สมัยที่เรายังไม่ค่อยมีเงินเก็บ จะกินจะเที่ยวอะไรก็ไม่ค่อยคิดมาก (ยกเว้นถ้าซื้อของชิ้นแพงๆเช่นซื้อบ้าน ก็คิดเยอะหน่อย)
แต่พอเงินเก็บเริ่มเยอะ ประกอบกับมีประสบการณ์จากการเอาของเก่าๆที่ไม่ได้ใช้ออกมาขายออนไลน์
( คือ ขายขำๆเป็นกิจกรรมยามว่างในวันหยุดค่ะ เพราะ จ-ศ ทำงานประจำอยู่แล้ว)
ก็เลยได้รู้ซึ้งว่า นี่ยังดีนะ ที่เรามีเงินเดือนประจำ เพราะการขายของออนไลน์ ไม่ใช่จะขายได้ง่ายๆ มีคนขายกันเยอะ คนซื้อก็ต่อเก่งกันทั้งนั้น
( แต่เราได้ความสนุก ความฟินเวลาคนมาโพสต์ขอซื้อ ต่อรองราคาค่ะ เพลินดี โพสท์กันไปโพสท์กันมา ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันน่าดูค่ะ )
ทีนี้พอเงินเก็บเยอะขึ้น แค่จะดูหนังทีนึง ยังต้องคิดว่า ตรูจะประหยัดค่าตั๋วหนังได้ยังไงมั่ง(555) สรุปก็ใช้บัตรเครดิตUOBซื้อแบบ1แถม1
โดยใช้คะแนนสะสมแค่ 1000 คะแนน ก็ได้จ่ายค่าตั๋วแค่ใบเดียว
มาพิจารณาทบทวนตัวเอง การที่เราวุ่นวายกับชีวิต (เคี่ยวขึ้น 555 ) อาจเป็นเพราะค่าใช้จ่ายต่อเดือนเราค่อนข้างน้อยก็เลยยิ่งทำให้ไม่อยากจะจ่าย?
1. รถยนต์+น้ำมัน มือถือ โน้ตบุค ใช้ของบริษัทฯทั้งหมด
2. บ้านผ่อนหมดมาหลายปีแล้ว ( เราผ่อนหมดภายใน 5 ปี )
3. ใช้คะแนนบัตรเครดิตแลก voucher ของห้าง ซึ่งเท่ากับเราได้ของฟรี หรือจ่ายแค่บางส่วน ( บัตรเครดิตส่วนใหญ่ก็ใช้ซื้อกองทุน ประกันชีวิต
สำหรับกองทุน แม้จะไม่ได้คะแนนสะสม แต่เขาก็นับรวมยอดใช้จ่ายให้ ทำให้เราประหยัดค่าธรรมเนียมรายปี( คือเราใช้ SCBM Luxe ซึ่งขอยกเว้นค่าธรรมเนียม 4พันบาทไม่ได้ ยกเว้นมียอดใช้จ่าย 4 แสน/ปีขึ้นไป ) ลำพังซื้อของใช้ เราคงใช้ไม่ถึง 4 แสน แต่พอเอามาซื้อกองทุน L/R กับประกัน
ยอดก็เลยถึงค่ะ เป็นการออมเงินอีกทางแถมลดหย่อนภาษีได้อีก )
4. การขายของออนไลน์ ทำให้รู้ว่าเงินทองเป็นของหายาก ก็เลยควักกระเป๋ายากขึ้น
นึกๆคิดๆขึ้นมา เราเป็นแค่พนักงานระดับผู้จัดการยัง(เครี่ยววว) ได้ขนาดนี้ พวกผู้บริหารระดับสูง ที่เงินเดือนสูง(มากๆๆๆ ) แถมมีสวัสดิการฟรีทุกอย่าง
ครอบคลุมไปจนถึงครอบครัว เขาไม่ยิ่ง superเครี่ยวววว เหรอคะเนี่ย
ปล. จริงๆเราก็แค่มองว่าอะไรที่ประหยัดได้ อะไรที่เป็นสิทธิเราก็ควรใช้เพื่อให้จ่ายน้อยลง ไม่ได้คดโกงใคร เอาเงินไปบริจาคให้ รพ ดีกว่าเนอะ
(คือปกติเราจะบริจาคให้ สภากาชาด รพ จุฬา ศิริราช ประจำโดยผ่านบัตรเครดิตค่ะ ( ได้คะแนนสะสมอีกต่างหาก 555 ) คือเราค่อนข้างจะเชื่อในเรื่อง
บาปบุญ เลยพยายามทำบุญเท่าที่จะพอทำได้ค่ะ
พอเก็บเงินได้เยอะ จะดูหนังทั้งที ยังต้องใช้บัตรเครดิตซื้อแบบซื้อ 1 แถม 1 โดยใช้ point ในบัตรเครดิต วุ่นวายไปมั้ยคะ
แต่พอเงินเก็บเริ่มเยอะ ประกอบกับมีประสบการณ์จากการเอาของเก่าๆที่ไม่ได้ใช้ออกมาขายออนไลน์
( คือ ขายขำๆเป็นกิจกรรมยามว่างในวันหยุดค่ะ เพราะ จ-ศ ทำงานประจำอยู่แล้ว)
ก็เลยได้รู้ซึ้งว่า นี่ยังดีนะ ที่เรามีเงินเดือนประจำ เพราะการขายของออนไลน์ ไม่ใช่จะขายได้ง่ายๆ มีคนขายกันเยอะ คนซื้อก็ต่อเก่งกันทั้งนั้น
( แต่เราได้ความสนุก ความฟินเวลาคนมาโพสต์ขอซื้อ ต่อรองราคาค่ะ เพลินดี โพสท์กันไปโพสท์กันมา ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันน่าดูค่ะ )
ทีนี้พอเงินเก็บเยอะขึ้น แค่จะดูหนังทีนึง ยังต้องคิดว่า ตรูจะประหยัดค่าตั๋วหนังได้ยังไงมั่ง(555) สรุปก็ใช้บัตรเครดิตUOBซื้อแบบ1แถม1
โดยใช้คะแนนสะสมแค่ 1000 คะแนน ก็ได้จ่ายค่าตั๋วแค่ใบเดียว
มาพิจารณาทบทวนตัวเอง การที่เราวุ่นวายกับชีวิต (เคี่ยวขึ้น 555 ) อาจเป็นเพราะค่าใช้จ่ายต่อเดือนเราค่อนข้างน้อยก็เลยยิ่งทำให้ไม่อยากจะจ่าย?
1. รถยนต์+น้ำมัน มือถือ โน้ตบุค ใช้ของบริษัทฯทั้งหมด
2. บ้านผ่อนหมดมาหลายปีแล้ว ( เราผ่อนหมดภายใน 5 ปี )
3. ใช้คะแนนบัตรเครดิตแลก voucher ของห้าง ซึ่งเท่ากับเราได้ของฟรี หรือจ่ายแค่บางส่วน ( บัตรเครดิตส่วนใหญ่ก็ใช้ซื้อกองทุน ประกันชีวิต
สำหรับกองทุน แม้จะไม่ได้คะแนนสะสม แต่เขาก็นับรวมยอดใช้จ่ายให้ ทำให้เราประหยัดค่าธรรมเนียมรายปี( คือเราใช้ SCBM Luxe ซึ่งขอยกเว้นค่าธรรมเนียม 4พันบาทไม่ได้ ยกเว้นมียอดใช้จ่าย 4 แสน/ปีขึ้นไป ) ลำพังซื้อของใช้ เราคงใช้ไม่ถึง 4 แสน แต่พอเอามาซื้อกองทุน L/R กับประกัน
ยอดก็เลยถึงค่ะ เป็นการออมเงินอีกทางแถมลดหย่อนภาษีได้อีก )
4. การขายของออนไลน์ ทำให้รู้ว่าเงินทองเป็นของหายาก ก็เลยควักกระเป๋ายากขึ้น
นึกๆคิดๆขึ้นมา เราเป็นแค่พนักงานระดับผู้จัดการยัง(เครี่ยววว) ได้ขนาดนี้ พวกผู้บริหารระดับสูง ที่เงินเดือนสูง(มากๆๆๆ ) แถมมีสวัสดิการฟรีทุกอย่าง
ครอบคลุมไปจนถึงครอบครัว เขาไม่ยิ่ง superเครี่ยวววว เหรอคะเนี่ย
ปล. จริงๆเราก็แค่มองว่าอะไรที่ประหยัดได้ อะไรที่เป็นสิทธิเราก็ควรใช้เพื่อให้จ่ายน้อยลง ไม่ได้คดโกงใคร เอาเงินไปบริจาคให้ รพ ดีกว่าเนอะ
(คือปกติเราจะบริจาคให้ สภากาชาด รพ จุฬา ศิริราช ประจำโดยผ่านบัตรเครดิตค่ะ ( ได้คะแนนสะสมอีกต่างหาก 555 ) คือเราค่อนข้างจะเชื่อในเรื่อง
บาปบุญ เลยพยายามทำบุญเท่าที่จะพอทำได้ค่ะ