การไปlehคนเดียวไม่ยากอย่างที่คิดเลยครับ แต่ก็สิ่งที่ควรรู้อยู่สักหน่อย เดี๋ยววันนี้จะมาบอกเล่าคร่าวๆกัน
Ep.1การเตรียมตัว
1.ไปอินเดียต้องทำvisa 80usd ทำonlineง่ายๆเอกสารครบอีกวันอนุมัติ
2.หาวันลาควรไปสัก5-7วัน ไปได้ทุกฤดู แต่ละฤดูความงามไม่เหมือนกัน
3.ตั๋วเครื่องบินหาในgoogle flightจะได้ราคาดี
4.เนื่องด้วยภูมิประเทศเป็นที่สูง ออกซิเจนน้อย เตรียมยาdiamoxไปด้วย แพ้ความสูงเดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุก
5.เตรียมใจ ด้วยความที่เลห์เป็นเมืองที่มีความธรรมชาติสูงมาก สิ่งอำนวยความสะดวกก็อาจน้อยหน่อย เนตมือถือซิมจากไทยไม่ต้องซื้อไปเพราะเอาไปก็ใช้ที่เลห์ไม่ได้ ใช้wifiจากรร โหลดoffline mapไปเผื่อด้วยก็ดี ห้องน้ำระหว่างทางคือส้วมหลุม สำหรับผช.ก็ข้างทางเลยครับเป็นการขับถ่ายที่วิวสวยที่สุดในชีวิตละ 55
Ep.2แพลน
ไปเที่ยวเลห์ก็จะมีไม่กี่รูทที่นิยมๆกัน
-ในตัวเมืองleh ก็จะมีวัดวังต่างๆ shanti stupa, Leh palace,
-รอบๆเมืองleh วัดlamayuru, magnetic hillเป็นถนนที่เหมือนมีภูเขาสูงมากกั้นอยู่ข้างหน้า,จุดชมวิวแม่น้ำสองสายบรรจบกัน
-Nubra ทางไปก็จะผ่านถนนที่สูงที่สุดในโลกkadunhla pass มีหิมะฟินๆ มีวัด ละตอนเย็นก็ไปขี่อูฐที่ทะเลทราย15นาที300inr
-Pangong ทะเลสาปที่สวยมากๆ มองไปทางใหนก็สวย ทางไปก็สวย โคตรฟิน ละก่อนถึงตรงทุ่งหญ้าก็จะพบน้องแพรี่ด้อก หรือที่คนเขาเรียกว่าเจ้าตัวมามอทเป็นสัตว์จำพวกกระรอกดิน พวกนี้เชื่องมากเพราะนักท่องเที่ยวไปให้ขนมจนมันเสียนิสัย (แต่วันนั้นผมเจอหมาป่าด้วย ขนลุกเลย)
-TsoMoriri เป็นอีกทะเลสาปนึงที่อยู่สูงกว่าแปงกองเดินทางก็ใช้เวลาเป็นวันอยู่ มองออกไปจากจุดชมวิวนึกว่าเป็นทะเล กว้างใหญ่มาก มองด้วยตาเหมือนใหญ่กว่าแปงกองแต่ที่จริงแปงกองใหญ่กว่า แต่.. วันที่ไปท้องฟ้าปิด ฝนตก และอากาศหนาวมากก ที่นี่ก็มีเจ้ามามอทเหมือนกันแต่ไม่เชื่องเหมือนแปงกอง
-วันสุดท้ายต้องไปต่อเครื่องก็แวะเที่ยวนิวเดลีนิดหน่อย ไม่ประทับใจเมืองนี้เลย แหะๆ คนที่นี่หิวเงินมาก ตามตื้อน่ากลัว
Ep.3การเดินทาง
-ระหว่างประเทศ จะต้องไปต่อเครื่องที่new delhi ครั้งนี้ผมบินair indiaจองทีเดียว จะได้ไม่มีปัญหาเวลาเกิดดีเลย์ แต่ทำใจเรื่องกลิ่นนะครับบนเครื่องคนอินเดีย90%ได้ และอาหารบนเครื่องไม่อร่อย ส่วนการต่อเครื่องก็ไม่ยากเลย เดินตามป้าย domestic transferแค่นั้น ละก็นอนรอ (สนามบินก็ไม่มีwifi)
-การเดินทางในLeh แบ่งเป็น3แบบ
1.มอเตอร์ไซต์ royal Enfield ใครขี่เป็นคือโคตรเท่
2.ไปติดต่อtaxiในตลาด
3.ติดต่อรถผ่านagency *ไปคนเดียวผมแนะนำวิธีนี้ สะดวกและปลอดภัย
Ep.4ลุย
ขอเล่าเป็นประสบการณ์รวมที่เจอมานะครับ
-อย่างแรกเลย คนเลห์ใจดีไม่โก่งราคานักท่องเที่ยว
-เลย์เป็นเมืองที่วิวระหว่างทางสวยมาก การเดินทางของแต่ละสถานที่มองเป็นระยะทางอาจไม่ไกล แต่ความจริงใช้เวลานานมากเพราะทางเป็นทางลัดเลาะไหล่เขา ซึ่งถือเป็นhighlightเลย วิวสวยมากกกกกกกกก ในรูปไม่สวยเท่าตาเห็นอะพูดเลย
-คนเป็นโรคปวดหลัง หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนกระดูกหลังเสื่อม ผมว่าถ้าไม่แข็งแรงจริงไม่ควรมาเพราะทางระหว่างเมืองคือสุดมากจริงๆ ด้วยความหวังดีจากนักกายภาพบำบัดผู้ชอบเที่ยว
-ของกินไม่แพง ราคาอาหารราคาขนมพอๆกับไทยเลย อาหารของที่นั่นโดยรวมถือว่ากินได้นะครับ รสไม่จัด ไม่ได้เป็นอาหารอินเดียจ๋า แต่พกน้ำพริกหรือมาม่าไปด้วยก็ดีเพราะวันท้ายๆคือโหยหาอาหารไทยมาก
-เวลาขับรถคนที่นั่นเค้าไม่ใช้แอร์หรือฮีตเตอร์นะครับ เปิดกระจกอย่างเดียว พกmaskไปด้วยก็ได้ แต่ไม่ได้พกไปก็ไม่ได้เป็นแญหาคอขาดบาดตาย
-วัดหรืออารามของที่นู่เค้าจะสร้างบนเขาสูง แบบสร้างบนหน้าผา คือทึ่งในความพยายามของคนสมัยก่อนมาก แบกอิฐขึ้นไปสร้างข้างบนได้ยังไง
สำหรับมินิรีวิวเที่ยวคนเดียวจบสั้นๆประมานนี้ ถามว่าไปได้ไหม อันตรายไหม ก็ต้องบอกว่าแล้วแต่ว่าคุณเดินทางยังไง เพราะที่นั่sim netจากไทยใช้ไม่ได้ ภาษาอังกฤษก็ต้องพอเอาตัวรอดได้ด้วยนะครับ ไม่ต้องเก่งแต่ต้องเอาตัวรอดได้อะ แต่จากที่ผมไปผมติดต่อagencyไปก่อน ให้เค้าช่วยจองโรงแรม ติดต่อรถ ละก็ทำpassการเดินทางให้ครบ ก็เลยมั่นใจได้ว่าไม่อันตรายและหายห่วงแน่นอน ให้เค้าช่วยวางแผนปรับแผนปรับรูทต่างๆให้เหมาะสมกับตัวเรา ถ้าใครมีคำถามอะไรถ้าผมตอบได้ก็จะตอบนะครับ แต่ถ้าตอบไม่ได้ถามคนนี้ก็ได้เพราะตอบได้แน่นอน พี่เขาเป็นคนไทยที่อยู่ที่เลห์ คุยภาษาไทยได้เลย ที่เพจfb Luckyteam in ladakh
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายก็แล้วแต่แพลนว่าจะไปที่ไหน จะนอนแบบใหนราคาก็จะแตกต่างกันไป เอาเป็นว่าไปคนเดียวไม่มีคนหารก็จะหนักหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าพอเห็นวิว ได้ใช้เวลาอยู่ที่นั้น ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ยังไงก็คุ้ม
Mini Review Leh Ladakh 2019 ไปคนเดียว!! ไปยังไง ไปดูกัน
การไปlehคนเดียวไม่ยากอย่างที่คิดเลยครับ แต่ก็สิ่งที่ควรรู้อยู่สักหน่อย เดี๋ยววันนี้จะมาบอกเล่าคร่าวๆกัน
Ep.1การเตรียมตัว
1.ไปอินเดียต้องทำvisa 80usd ทำonlineง่ายๆเอกสารครบอีกวันอนุมัติ
2.หาวันลาควรไปสัก5-7วัน ไปได้ทุกฤดู แต่ละฤดูความงามไม่เหมือนกัน
3.ตั๋วเครื่องบินหาในgoogle flightจะได้ราคาดี
4.เนื่องด้วยภูมิประเทศเป็นที่สูง ออกซิเจนน้อย เตรียมยาdiamoxไปด้วย แพ้ความสูงเดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุก
5.เตรียมใจ ด้วยความที่เลห์เป็นเมืองที่มีความธรรมชาติสูงมาก สิ่งอำนวยความสะดวกก็อาจน้อยหน่อย เนตมือถือซิมจากไทยไม่ต้องซื้อไปเพราะเอาไปก็ใช้ที่เลห์ไม่ได้ ใช้wifiจากรร โหลดoffline mapไปเผื่อด้วยก็ดี ห้องน้ำระหว่างทางคือส้วมหลุม สำหรับผช.ก็ข้างทางเลยครับเป็นการขับถ่ายที่วิวสวยที่สุดในชีวิตละ 55
Ep.2แพลน
ไปเที่ยวเลห์ก็จะมีไม่กี่รูทที่นิยมๆกัน
-ในตัวเมืองleh ก็จะมีวัดวังต่างๆ shanti stupa, Leh palace,
-รอบๆเมืองleh วัดlamayuru, magnetic hillเป็นถนนที่เหมือนมีภูเขาสูงมากกั้นอยู่ข้างหน้า,จุดชมวิวแม่น้ำสองสายบรรจบกัน
-Nubra ทางไปก็จะผ่านถนนที่สูงที่สุดในโลกkadunhla pass มีหิมะฟินๆ มีวัด ละตอนเย็นก็ไปขี่อูฐที่ทะเลทราย15นาที300inr
-Pangong ทะเลสาปที่สวยมากๆ มองไปทางใหนก็สวย ทางไปก็สวย โคตรฟิน ละก่อนถึงตรงทุ่งหญ้าก็จะพบน้องแพรี่ด้อก หรือที่คนเขาเรียกว่าเจ้าตัวมามอทเป็นสัตว์จำพวกกระรอกดิน พวกนี้เชื่องมากเพราะนักท่องเที่ยวไปให้ขนมจนมันเสียนิสัย (แต่วันนั้นผมเจอหมาป่าด้วย ขนลุกเลย)
-TsoMoriri เป็นอีกทะเลสาปนึงที่อยู่สูงกว่าแปงกองเดินทางก็ใช้เวลาเป็นวันอยู่ มองออกไปจากจุดชมวิวนึกว่าเป็นทะเล กว้างใหญ่มาก มองด้วยตาเหมือนใหญ่กว่าแปงกองแต่ที่จริงแปงกองใหญ่กว่า แต่.. วันที่ไปท้องฟ้าปิด ฝนตก และอากาศหนาวมากก ที่นี่ก็มีเจ้ามามอทเหมือนกันแต่ไม่เชื่องเหมือนแปงกอง
-วันสุดท้ายต้องไปต่อเครื่องก็แวะเที่ยวนิวเดลีนิดหน่อย ไม่ประทับใจเมืองนี้เลย แหะๆ คนที่นี่หิวเงินมาก ตามตื้อน่ากลัว
Ep.3การเดินทาง
-ระหว่างประเทศ จะต้องไปต่อเครื่องที่new delhi ครั้งนี้ผมบินair indiaจองทีเดียว จะได้ไม่มีปัญหาเวลาเกิดดีเลย์ แต่ทำใจเรื่องกลิ่นนะครับบนเครื่องคนอินเดีย90%ได้ และอาหารบนเครื่องไม่อร่อย ส่วนการต่อเครื่องก็ไม่ยากเลย เดินตามป้าย domestic transferแค่นั้น ละก็นอนรอ (สนามบินก็ไม่มีwifi)
-การเดินทางในLeh แบ่งเป็น3แบบ
1.มอเตอร์ไซต์ royal Enfield ใครขี่เป็นคือโคตรเท่
2.ไปติดต่อtaxiในตลาด
3.ติดต่อรถผ่านagency *ไปคนเดียวผมแนะนำวิธีนี้ สะดวกและปลอดภัย
Ep.4ลุย
ขอเล่าเป็นประสบการณ์รวมที่เจอมานะครับ
-อย่างแรกเลย คนเลห์ใจดีไม่โก่งราคานักท่องเที่ยว
-เลย์เป็นเมืองที่วิวระหว่างทางสวยมาก การเดินทางของแต่ละสถานที่มองเป็นระยะทางอาจไม่ไกล แต่ความจริงใช้เวลานานมากเพราะทางเป็นทางลัดเลาะไหล่เขา ซึ่งถือเป็นhighlightเลย วิวสวยมากกกกกกกกก ในรูปไม่สวยเท่าตาเห็นอะพูดเลย
-คนเป็นโรคปวดหลัง หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนกระดูกหลังเสื่อม ผมว่าถ้าไม่แข็งแรงจริงไม่ควรมาเพราะทางระหว่างเมืองคือสุดมากจริงๆ ด้วยความหวังดีจากนักกายภาพบำบัดผู้ชอบเที่ยว
-ของกินไม่แพง ราคาอาหารราคาขนมพอๆกับไทยเลย อาหารของที่นั่นโดยรวมถือว่ากินได้นะครับ รสไม่จัด ไม่ได้เป็นอาหารอินเดียจ๋า แต่พกน้ำพริกหรือมาม่าไปด้วยก็ดีเพราะวันท้ายๆคือโหยหาอาหารไทยมาก
-เวลาขับรถคนที่นั่นเค้าไม่ใช้แอร์หรือฮีตเตอร์นะครับ เปิดกระจกอย่างเดียว พกmaskไปด้วยก็ได้ แต่ไม่ได้พกไปก็ไม่ได้เป็นแญหาคอขาดบาดตาย
-วัดหรืออารามของที่นู่เค้าจะสร้างบนเขาสูง แบบสร้างบนหน้าผา คือทึ่งในความพยายามของคนสมัยก่อนมาก แบกอิฐขึ้นไปสร้างข้างบนได้ยังไง
สำหรับมินิรีวิวเที่ยวคนเดียวจบสั้นๆประมานนี้ ถามว่าไปได้ไหม อันตรายไหม ก็ต้องบอกว่าแล้วแต่ว่าคุณเดินทางยังไง เพราะที่นั่sim netจากไทยใช้ไม่ได้ ภาษาอังกฤษก็ต้องพอเอาตัวรอดได้ด้วยนะครับ ไม่ต้องเก่งแต่ต้องเอาตัวรอดได้อะ แต่จากที่ผมไปผมติดต่อagencyไปก่อน ให้เค้าช่วยจองโรงแรม ติดต่อรถ ละก็ทำpassการเดินทางให้ครบ ก็เลยมั่นใจได้ว่าไม่อันตรายและหายห่วงแน่นอน ให้เค้าช่วยวางแผนปรับแผนปรับรูทต่างๆให้เหมาะสมกับตัวเรา ถ้าใครมีคำถามอะไรถ้าผมตอบได้ก็จะตอบนะครับ แต่ถ้าตอบไม่ได้ถามคนนี้ก็ได้เพราะตอบได้แน่นอน พี่เขาเป็นคนไทยที่อยู่ที่เลห์ คุยภาษาไทยได้เลย ที่เพจfb Luckyteam in ladakh
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายก็แล้วแต่แพลนว่าจะไปที่ไหน จะนอนแบบใหนราคาก็จะแตกต่างกันไป เอาเป็นว่าไปคนเดียวไม่มีคนหารก็จะหนักหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าพอเห็นวิว ได้ใช้เวลาอยู่ที่นั้น ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ยังไงก็คุ้ม