นั่นต่อไป หรือควรเอามันกลับคืนมา การวิจัยครั้งใหม่นี้จะบังคับให้มนุษย์กลับไปยังดวงจันทร์ครั้งใหม่ จอห์น อาร์มสตรอง จากมหาวิทยาลัยวอชิงตันบอกว่า นี่จะเป็นวิธีเร็วและถูกที่สุดที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับกำเนิดดาวเคราะห์และการเกิดระบบสุริยะทั้งหมด
Cr.https://sites.google.com/site
                                                                                  ดาวพุธร้อน แต่มีน้ำแข็ง
ดาวพุธร้อน แต่มีน้ำแข็ง  ดาวพุธนั้น ถึงแม้จะเป็นดาวที่ร้อนมาก และเป็นดาวที่อยู่ใกล้พระอาทิตย์มากที่สุดในระบบสุริยะจักรวาล ในบางพื้นที่ร้อนถึงกับหลอมตะกั่วได้ แต่นักดาราศาสตร์พบว่าที่ขั้วทั้งสองของดาวพุธกลับเป็นดินแดนแห่งความหนาวเหน็บ และอาจมีน้ำแข็งกักอยู่ตามก้นแอ่งมากถึงหนึ่งล้านล้านตัน    ดาวพุธนั้นหมุนรอบๆดวงอาทิตย์อย่างช้าๆ เพราะเหตุนั้น เมื่อดาวพุธด้านหนึ่งสัมผัสกับฝั่งที่เป็นแสงอาทิตย์มาก และมีความร้อนจนระอุ อีกด้านของดวงดาว ยังคงเป็นฟากที่หนาวเหน็บจนเกิดเป็นเกล็ดน้ำแข็งขึ้น
Cr.http://thaiastro.nectec.or.th/

                                                                                    ดาววีนัสเป็นดาวที่ร้อนที่สุด
ดาววีนัสเป็นดาวที่ร้อนที่สุด  สำหรับคนที่คิดว่าดาวพุธนั้นเป็นดาวที่มีความร้อนมากที่สุดในระบบสุริยะจักรวาลแล้วละก็ คุณคิดผิด เพราะแท้จริงแล้วดาวที่ร้อนที่สุดนั้นคือดาววีนัส ถึงแม้ดาววีนัสจะไกลจากดวงอาทิตย์ แต่ชั้นบรรยากาศของดาววีนัส ก็กักเก็บความร้อนของดวงอาทิตย์ไว้ได้อย่างดี


มีคนเปรียบเทียบว่า ดาวศุกร์เป็นดาวฝาแฝดกับโลก เนื่องจากดาวทั้งสองมีความคล้ายกันทั้งขนาด, มวล, ความหนาแน่นและปริมาตร โดยมีทฤษฎีว่าดาวศุกร์กับโลกอาจกำเนิดมาจากกลุ่มก๊าซในบริเวณและช่วงเวลาเดียวกัน แต่จากข้อมูลที่ได้จากการสังเกตการณ์โดยยานอวกาศที่โคจรรอบดาวศุกร์กลับพบว่า ดาวศุกร์กับโลกมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บนดาวศุกร์ไม่มีน้ำและไอน้ำอยู่เลย ชั้นบรรยากาศมีความหนาแน่นมากและมีความดันบรรยากาศสูงถึง 92 เท่าของความดันบรรยากาศบนโลกที่ระดับน้ำทะเล บรรยากาศประกอบด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รวมทั้งไอของกรดซัลฟิวริก ด้วยอุณหภูมิที่พื้นผิวสูงถึงประมาณ 482 องศาเซลเซียส ซึ่งร้อนมากจนสิ่งมีชีวิตไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ และถือว่าเป็นอากาศที่เป็นพิษ
Cr.http://www.chaiwbi.com
 


                                                                          วงแหวนของดาวเสาร์นั้นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
กาลิเลโอนั้นเป็นผู้ค้นพบวงแหวนของดาวเสาร์เป็นคนแรกของโลก วงแหวนของดาวเสาร์นั้นมีความสวยงามและเห็นได้ชัดผ่านกล้องโทรทัศน์ แต่ด้วยการที่ดาวเสาร์นั้นหมุนรอบๆไปเรื่อยๆเมื่อผ่านไปประมาณสิบห้าปี ดาวเสาร์นั้นจะถูกหมุนไปในอีกด้านหนึ่ง ทำให้เมื่อมองจากบนโลกของเราแล้ว จะเห็นวงแหวนในอีกมุมมองหนึ่งที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน

(วงแหวนของดาวเสาร์ประกอบขึ้นด้วยน้ำแข็งและหิน ซึ่งมีขนาดแตกต่างกัน ตั้งแต่เล็กเท่าเม็ดทราย จนใหญ่เท่าบ้าน แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่แน่ใจว่าเมื่อไรหรืออย่างไรวงแหวนของดาวเสาร์เกิดขึ้น นักวิทยาศาสตร์คิดว่าวงแหวนอาจเกี่ยวกับการมีดวงจันทร์เป็นจำนวนมากของดาวเสาร์ วงแหวนไม่ได้อยู่นิ่งๆ แต่เคลื่อนที่เป็นวงกลมรอบดาวเสาร์ด้วยความเร็วสูง เมื่อมองระยะใกล้จะเห็นว่าแต่ละวงแหวนประกอบด้วยวงแหวนขนาดเล็กจำนวนมาก ซึ่งบางครั้งเรียกว่า ringlets)
Cr./www.scimath.org



                                                                                    ดาวพฤหัสหมุนเร็วที่สุด 



ถึงและแม้ว่าดาวพฤหัสบดีนั้นจะมีความหนาแน่นมาก ขนาดใหญ่มาก และหนักมาก ดาวพฤหัสบดียังคงเป็นดาวที่หมุนเร็วที่สุดถ้าเทียบกับโลกที่ใช้เวลา 24 ชั่วโมงในการหมุนรอบตัวเองแล้ว ดาวพฤหัสบดีใช้เวลาต่ำกว่า 10 ชั่วโมงในการหมุนรอบตัวเองครับ และเนื่องจากการหมุนตัวที่เร็วแบบนี้ ด้านข้างของดาวพฤหัสจึงถูกบีบตัวทำให้ดาวนั้นแบนด้านข้าง ทำให้ดาวพฤหัสบดีมีลักษณะแป้นเหมือนผลส้ม

การหมุนรอบตัวเองเร็วที่สุดโดยใช้เวลาไม่ถึง 10 ชั่วโมงในการหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ ดังนั้น1 วันบนดาวพฤหัสบดีจึงสั้นที่สุด ด้วยการหมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็วของดาวเคราะห์ทำให้เกิดแรงเหวี่ยงหนีออกจากจุดศูนย์กลาง ดาวพฤหัสบดีจึงโป่งออกบริเวณเส้นศูนย์สูตรซึ่งสามารถสังเกตได้แม้ในรูปขนาดเล็ก มีความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วงที่ผิวมากที่สุดโดยมีค่าเป็น 2.53 เท่าของโลกมีความเร็วของการผละหนีที่ผิวมากที่สุด (60 กิโลเมตรต่อวินาที เทียบกับ 11.2 กิโลเมตรต่อวินาทีที่ผิวโลก) ดังนั้นก๊าซไฮโดรเจนและก๊าซฮีเลียมที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำจึงไม่สามารถหนีจากดาวพฤหัสบดีได้ 
Cr.https://sites.google.com


ดาวอังคาร กำลังจะมีวงแหวน

นักดาราศาสตร์พบว่าอีกไม่นาน ดาวอังคารจะมีวงแหวนกับเขาด้วยเหมือนกัน
วงแหวนที่เกิดขึ้นจะไม่ได้อยู่อย่างถาวร วัสดุในวงแหวนชิ้นที่ใหญ่จะค่อย ๆ ตีวงเข้าสู่ดาวอังคารไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งชนเข้ากับดาวอังคารด้วยมุมเอียงมากจนแทบจะกลายเป็นการถาก การชนในลักษณะนี้จะทำให้เกิดหลุมรูปวงรี ส่วนเศษซากชิ้นเล็กจะยังคงโคจรเป็นวงแหวนของดาวอังคารต่อไปอีกหลายล้านปี ก่อนจะค่อย ๆ ทยอยตกลงสู่ผิวดาวอังคารเหมือนฝนอุกกาบาต

ยังไม่เป็นที่แน่ชัดนักว่า เมื่อถึงวันนั้น วงแหวนของดาวอังคารจะมองเห็นได้จากโลกหรือไม่ วงแหวนของดาวอังคารจะประกอบด้วยฝุ่นเป็นหลัก ซึ่งสะท้อนแสงอาทิตย์ได้ไม่ดีเท่ากับละอองน้ำแข็งที่มีอยู่ในวงแหวนของดาวเคราะห์วงนอก แต่อย่างน้อยวงแหวนนี้ก็จะทำให้ดาวอังคารดูสว่างขึ้นกว่าเดิม และหากมองผ่านกล้องโทรทรรศน์ก็อาจมองเห็นเงาของวงแหวนที่ทอดลงไปบนผิวดาวอังคารด้วย
ใครไม่เชื่อก็รอดู อีกไม่เกิน 40 ล้านปีเท่านั้น
Cr.http://www.4dthai.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่