มรดกตกทอดผัวเมีย


#มรดกตกทอด

“จวงจันทร์” เป็นผู้หญิงหน้าหวานตาเจ้าชู้ เป็นที่หมายปองของหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ในหมู่บ้านทางเหนือ เสน่ห์ของเธอเลื่องลือไปไกลถึงหูเสี่ยพรชัยพ่อค้าใหญ่ผู้มั่งคั่งแห่งหมู่บ้านทางใต้

ความงามของจวงจันทร์ ส่องประกายประดุจแสงนวลจากดวงจันทรา ชายใดก็ตามหากแม้เพียงได้สบตาเธอ ไม่แคล้วต้องหลงใหล ใคร่เสน่หาในตัวเธอจนแทบโงหัวไม่ขึ้น

เสี่ยพรชัยก็เช่นเดียวกัน

ทั้งสองแต่งงานกัน โดยความเห็นชอบจากผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาว ด้วยว่าอยากให้ลูกสาวเป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีกับคนดีมีอนาคต มีนายอำเภอเป็นสักขีพยานในการจดทะเบียนสมรสของทั้งสองคนที่ว่าการอำเภอ

ระหว่างที่ทั้งสองคนอยู่กินนั้น เสี่ยพรชัยเกิดไปถูกใจบ้านเรือนไทยหลังงามหลังหนึ่ง มูลค่า 20 ล้าน บาท เสี่ยพรชัยตัดสินใจซื้อที่บ้านนี้ โดยการผ่อนด้วยรายได้ของเสี่ยพรชัยเองทุกเดือนจนครบ

กาลเวลาผ่านล่วงเลยไป แต่ทำไม๊ ทำไม เสน่ห์ของจวงจันทร์กลับไม่เคยเสื่อมคลายเลย ยังคงมีหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ เที่ยวตามเกี้ยวตามจีบเธอไม่เว้นแต่ละวัน จนเสี่ยพรชัยเริ่มรู้สึกระแคะ ระคาย ในตัวภรรยาแสนงามเขา

-----------------------------

จนกระทั่งจวงจันทร์ตั้งครรภ์ขึ้นมา เสี่ยพรชัยกลับกล่าวหาว่าเธอท้องกับชู้ ตัวจวงจันทร์เองก็ยืนยันว่าเธอไม่เคยคบชู้ สู่ชาย กับใครทั้งสิ้น แต่เสี่ยพรชัยก็ไม่ยอมรับฟัง

ความรักของทั้งคู่เริ่ม ระหอง ระแหง จนในที่สุดวันที่ลูกชายของเธอคลอดออกมาดูโลก เสี่ยพรชัยก็หมดความอดทน จึงขอหย่าขาดกับจวงจันทร์

จวงจันทร์เสียใจมาก เธอไม่ยอมไปหย่าที่อำเภอตามที่สามีเธอต้องการ

เสี่ยพรชัยไม่รู้จะทำอย่างไร จึงให้จวงจันทร์ลงชื่อในสัญญาหย่าที่ตนเองทำขึ้นมา พร้อมมีพยานลงชื่ออีกสองคน

จากนั้นเสี่ยพรชัยก็จากเธอไป... ทิ้งให้เธอกับลูกอาศัยอยู่ในเรือนไทยหลังนั้นไปก่อน โดยไม่ได้ยกกรรมสิทธิ์ให้

-----------------------------

ต่อมาไม่นานนัก จวงจันทร์ก็ได้ข่าวว่า เสี่ยพรชัยได้แต่งงานใหม่กับหม้ายสาวดวงพร ผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนดีคนหนึ่งในหมู่บ้าน เธอช่วยเหลือสังคมมาตลอด เป็นบุคคลที่ใครๆ ก็เคารพ รัก

ข่าวบอกว่าทั้งสองคนรักกันมากจริงๆ ถึงขั้นจัดงานกันใหญ่โตเอิกเกริก มีนายอำเภอมาร่วมงาน พร้อมจดทะเบียนสมรสให้แก่คู่บ่าวสาวในพิธี

มิหนำซ้ำ ข่าวยังมาถึงหูจวงจันทร์อีกว่า เสี่ยพรชัยหลงรักหม้ายสาวดวงพรคนนี้มาก เขาชอบในคุณงามความดีของนาง ถึงขั้นประกาศว่าจะยกทรัพย์สมบัติทุกชิ้น รวมถึงบ้านเรือนไทยที่จวงจันทร์กับลูกอาศัยอยู่ ให้แก่นางคนเดียว

จวงจันทร์รู้สึกโกรธแค้นมาก จึงขับรถออกไป หวังจะไปต่อว่าต่อขานอดีตสามีของเธอให้อายสักที

คืนนั้นหลังงานแต่งไม่กี่วัน เสี่ยพรชัยนั่งดื่มสังสรรค์อยู่กับเพื่อนฝูงที่เรือนหน้าบ้าน เขารู้สึกปวดท้องเบาขึ้นมา จึงขอตัวพรรคพวก ไปทำกิจส่วนตัวที่พุ่มไม้ริมทาง ไม่ไกลนักจากหน้าบ้าน

ใกล้จะถึงบ้านเสี่ยพรชัยแล้ว จวงจันทร์ขับรถมาด้วยความเร็ว ขณะนั้นเอง เสี่ยพรชัยพึ่งทำธุระเสร็จ เดินออกมาจากพุ่มไม้พอดี

รถของจวงจันทร์ชนเข้ากับตัวของเสี่ยพรชัยเข้าอย่างจัง ร่างของอดีตสามีของเธอกระแทกกับตัวรถ ลอยขึ้นกระแทกกับกระจกหน้ารถอีกครั้ง จนกระจกแตกละเอียด

เสี่ยพรชัย เสียชีวิตคาที่…

-----------------------------

เรื่องถึงศาล ศาลตัดสินให้ จวงจันทร์มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้เสี่ยพรชัยถึงแก่ความตาย

หม้ายสาวดวงพรเสียใจจนแทบคลั่ง ประกาศไปทั่วว่า

“อีจวงจันทร์ จั.. ไร อีฆาตกร สมบัติพัสถานใดๆ ที่เป็นของผัวกู กับลูกชู้ของ อย่าหวังจะได้เลยสักชิ้น แม้แต่บ้านเรือนไทยที่ซุกหัวนอนอยู่ ก็เป็นของผัวกู กูจะเอาคืนมาให้หมด”

หม้ายสาวดวงพรจะทำได้อย่างที่ประกาศหรือไม่

และถ้าเสี่ยพรชัยตั้งใจจะยกมรดกทั้งหมดให้แก่หม้ายสาวดวงพรจริงๆ อย่างที่เคยประกาศไว้

จะเป็นไปตามนั้นรึเปล่า

อ้อ... เสี่ยพรชัยไม่ได้เขียนพินัยกรรมนะครับ

----------------------------

จะสงสารใครดีเนี่ย ระหว่าง “จวงจันทร์ผู้เลอโฉม” กับ “ดวงพรผู้แสนดี” อ่านๆ ดู หลายท่านคงจะสงสารจวงจันทร์กับลูกของเธอมากกว่า หม้ายสาวดวงพรสินะ

แต่ตอนจบของเรื่องนี้ คนที่น่าสงสารจริงๆ ไม่ใช่จวงจันทร์นะครับ แต่น่าจะเป็นหม้ายสาวดวงพรมากกว่า

เพราะอะไร มาดูกัน...

1. ต้องอย่าลืมว่า จวงจันทร์ กับ เสี่ยพรชัย แต่งงานจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นถ้าจะต้องหย่า จะต้องตามแบบที่กฎหมายกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งมาตรา 1515 จะมาทำสัญญาหย่ากันเองที่บ้าน แล้วมีพยานลงชื่อไม่ได้ ข้อนี้จึงถือได้ว่า ทั้งจวงจันทร์ และ เสี่ยพรชัยยังเป็นสามี ภรรยา ถูกต้องตามกฎหมายอยู่

2. บ้านเรือนไทยที่เสี่ยพรชัยซื้อมา ถึงแม้จะผ่อนด้วยเงินเดือนเสี่ยพรชัยเอง แต่ก็เป็นรายได้ที่ได้มาระหว่างสมรส (คือได้มาหลังจดทะเบียนสมรส) ฎ. 9570/2551 จึงต้องถือว่าเรือนไทยหลังนี้เป็นสินสมรสระหว่างเสี่ยพรชัย กับ จวงจันทร์

3. ส่วนเรื่องการจดทะเบียนสมรสอีกครั้งระหว่างเสี่ยพรชัย กับ หม้ายสาวดวงพรนั้น ถือว่าเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1495 เพราะเป็นการจดทะเบียนสมรสที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ตามมาตรา 1452 (จดทะเบียนซ้อน) ดังนั้นทั้งตัวเสี่ยพรชัย กับ หม้ายสาวดวงพร จึงไม่ถือว่าเป็นสามี ภรรยา ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นหม้ายสาวดวงพรจึงไม่ใช่ทายาทโดยธรรมใดๆ ทั้งสิ้น และไม่มีสิทธิในมรดกทั้งหมดของเสี่ยพรชัย (มาตรา 1499 วรรคสอง)

4. จวงจันทร์กระทำการโดยประมาท ทำให้เสี่ยพรชัยถึงแก่ความตาย แปลว่า จวงจันทร์ไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าเสี่ยพรชัย จวงจันทร์จึงไม่ถูกกำจัดไม่ไห้ได้รับมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1606 (1)

5. ลูกของจวงจันทร์ แม้ว่าตัวเสี่ยพรชัยจะกล่าวหาว่าเป็นลูกของชู้ และไม่ยอมรับว่าเป็นลูกของตน แต่เด็กเกิดมาในขณะที่จวงจันทร์ยังเป็นภรรยาของเสี่ยพรชัยอยู่

จึงสันนิษฐานได้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเสี่ยพรชัยเช่นกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1536 วรรคหนึ่ง

เด็กจึงเป็นผู้สืบสันดานอันดับหนึ่งของผู้ตาย มีสิทธิรับมรดกของเสี่ยพรชัย ตาม มาตรา 1629 (1)

------------------

ดังนั้น กรณีแบบนี้แบ่งง่ายๆ ครับ

อะไรที่เป็นสินสมรส จวงจันทร์ รับไปก่อนเลยครึ่งหนึ่ง (มาตรา1625 (1) เช่น บ้านเรือนไทยราคา 20 ล้านบาท จวงจันทร์ได้มาแล้ว 10 ล้านบาท

ที่เหลืออีก 10 ล้านบาท แบ่งกับลูกอีกคนละครึ่ง คนละ 5 ล้านบาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1635 (1)

ตรงนี้จวงจันทร์ได้ 15 ล้าน ลูกได้ 5 ล้าน

ทรัพย์สินที่เหลือของเสี่ยพรชัย จวงจันทร์ กับ ลูกแบ่งกันคนละครึ่ง คนละเท่าๆ กัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1635 (1)

ส่วนหม้ายสาวดวงพร... อดครับ ไม่ได้อะไรเลย

-----------------------------

น่าสงสารหม้ายสาวดวงพรมากกว่า ทั้งที่จริงเสี่ยพรชัยเองแกก็ตั้งใจจะยกทุกอย่างให้แล้ว (แต่มันคงเวอร์ไปหน่อยนะ ถ้าจะไม่ยกอะไรให้จวงจันทร์ กับลูกเลย ก็นานาจิตตังนะ)

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น เสี่ยพรชัยก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

อยากยกอะไรให้ใคร ก็เขียนไว้ก่อนเถอะน่า จะได้ไม่ต้องมาเป็นวิญญาณขี้หงุดหงิด ว่าอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ อยากให้คนนี้มากกว่า คนนั้น นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่โอ

เพียงแค่เขียนพินัยกรรมไว้ก็ได้ดั่งใจแล้ว

เฮ้อ.... ทำไงได้ล่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่