'อนุดิษฐ์' เชื่อ รบ.จะไม่ขอประชุมลับ ซักฟอก 'บิ๊กตู่' ปมถวายสัตย์ฯ เพราะเป็นโอกาสได้ชี้แจง
https://www.matichon.co.th/politics/news_1649073
“อนุดิษฐ์” ชี้ เป็นสิทธิของรบ. ที่จะขอประชุมลับซักฟ้องปมถวายสัตย์ฯ แต่ เชื่อ รบ. จะไม่ขอประชุมลับ เพราะน่าจะใช้เวทีนี้ชี้แจงมากกว่า
วันนี้ (30 ส.ค.) น.อ.
อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวว่าการเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 นั้น รัฐบาลจะขอให้เป็นการประชุมลับ ว่า
เป็นสิทธิ์ที่ฝ่ายรัฐบาลสามารถร้องขอต่อสภาได้ แต่ประธานจะอนุญาตหรือไม่นั้นย่อมขึ้นอยู่กับเหตุผลความจำเป็นและมติของสภา แต่ตนเองเชื่อว่า รัฐบาลไม่น่าจะร้องขอให้ประชุมลับ เพราะญัตติด่วนที่ยื่นต่อสภานั้นไม่น่าจะมีข้อมูลใดที่รัฐบาลเปิดเผยต่อสาธารณชนไม่ได้ และที่สำคัญก็คือมีเรื่องเกี่ยวข้องและอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิของประชาชนอยู่หลายประเด็น
หากร้องขอให้ประชุมลับย่อมทำให้รัฐบาลเสียโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ กับประชาชน ซึ่งจะส่งผลเสียโดยตรงกับรัฐบาลเอง และทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นมากขึ้นไปอีก เพราะก่อนหน้านี้ความเชื่อมั่นด้านต่างๆของรัฐบาลก็ตกต่ำมากพออยู่แล้ว ดังนั้นการใช้พวกมากลากไปเพื่อหวังช่วยนายกรัฐมนตรีจากการอภิปรายครั้งนี้ จึงไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะตนเองเชื่อว่า รัฐบาลน่าจะใช้เวทีนี้ในการชี้แจงเหตุผลข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนมากกว่า สอดคล้องกับที่นายกรัฐมนตรีก็ออกมายืนยันชัดเจนหลายครั้งว่าไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง
อนค.ขอศาลเปิดไต่สวน'ธนาธร' เทียบคดีดอน
https://www.dailynews.co.th/politics/728810
“อนค.”จ่อขอศาลรธน.เปิดไต่สวน”ธนาธร” อย่าเพิ่งตัดตอนวินิจฉัยชี้ขาด ระบุเทียบเคียงกับคดีดอน
เมื่อวันที่ 30 ส.ค. นาย
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงว่าพรรคอนาคตใหม่จะทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากศาลรัฐธรรนูญเกี่ยวกับคดีการถือหุ้นบริษัทวีลัค-มีเดีย จำกัด 2 ข้อ ประกอบด้วย
1.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญทำการไต่สวนนาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
และ 2.ขอให้ยกเลิกคำสั่งการให้นาย
ธนาธรยุติการปฏิบัติหน้าที่สส.บัญชีรายชื่อ
นาย
ปิยบุตร กล่าวว่า จากจดหมายข่าวของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ระบุว่า "
ศาลได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยและนัดอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยต่อในคราวประชุมถัดไป" นั้น ทำให้เกิดความสงสัยว่า จะมีการเปิดการไต่สวนหรือไม่ โดยขั้นตอนตามพ.ร.บ.ประกอบวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญกำหนดว่าเมื่อผู้ร้องมีคำร้องมา ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจง และผู้ร้องจะยื่นคำคัดค้าน แต่ละฝ่ายจะมีการชี้แจงของตนเอง จากนั้นศาลจะดูและนัดวันตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดว่าวันเพื่อเปิดศาลไต่สวน และนำไปสู่การวินิจฉัยคดี
"คดีของคุณดอน ปรมัตถ์วินัย ศาลได้เปิดการไต่สวนในศาล ส่วนของคุณธนาธร เรายังไม่ทราบว่า ศาลจะยอมให้มีการไต่สวนหรือไม่ หรือ ศาลกำลังอยู่ในระหว่างการปรึกษาหารือกันเพื่อจะมีคำวินิจฉัยแล้ว มาตรา 58 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯ ได้เขียนข้อยกเว้นว่า ในกรณีข้อกฎหมายหรือพยานหลักฐานเพียงพอแล้ว ศาลอาจจะไม่ไต่สวนก็ได้ แต่กรณีของคุณธนาธรสู้ในเรื่องข้อเท็จจริงมาก ดังนั้น จะบอกว่า คดีนี้มีแต่ข้อกฎหมายไม่ได้" นาย
ปิยบุตร กล่าว
นาย
ปิยบุตร กล่าวว่า ขณะเดียวกัน คดีของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ได้มีการต่อสู้ทุกประเด็น และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ได้ชี้แจงกลับมา ดังนั้น ถ้าจะฟังว่าพยานหลักฐานเพียงพอแล้ว ไม่ต้องมีการไต่สวนอีกนั้น ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เราคาดหวังว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องมีการนัดตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันไต่สวน และดำเนินการวินิจฉัย อันเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งหมดนี้เพื่อให้คดีนี้ดำเนินไปอย่างสอดคล้องกับหลักวิธีพิจารณาความ คือ หลักการฟังความทุกฝ่าย หลักเปิดโอกาสให้คู่ความได้โต้แย้งแสดงพยานหลักฐานได้อย่างเต็มที่ในชั้นศาล.
JJNY : 4in1 อนุดิษฐ์เชื่อรบ.จะไม่ขอประชุมลับ/อนค.ขอศาลเปิดไต่สวน'ธนาธร'/โฆษกรบ.ขอ!อย่ากดดันบิ๊กตู่/อุตุฯ เตือนพายุโพดุล
https://www.matichon.co.th/politics/news_1649073
วันนี้ (30 ส.ค.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวว่าการเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 นั้น รัฐบาลจะขอให้เป็นการประชุมลับ ว่า
เป็นสิทธิ์ที่ฝ่ายรัฐบาลสามารถร้องขอต่อสภาได้ แต่ประธานจะอนุญาตหรือไม่นั้นย่อมขึ้นอยู่กับเหตุผลความจำเป็นและมติของสภา แต่ตนเองเชื่อว่า รัฐบาลไม่น่าจะร้องขอให้ประชุมลับ เพราะญัตติด่วนที่ยื่นต่อสภานั้นไม่น่าจะมีข้อมูลใดที่รัฐบาลเปิดเผยต่อสาธารณชนไม่ได้ และที่สำคัญก็คือมีเรื่องเกี่ยวข้องและอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิของประชาชนอยู่หลายประเด็น
หากร้องขอให้ประชุมลับย่อมทำให้รัฐบาลเสียโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ กับประชาชน ซึ่งจะส่งผลเสียโดยตรงกับรัฐบาลเอง และทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นมากขึ้นไปอีก เพราะก่อนหน้านี้ความเชื่อมั่นด้านต่างๆของรัฐบาลก็ตกต่ำมากพออยู่แล้ว ดังนั้นการใช้พวกมากลากไปเพื่อหวังช่วยนายกรัฐมนตรีจากการอภิปรายครั้งนี้ จึงไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะตนเองเชื่อว่า รัฐบาลน่าจะใช้เวทีนี้ในการชี้แจงเหตุผลข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนมากกว่า สอดคล้องกับที่นายกรัฐมนตรีก็ออกมายืนยันชัดเจนหลายครั้งว่าไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง
อนค.ขอศาลเปิดไต่สวน'ธนาธร' เทียบคดีดอน
https://www.dailynews.co.th/politics/728810
“อนค.”จ่อขอศาลรธน.เปิดไต่สวน”ธนาธร” อย่าเพิ่งตัดตอนวินิจฉัยชี้ขาด ระบุเทียบเคียงกับคดีดอน
เมื่อวันที่ 30 ส.ค. นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงว่าพรรคอนาคตใหม่จะทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากศาลรัฐธรรนูญเกี่ยวกับคดีการถือหุ้นบริษัทวีลัค-มีเดีย จำกัด 2 ข้อ ประกอบด้วย
1.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญทำการไต่สวนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
และ 2.ขอให้ยกเลิกคำสั่งการให้นายธนาธรยุติการปฏิบัติหน้าที่สส.บัญชีรายชื่อ
นายปิยบุตร กล่าวว่า จากจดหมายข่าวของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ระบุว่า "ศาลได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยและนัดอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยต่อในคราวประชุมถัดไป" นั้น ทำให้เกิดความสงสัยว่า จะมีการเปิดการไต่สวนหรือไม่ โดยขั้นตอนตามพ.ร.บ.ประกอบวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญกำหนดว่าเมื่อผู้ร้องมีคำร้องมา ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจง และผู้ร้องจะยื่นคำคัดค้าน แต่ละฝ่ายจะมีการชี้แจงของตนเอง จากนั้นศาลจะดูและนัดวันตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดว่าวันเพื่อเปิดศาลไต่สวน และนำไปสู่การวินิจฉัยคดี
"คดีของคุณดอน ปรมัตถ์วินัย ศาลได้เปิดการไต่สวนในศาล ส่วนของคุณธนาธร เรายังไม่ทราบว่า ศาลจะยอมให้มีการไต่สวนหรือไม่ หรือ ศาลกำลังอยู่ในระหว่างการปรึกษาหารือกันเพื่อจะมีคำวินิจฉัยแล้ว มาตรา 58 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯ ได้เขียนข้อยกเว้นว่า ในกรณีข้อกฎหมายหรือพยานหลักฐานเพียงพอแล้ว ศาลอาจจะไม่ไต่สวนก็ได้ แต่กรณีของคุณธนาธรสู้ในเรื่องข้อเท็จจริงมาก ดังนั้น จะบอกว่า คดีนี้มีแต่ข้อกฎหมายไม่ได้" นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวว่า ขณะเดียวกัน คดีของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ได้มีการต่อสู้ทุกประเด็น และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ได้ชี้แจงกลับมา ดังนั้น ถ้าจะฟังว่าพยานหลักฐานเพียงพอแล้ว ไม่ต้องมีการไต่สวนอีกนั้น ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เราคาดหวังว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องมีการนัดตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันไต่สวน และดำเนินการวินิจฉัย อันเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งหมดนี้เพื่อให้คดีนี้ดำเนินไปอย่างสอดคล้องกับหลักวิธีพิจารณาความ คือ หลักการฟังความทุกฝ่าย หลักเปิดโอกาสให้คู่ความได้โต้แย้งแสดงพยานหลักฐานได้อย่างเต็มที่ในชั้นศาล.