ขอเกริ่นก่อนนะครับ
เจ้าของกระทู้ เป็นมนุษย์เงินเดือน ใช้ชีวิตราบเรียบด้วยเงินเดือน50Kกับประสบการณ์ทำงาน18ปี 8ปีแรกกับบริษัทเจ้าสัวผู้มั่งคั่ง
10ปีต่อมากับเถ้าแก่ ซึ่งอายุเท่าๆกัน
เงินเดือนไม่ปรับมาหลายปีแล้วเพราะเข้าใจดีเรื่องเศรษฐกิจมันแย่ เราก็พยายามประคับประคอง ก็พอวางแผนชีวิตได้บ้าง ไม่ถึงกับลำบาก
แต่เรื่องมันมีอยู่ว่า จู่ๆก็มีบริษัทจัดหาพนักงานชื่อดังติดต่อมา ว่าสนใจในประสบการณ์ทำงานของเรา ขอให้ส่งประวัติ โน่นนั่นนี่ไปให้หน่อย (เขาเจอresumeเราที่เคยกรอกทิ้งไว้ในเวปหางานเมื่อสามสี่ปีที่แล้ว_จนลืมไปแล้วละ)
เราก็ไม่ปักใจอะไร เพราะงานก็ยุ่ง เราก็บ่ายเบี่ยงไปเรื่อยๆจนจะครบเดือน เราจะขึ้นไปเชียงราย ปรากฏว่าเขาขอนัดคุยที่โรงงานที่เชียงราย _ เอ๊าไหนๆก็ไหนๆละนัดก็นัด
พอวันนัดเราก็ไป เจอเลขาหน้าห้อง บอกเขากำลังรออยู่ในห้องประชุม
เดินเข้าไปตกใจ คนเยอะเกิน ฝรั่ง3 แขกอินเดีย1ไทย1CEOแนะนำตัวเป็นฝรั่ง แขกอินเดียเป็นเจ้าของบริษัท ฝรั่งอีก2คนเป็นวิศวกร เขาบอกรู้จักผลงานเราและสืบประวัติเราจากซัพพลายเออร์ที่เราเคยติดต่อแล้ว
เขาเลยเชิญเราเข้าไปดูไลน์การผลิต และขอให้คอมเม้นท์ หลังจากกลับเข้ามาห้องประชุมเราก็คอมเม้นท์ตามประสบการณ์ไป4_5ข้อวิเคราะห์และบอกแนวทางการแก้ไขไปตามเท่าที่เห็นซึ่งจริงๆมีอีกเยอะ
ปรากฏว่าโดนใจกันใหญ่ ท่านCEOเลยสอบถามค่าตอบแทนที่เราได้ปัจจุบันเราบอกไปเขาก็ตอบกลับมาแบบไม่คิดทางเราให้คุณ100Kคุณมาเริ่มงานกับเราได้ไหม ได้เมื่อไหร่ เล่นเอาตั้งตัวไม่ทันเลย แถมบอกว่าเรามีโบนัสทุกปี พาดูงานต่างประเทศ และมีปรับเงินเดือนให้เราถ้าผลงานเป็นไปตามเป้า
100k_ 100k_โอ้สำหรับเราแล้วนี่มันโอกาสดีชัดๆ งานใกล้บ้าน เงิน2เท่า ไม่ต้องอยู่กรุงเทพ
แต่ก็ยังไม่ตอบตกลง เพราะงานที่เก่าก็ยังไม่ได้ลาออก ต้องจบงานเก่าด้วย ที่สำคัญมากๆคือเถ้าแก่เราก็ทำงานกันมานาน จนงานในส่วนที่เรารับผิดชอบเขาวางใจได้
กลับมากรุงเทพ_ดราม่าเลยทีนี้จะคุยยังไงดีกะเถ้าแก่ เจอหน้าก็คุยแต่วางแผนอนาคตๆ
ผ่านไปสามวันไม่ไหวละต้องคุยๆ
และก็นัดเถ้าแก่มายืนคุยกัน ผลก็อย่างที่คิดไว้ ทุกคำที่เขาพูดเราคิดล่วงหน้าไว้ได้เลย เราก็พยายามบอกว่ามันเป็นโอกาส เขาก็ถามเราอย่างที่คิดไว้ว่าอยากได้เพิ่มเท่าไหร่_คำถามนี้บอกตรงๆครับมันเป็นเรื่องที่งี่เง่ามากหากเราจะเอาโอกาสใหม่มาต่อรองเพื่ออัพค่าตัว_เลยตัดบทสนทนาไว้แค่ว่าวันนี้เราคุยกันแค่นี้ไว้ก่อน
วันต่อมา คราวนี้บอกเอางี้เราให้เท่ากับที่นั่นเสนอมา ตกใจปนเศร้าใจ+กังวลใจ
ถ้าตกลงกับข้อเสนอก็กลัวเขาจะมองเรายังไง
ถ้าไม่ตกลง ก็เป็นห่วงเขา
เครียดในเครียดจริงๆครับ
โอกาสวิ่งเข้ามาหาแต่กลายเป็นเครียดสะงั้น
มีโอกาสได้งานใหม่เงินเดือนx2_กลับเครียดกว่าเดิม
เจ้าของกระทู้ เป็นมนุษย์เงินเดือน ใช้ชีวิตราบเรียบด้วยเงินเดือน50Kกับประสบการณ์ทำงาน18ปี 8ปีแรกกับบริษัทเจ้าสัวผู้มั่งคั่ง
10ปีต่อมากับเถ้าแก่ ซึ่งอายุเท่าๆกัน
เงินเดือนไม่ปรับมาหลายปีแล้วเพราะเข้าใจดีเรื่องเศรษฐกิจมันแย่ เราก็พยายามประคับประคอง ก็พอวางแผนชีวิตได้บ้าง ไม่ถึงกับลำบาก
แต่เรื่องมันมีอยู่ว่า จู่ๆก็มีบริษัทจัดหาพนักงานชื่อดังติดต่อมา ว่าสนใจในประสบการณ์ทำงานของเรา ขอให้ส่งประวัติ โน่นนั่นนี่ไปให้หน่อย (เขาเจอresumeเราที่เคยกรอกทิ้งไว้ในเวปหางานเมื่อสามสี่ปีที่แล้ว_จนลืมไปแล้วละ)
เราก็ไม่ปักใจอะไร เพราะงานก็ยุ่ง เราก็บ่ายเบี่ยงไปเรื่อยๆจนจะครบเดือน เราจะขึ้นไปเชียงราย ปรากฏว่าเขาขอนัดคุยที่โรงงานที่เชียงราย _ เอ๊าไหนๆก็ไหนๆละนัดก็นัด
พอวันนัดเราก็ไป เจอเลขาหน้าห้อง บอกเขากำลังรออยู่ในห้องประชุม
เดินเข้าไปตกใจ คนเยอะเกิน ฝรั่ง3 แขกอินเดีย1ไทย1CEOแนะนำตัวเป็นฝรั่ง แขกอินเดียเป็นเจ้าของบริษัท ฝรั่งอีก2คนเป็นวิศวกร เขาบอกรู้จักผลงานเราและสืบประวัติเราจากซัพพลายเออร์ที่เราเคยติดต่อแล้ว
เขาเลยเชิญเราเข้าไปดูไลน์การผลิต และขอให้คอมเม้นท์ หลังจากกลับเข้ามาห้องประชุมเราก็คอมเม้นท์ตามประสบการณ์ไป4_5ข้อวิเคราะห์และบอกแนวทางการแก้ไขไปตามเท่าที่เห็นซึ่งจริงๆมีอีกเยอะ
ปรากฏว่าโดนใจกันใหญ่ ท่านCEOเลยสอบถามค่าตอบแทนที่เราได้ปัจจุบันเราบอกไปเขาก็ตอบกลับมาแบบไม่คิดทางเราให้คุณ100Kคุณมาเริ่มงานกับเราได้ไหม ได้เมื่อไหร่ เล่นเอาตั้งตัวไม่ทันเลย แถมบอกว่าเรามีโบนัสทุกปี พาดูงานต่างประเทศ และมีปรับเงินเดือนให้เราถ้าผลงานเป็นไปตามเป้า
100k_ 100k_โอ้สำหรับเราแล้วนี่มันโอกาสดีชัดๆ งานใกล้บ้าน เงิน2เท่า ไม่ต้องอยู่กรุงเทพ
แต่ก็ยังไม่ตอบตกลง เพราะงานที่เก่าก็ยังไม่ได้ลาออก ต้องจบงานเก่าด้วย ที่สำคัญมากๆคือเถ้าแก่เราก็ทำงานกันมานาน จนงานในส่วนที่เรารับผิดชอบเขาวางใจได้
กลับมากรุงเทพ_ดราม่าเลยทีนี้จะคุยยังไงดีกะเถ้าแก่ เจอหน้าก็คุยแต่วางแผนอนาคตๆ
ผ่านไปสามวันไม่ไหวละต้องคุยๆ
และก็นัดเถ้าแก่มายืนคุยกัน ผลก็อย่างที่คิดไว้ ทุกคำที่เขาพูดเราคิดล่วงหน้าไว้ได้เลย เราก็พยายามบอกว่ามันเป็นโอกาส เขาก็ถามเราอย่างที่คิดไว้ว่าอยากได้เพิ่มเท่าไหร่_คำถามนี้บอกตรงๆครับมันเป็นเรื่องที่งี่เง่ามากหากเราจะเอาโอกาสใหม่มาต่อรองเพื่ออัพค่าตัว_เลยตัดบทสนทนาไว้แค่ว่าวันนี้เราคุยกันแค่นี้ไว้ก่อน
วันต่อมา คราวนี้บอกเอางี้เราให้เท่ากับที่นั่นเสนอมา ตกใจปนเศร้าใจ+กังวลใจ
ถ้าตกลงกับข้อเสนอก็กลัวเขาจะมองเรายังไง
ถ้าไม่ตกลง ก็เป็นห่วงเขา
เครียดในเครียดจริงๆครับ
โอกาสวิ่งเข้ามาหาแต่กลายเป็นเครียดสะงั้น