ขอเล่าเลยนะค่ะ ปัจจุบันดิฉันทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชนทั่วๆไปรายได้ 40,000-100,000 บาท รายได้ไม่ค่อยแน่นอน ขึ้นๆ ลงๆ ตามสภาพอากาศค่ะ มีภาระหน้าที่ต้องดูแลแม่ 1 คน ซึ่งแม่ก็ป่วยเป็นโรคที่ต้องรักษาอย่างยาวนานอาจต้องกินยาตลอดชีวิต ค่าใช้จ่ายต่างๆภายในบ้านคือเราเป็นคนดูแลทุกอย่าง ค่ายา,ค่าน้ำ,ค่าไฟ,และค่าอื่นๆอีกมากมาย, ประมาณว่าทุกค่าในบ้านค่ะ (บ้านแม่)
เมื่อปีที่แล้วดิฉันได้ท้องไปไม่กี่สัปดาห์ก็แท้ง แพทย์บอกว่าเห็นถุงตั้งครรภ์แต่ไม่เห็นหัวใจเด็กจึงเป็นท้องลม ช่วงนั้นใกล้สิ้นเดือนงานเยอะค่ะ มียกของหนักบ้าง ทำงานหนักบ้าง เครียดบ้าง ท้องลมนี้ไม่ทราบสาเหตุ และได้ขูดมดลูกเอาออกพัก 2-3 เดือน
ต่อมารู้สึกอยากมีลูกเพราะเคยได้ท้องไปแล้วเลยจับมือกับแฟนไปหาหมอตรวจเช็คร่างกายว่าปกติกันทั้งคู่รึป่าว ผลสรุปเราปกติค่ะ ส่วนแฟนท่ออสุจิตัน 1 ข้าง ทำให้มีลูกยาก หมอบอกว่าจะมีลูกเองตามธรรมชาติไม่ได้ต้องทำเด็กหลอดแก้วเท่านั้น ซึ่งค่าใช้จ่ายทำเด็กหลอดแก้วบ้านสามีเป็นคนจ่ายค่ะ
และ ณ ตอนนี้ เราได้ใส่ตัวอ่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยปัญหาที่เราต้องทำงานบวกกับความเครียดหลายๆอย่าง อาจส่งผลทำให้ตัวอ่อนไม่ติด เราเลยลองพูดคุยกับแฟนดูว่า
เรา “ จะออกจากงานมาจริงจังกับการมีลูกดีมั้ย? เพราะเราทำงานเครียดตลอดเวลา ถึงลางานได้แต่ก็ต้องมีเรื่องจุกจิกตามงาน ภาวะกดดันต่างๆ
สามี “ ถ้าไม่ทำงานเราจะเครียดยิ่งกว่าเดิมรึป่าว? สามีกลัวเราเสียพวกสวัสดีการที่ทำงาน และกลัวเราเครียดเพราะไม่มีเงินใช้ เพราะปกติเราอยากได้อะไร ใช้อะไร เปล์ตัวเอง ซื้อเองค่ะ
เรา” ถาม สามีต่อว่า ถ้าฉันลาออกจากงาน เธอจะดูแลฉันได้รึป่าว? จะให้ฉันใช้เงินเดือนละเท่าไหร่ ?
สามี” ให้ 15,000 บาท เอาไปจัดการเอง ทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัวและที่บ้านจัดการให้พอ!!
เรา” อึ้ง!! ก่อนหน้านี้เคยลองพูดกันเล่นๆ บอกจะให้เดือนละ 20,000 บาท และพอมาวันนี้จะให้แค่ 15,000 บาท พูดจาไม่เป็นคำพูดเลย จะพอมั้ย? ทุกวันนี้ทำงานหาเงินใช้จ่ายส่วนตัวแทบไม่พอใช้ มีภาระดูแลแม่และที่บ้านอีก 15,000 บาท ไม่พอแน่ๆ ค่าต่างๆ มากมาย (แค่ค่ากินก็ไม่พอแล้ว)
สามี” ถ้ามีลูกมันภาระเยอะขนาดนี้ อยู่แบบนี้ก็ได้นะ จะได้ไม่ลำบาก... ไม่มีลูกก็ได้
เรา” เสียใจค่ะ คิดไปต่างๆ นาๆ เราอาจไม่พร้อมจะมีลูกตอนนี้จริงๆ รึป่าว? เพราะภาระเราก็เยอะ สามีก็ดูแลเราได้ไม่เต็มที่มีลูกไปกลัวมีปัญหากันเรื่องเงินๆ ทองๆ กันป่าวๆ ถึงบ้านเค้าจะรับผิดชอบเรื่องลูกได้ แล้วเรากับครอบครัวเราหล่ะ ใครจะรับผิดชอบ เราเป็นเหมือนเสาหลักในครอบครัวเราเลยมีแม่แค่คนเดียว
ส่วนสามีทำงานกับที่บ้านเงินเดือนไม่ได้บอกเราชัดเจนว่าได้เท่าไหร่และเราก็ไม่เคยไปยุ้งเกี่ยวทุกวันนี้ภาระที่สามีจ่ายให้แค่ผ่อนรถเท่านั้น ค่าข้าวมีจ่ายให้บ้างบางมื้อ เรารู้สึกอึดอัดเหมือนโดนเอาเปรียบ อยากให้เรามีลูกแต่ไม่สามารถดูแลเราให้ดีได้ และมีการมาบอกว่าถ้ามีลูกแล้วภาระเยอะ ไม่มีก็ได้นะ เรานอนคิดทั้งคืน เสียใจ รู้สึกถ้าชีวิตเป็นแบบนี้ ดูแลตัวเองแบบนี้ ไม่มีสามีก็ได้ เลยตัดสินใจบอกสามีไปว่ายังไม่พร้อมมีลูกแล้ว รอปีหน้าค่อยว่ากัน... ถ้าเค้าไม่พร้อมที่จะดูแลเรา ใจเราก็ไม่พร้อมที่จะมีลูกเหมือนกัน
เพื่อนเราเคยบอกว่าการมีลูกมันมีความสุขที่สุด ไม่ต้องการสิ่งใด แต่สำหรับเราตอนนี้ความสุขที่แท้จริงของเราคืออะไร ระหว่างการมีลูกแล้วต้องลำบากตัวเอง กับ การทำงานใช้ชีวิตดูแลครอบครัว หาเอง ใช้เอง สบายใจกว่าเยอะค่ะ
ยาวหน่อยนะค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบค่ะ
สวัสดีค่ะ ดิฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษา มาแชร์แลกเปลี่ยนความคิด ความรู้สึกกัน การมีลูก Vs ทำงาน อะไรสำคัญที่สุดในชีวิตเรา
เมื่อปีที่แล้วดิฉันได้ท้องไปไม่กี่สัปดาห์ก็แท้ง แพทย์บอกว่าเห็นถุงตั้งครรภ์แต่ไม่เห็นหัวใจเด็กจึงเป็นท้องลม ช่วงนั้นใกล้สิ้นเดือนงานเยอะค่ะ มียกของหนักบ้าง ทำงานหนักบ้าง เครียดบ้าง ท้องลมนี้ไม่ทราบสาเหตุ และได้ขูดมดลูกเอาออกพัก 2-3 เดือน
ต่อมารู้สึกอยากมีลูกเพราะเคยได้ท้องไปแล้วเลยจับมือกับแฟนไปหาหมอตรวจเช็คร่างกายว่าปกติกันทั้งคู่รึป่าว ผลสรุปเราปกติค่ะ ส่วนแฟนท่ออสุจิตัน 1 ข้าง ทำให้มีลูกยาก หมอบอกว่าจะมีลูกเองตามธรรมชาติไม่ได้ต้องทำเด็กหลอดแก้วเท่านั้น ซึ่งค่าใช้จ่ายทำเด็กหลอดแก้วบ้านสามีเป็นคนจ่ายค่ะ
และ ณ ตอนนี้ เราได้ใส่ตัวอ่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยปัญหาที่เราต้องทำงานบวกกับความเครียดหลายๆอย่าง อาจส่งผลทำให้ตัวอ่อนไม่ติด เราเลยลองพูดคุยกับแฟนดูว่า
เรา “ จะออกจากงานมาจริงจังกับการมีลูกดีมั้ย? เพราะเราทำงานเครียดตลอดเวลา ถึงลางานได้แต่ก็ต้องมีเรื่องจุกจิกตามงาน ภาวะกดดันต่างๆ
สามี “ ถ้าไม่ทำงานเราจะเครียดยิ่งกว่าเดิมรึป่าว? สามีกลัวเราเสียพวกสวัสดีการที่ทำงาน และกลัวเราเครียดเพราะไม่มีเงินใช้ เพราะปกติเราอยากได้อะไร ใช้อะไร เปล์ตัวเอง ซื้อเองค่ะ
เรา” ถาม สามีต่อว่า ถ้าฉันลาออกจากงาน เธอจะดูแลฉันได้รึป่าว? จะให้ฉันใช้เงินเดือนละเท่าไหร่ ?
สามี” ให้ 15,000 บาท เอาไปจัดการเอง ทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัวและที่บ้านจัดการให้พอ!!
เรา” อึ้ง!! ก่อนหน้านี้เคยลองพูดกันเล่นๆ บอกจะให้เดือนละ 20,000 บาท และพอมาวันนี้จะให้แค่ 15,000 บาท พูดจาไม่เป็นคำพูดเลย จะพอมั้ย? ทุกวันนี้ทำงานหาเงินใช้จ่ายส่วนตัวแทบไม่พอใช้ มีภาระดูแลแม่และที่บ้านอีก 15,000 บาท ไม่พอแน่ๆ ค่าต่างๆ มากมาย (แค่ค่ากินก็ไม่พอแล้ว)
สามี” ถ้ามีลูกมันภาระเยอะขนาดนี้ อยู่แบบนี้ก็ได้นะ จะได้ไม่ลำบาก... ไม่มีลูกก็ได้
เรา” เสียใจค่ะ คิดไปต่างๆ นาๆ เราอาจไม่พร้อมจะมีลูกตอนนี้จริงๆ รึป่าว? เพราะภาระเราก็เยอะ สามีก็ดูแลเราได้ไม่เต็มที่มีลูกไปกลัวมีปัญหากันเรื่องเงินๆ ทองๆ กันป่าวๆ ถึงบ้านเค้าจะรับผิดชอบเรื่องลูกได้ แล้วเรากับครอบครัวเราหล่ะ ใครจะรับผิดชอบ เราเป็นเหมือนเสาหลักในครอบครัวเราเลยมีแม่แค่คนเดียว
ส่วนสามีทำงานกับที่บ้านเงินเดือนไม่ได้บอกเราชัดเจนว่าได้เท่าไหร่และเราก็ไม่เคยไปยุ้งเกี่ยวทุกวันนี้ภาระที่สามีจ่ายให้แค่ผ่อนรถเท่านั้น ค่าข้าวมีจ่ายให้บ้างบางมื้อ เรารู้สึกอึดอัดเหมือนโดนเอาเปรียบ อยากให้เรามีลูกแต่ไม่สามารถดูแลเราให้ดีได้ และมีการมาบอกว่าถ้ามีลูกแล้วภาระเยอะ ไม่มีก็ได้นะ เรานอนคิดทั้งคืน เสียใจ รู้สึกถ้าชีวิตเป็นแบบนี้ ดูแลตัวเองแบบนี้ ไม่มีสามีก็ได้ เลยตัดสินใจบอกสามีไปว่ายังไม่พร้อมมีลูกแล้ว รอปีหน้าค่อยว่ากัน... ถ้าเค้าไม่พร้อมที่จะดูแลเรา ใจเราก็ไม่พร้อมที่จะมีลูกเหมือนกัน
เพื่อนเราเคยบอกว่าการมีลูกมันมีความสุขที่สุด ไม่ต้องการสิ่งใด แต่สำหรับเราตอนนี้ความสุขที่แท้จริงของเราคืออะไร ระหว่างการมีลูกแล้วต้องลำบากตัวเอง กับ การทำงานใช้ชีวิตดูแลครอบครัว หาเอง ใช้เอง สบายใจกว่าเยอะค่ะ
ยาวหน่อยนะค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบค่ะ