คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ( FDI ) ไหน? เข้าไทยเยอะสุด
เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ไหน? เข้าไทยเยอะสุด คำถามน่าสนใจสะท้อนหลายแง่มุม หากให้ คำนิยาม “การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI )” คือ ขนาดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อธุรกิจในประเทศไทย ดังนั้น อาจประกอบไปด้วย ลงทุนในธุรกิจในลักษณะถือหุ้นบุริมสิทธิ์ตั้งแต่ 10% ขึ้นไป, การกู้ยืมระหว่างบริษัทในเครือ, นำกำไรกลับมาลงทุน, ตะรางสารหนี้และสินเชื่อการค้าระหว่างธุรกิจในเครือ เป็นต้น TerraBKK พบข้อมูลน่าสนใจ จาก ธนาคารแห่งประเทศไทย รายละเอียดดังนี้ เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ( FDI ) แถบอาเซียน เข้าไทยเยอะสุด 2 ปีติดต่อกัน ตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ภาพรวม เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ( FDI ) เข้าสู่ประเทศไทย ค่อนข้างผันผวนมากในแต่ละปี ด้วยตัวเลขทั้งบวกและติดลบ โดย “ตัวเลขบวก” สะท้อนว่า ปีนั้นมี “การลงทุนเพิ่ม” ทั้งในรูปแบบลงทุนเรือนหุ้น, กำไรสะสมที่นำกลับมาลงทุน หรือการกู้ยืมจากบริษัทในเครือในต่างประเทศ (บันทึกเป็น inflow ของประเทศ) สูงกว่า “การลดการลงทุน” เช่น การลดสัดส่วนการถือหุ้น, การถอนเงินลงทุน หรือ คืนเงินกู้ให้บริษัทในเครือในต่างประเทศ (บันทึกเป็น outflow ของประเทศ) ขณะที่ “ตัวเลขติดลบ” สะท้อนว่า ในช่วงเวลานั้น ๆ มี “การเพิ่มการลงทุน” ต่ำกว่า”การลดการลงทุน” สำหรับ 2 ปีล่าสุด พบว่า อาเซียนมีตัวเลข เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ( FDI ) เข้าสู่ไทยเยอะที่สุด ด้วยตัวเลขกว่า 6.19 หมื่นล้านบาทในปี 2560 แม้จะลดลงจากปีก่อนก็ตาม (ปี 2559 = 7.15หมื่นล้านบาท )

15 ประเทศ เฉลี่ย FDI เข้าไทย สูงสุด 10 ปีที่ผ่านมา ในแต่ละปี หลายประเทศมีตัวเลข เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ( FDI ) เข้าสู่ประเทศไทยค่อนข้างผันผวน ขึ้นอยู่กับว่าประเทศนั้น มีการลงทุนเพิ่มหรือมีลดขนาดการลงทุนเพียงใด ดังนั้น เพื่อให้การเปรียบเทียบข้อมูลเป็นกลาง TerraBKK จึงใช้ ค่าเฉลี่ยรายประเทศตลอด 10ปีที่ผ่านมา พบว่า ญี่ปุ่น คือแชมป์มือ 1 ที่มี เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ( FDI ) เข้าสู่ไทยมากที่สุด เกือบ 10ปีติดต่อกัน และยังเป็นประเทศเดียวที่มี ขนาดเงินทุนหลักแสนล้านบาทต่อปี ไหลเข้าสู่ประเทศไทย รองลงมาเป็น สหรัฐอเมริกา เคยมีขนาดเงินลงทุน 122.30 พันล้านบาท สูงสุดในไทยเมื่อปี 2555 จากนั้นก็ตกลงจนไม่ติด Top 10 ในบางปี และอันดับที่ 3 คือ สิงคโปร์ มาแรงไม่น้อยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ จีน ประเทศที่หลายคนจัดตามอง จัดอยู่ในอันดับที่ 6 เฉลี่ยเงินทุนราว 1.17-19.8 พันล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ยังมีประเทศที่ไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตา เช่น มอริเชียส ประเทศที่เป็นเกาะนอกชายฝั่งแอฟริกา, บริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ หมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 50 เกาะ ในแถบทะเลแคริบเบียน เป็นต้น ติดอันดับการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยด้วยเช่นกัน

ล่าสุด เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ( FDI ) เข้าสู่ประเทศไทย รอบ 9เดือนปี 2561 (9M/61) พบว่า ญี่ปุ่น ส่งเม็ดเงินลงทุน FDI เข้าไทยกว่า 13.53 หมื่นล้านบาท เรียบร้อยแล้ว รองลงมาเป็น สิงคโปร์ 4.31 หมื่นล้านบาท และ ฮ่องกง 4.14 หมื่นล้านบาท ---TerraBKK บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : TerraBKK.com - https://www.terrabkk.com/news/195188
เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ไหน? เข้าไทยเยอะสุด คำถามน่าสนใจสะท้อนหลายแง่มุม หากให้ คำนิยาม “การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI )” คือ ขนาดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อธุรกิจในประเทศไทย ดังนั้น อาจประกอบไปด้วย ลงทุนในธุรกิจในลักษณะถือหุ้นบุริมสิทธิ์ตั้งแต่ 10% ขึ้นไป, การกู้ยืมระหว่างบริษัทในเครือ, นำกำไรกลับมาลงทุน, ตะรางสารหนี้และสินเชื่อการค้าระหว่างธุรกิจในเครือ เป็นต้น TerraBKK พบข้อมูลน่าสนใจ จาก ธนาคารแห่งประเทศไทย รายละเอียดดังนี้ เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ( FDI ) แถบอาเซียน เข้าไทยเยอะสุด 2 ปีติดต่อกัน ตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ภาพรวม เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ( FDI ) เข้าสู่ประเทศไทย ค่อนข้างผันผวนมากในแต่ละปี ด้วยตัวเลขทั้งบวกและติดลบ โดย “ตัวเลขบวก” สะท้อนว่า ปีนั้นมี “การลงทุนเพิ่ม” ทั้งในรูปแบบลงทุนเรือนหุ้น, กำไรสะสมที่นำกลับมาลงทุน หรือการกู้ยืมจากบริษัทในเครือในต่างประเทศ (บันทึกเป็น inflow ของประเทศ) สูงกว่า “การลดการลงทุน” เช่น การลดสัดส่วนการถือหุ้น, การถอนเงินลงทุน หรือ คืนเงินกู้ให้บริษัทในเครือในต่างประเทศ (บันทึกเป็น outflow ของประเทศ) ขณะที่ “ตัวเลขติดลบ” สะท้อนว่า ในช่วงเวลานั้น ๆ มี “การเพิ่มการลงทุน” ต่ำกว่า”การลดการลงทุน” สำหรับ 2 ปีล่าสุด พบว่า อาเซียนมีตัวเลข เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ( FDI ) เข้าสู่ไทยเยอะที่สุด ด้วยตัวเลขกว่า 6.19 หมื่นล้านบาทในปี 2560 แม้จะลดลงจากปีก่อนก็ตาม (ปี 2559 = 7.15หมื่นล้านบาท )

15 ประเทศ เฉลี่ย FDI เข้าไทย สูงสุด 10 ปีที่ผ่านมา ในแต่ละปี หลายประเทศมีตัวเลข เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ( FDI ) เข้าสู่ประเทศไทยค่อนข้างผันผวน ขึ้นอยู่กับว่าประเทศนั้น มีการลงทุนเพิ่มหรือมีลดขนาดการลงทุนเพียงใด ดังนั้น เพื่อให้การเปรียบเทียบข้อมูลเป็นกลาง TerraBKK จึงใช้ ค่าเฉลี่ยรายประเทศตลอด 10ปีที่ผ่านมา พบว่า ญี่ปุ่น คือแชมป์มือ 1 ที่มี เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ( FDI ) เข้าสู่ไทยมากที่สุด เกือบ 10ปีติดต่อกัน และยังเป็นประเทศเดียวที่มี ขนาดเงินทุนหลักแสนล้านบาทต่อปี ไหลเข้าสู่ประเทศไทย รองลงมาเป็น สหรัฐอเมริกา เคยมีขนาดเงินลงทุน 122.30 พันล้านบาท สูงสุดในไทยเมื่อปี 2555 จากนั้นก็ตกลงจนไม่ติด Top 10 ในบางปี และอันดับที่ 3 คือ สิงคโปร์ มาแรงไม่น้อยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ จีน ประเทศที่หลายคนจัดตามอง จัดอยู่ในอันดับที่ 6 เฉลี่ยเงินทุนราว 1.17-19.8 พันล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ยังมีประเทศที่ไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตา เช่น มอริเชียส ประเทศที่เป็นเกาะนอกชายฝั่งแอฟริกา, บริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ หมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 50 เกาะ ในแถบทะเลแคริบเบียน เป็นต้น ติดอันดับการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยด้วยเช่นกัน

ล่าสุด เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ( FDI ) เข้าสู่ประเทศไทย รอบ 9เดือนปี 2561 (9M/61) พบว่า ญี่ปุ่น ส่งเม็ดเงินลงทุน FDI เข้าไทยกว่า 13.53 หมื่นล้านบาท เรียบร้อยแล้ว รองลงมาเป็น สิงคโปร์ 4.31 หมื่นล้านบาท และ ฮ่องกง 4.14 หมื่นล้านบาท ---TerraBKK บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : TerraBKK.com - https://www.terrabkk.com/news/195188
แสดงความคิดเห็น
⚂⚂มาลาริน/รบ.ปลื้มไทยฟื้นตัว ลงทุนFDI แตะ1.47แสนล้าน ทุนนอกเชื่อมั่น97.3% ใน8 เดือนต่างชาติลงทุนในไทยพุ่ง 2.11 หมื่นล้าน
รัฐบาลปลื้มไทยฟื้นตัว ยอดลงทุนFDIพรวดแตะ1.47แสนล้าน ทุนนอกเชื่อมั่น97.3%
28 สิงหาคม 2562 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพอใจตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศโตต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าไทยฟื้นตัวจากการชะลอตัวทางการลงทุนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยปีนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2562 มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันถึงร้อยละ 109 มูลค่า 147,169 ล้านบาท ซึ่งนักลงทุนต่างประเทศ 5 อันดับแรกได้แก่ ญี่ปุ่น จีน สวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ ฮ่องกง
ทั้งนี้ พบว่าจำนวนบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทั้งการลงทุนแบบ FDI แบบ Joint Venture เพิ่มขึ้นจาก 2,100 บริษัท เป็น 2,600 บริษัท มีมูลค่าการลงทุนกว่า 70,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเห็นการย้ายฐานการลงทุน (Relocations) จากนักลงทุนต่างชาติต่างๆ รวมทั้งบริษัทชั้นนำของสหรัฐอเมริกาด้วย อาทิ ฮาร์เลย์ เดวิดสัน ฟอร์ด P & G เป็นต้น
นางนฤมล ระบุว่า การสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ ประจำปี 2562 โดย BOI พบว่า นักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจศักยภาพประเทศไทยถึงร้อยละ 97.3 ซึ่งกว่าร้อยละ 31.8 ยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนในไทย สืบเนื่องจากสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยเป็นปัจจัยเสริมที่สำคัญ
นางนฤมล กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันรัฐบาลเดินขับเคลื่อนโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการในพื้นที่ EEC อย่างจริงจัง ทั้งการลงนามก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่า 6 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ การพัฒนาท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด 1 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งการคัดเลือกเอกชนที่จะเข้ามาลงทุนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาในรูปแบบการลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชนหรือ PPP การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล Thailand Digital Valley ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม เพื่อผลิตบุคลากรที่มีทักษะรองรับการลงทุนในอนาคต
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำถึงความจำเป็นในการเตรียมประเทศไทยให้มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร ปรับลดขั้นตอนระเบียบกฎหมาย สร้างแรงจูงใจในการการลงทุนจากต่างประเทศพร้อมไปกับกระตุ้นการลงทุนจากนักลงทุนไทยเอง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในโอกาสที่นายมุน แจ อิน ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี จะเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 1-3 กันยายน นี้ พร้อมคณะนักธุรกิจเกาหลีระดับซีอีโอกว่า 100 บริษัท อาทิ Hyundai Motor, Samsung Electronic Posco International เป็นต้น โดยจะมีเวทีสัมมนาหารือการหารือถึงโอกาสและลู่ทางการลงทุนในไทยโดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี
https://www.naewna.com/business/436632
8 เดือนต่างชาติ ควักเงินลงทุนกิจการในไทยพุ่ง 2.11 หมื่นล้าน
'พาณิชย์' ไฟเขียวคนต่างด้าวประกอบธุรกิจ ช่วง 8 เดือน 137ราย วงเงินลงทุน 2.11 หมื่นบาท ส่วนใหญ่เป็นกิจการเชื่อมต่อกับโครงสร้างพื้นฐาน ทั้ง ด้านวิศวกรรม -ออกแบบ-บำรุงรักษา
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ว่า ยอดประกอบธุรกิจคนต่างด้าวในช่วง 8 เดือนแรก (มกราคม – สิงหาคม 2562 ) มีคนต่างด้าวได้รับใบอนุญาต จำนวน 137 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 21,174 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปรากฏว่าจำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตลดลง 41 ราย คิดเป็น 23%
ขณะที่ยอดเงินลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 12,628 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหรือเพิ่มขึ้น 148 % เนื่องจากในปีนี้ มีต่างชาติลงทุนประกอบธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง อาทิ บริการงานวิศวกรรม การจัดหา ติดตั้ง และทดสอบการใช้งานของระบบเครื่องบดดินหรือหินกึ่งเคลื่อนที่โครงการโรงไฟฟ้าแม่เมาะ บริการออกแบบ จัดซื้อจัดหา ติดตั้ง ตรวจสอบ รวมทั้งการแก้ไขความชำรุดบกพร่องและบำรุงรักษาโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายสีน้ำเงิน บริการออกแบบทางวิศวกรรม และบริหารจัดการโครงการปลดประจำการเรือผลิตและเก็บปิโตรเลียม เป็นต้น
สำหรับยอดประกอบธุรกิจต่างด้าวล่าสุดเดือนสิงหาคม คณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างชาติ 13 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ และเกาหลีใต้ ซึ่งมีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 5,212 ล้านบาท และส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 282 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน
การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในครั้งนี้จะมีผลให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นวิทยาการซึ่งเป็นองค์ความรู้ในแขนงที่คนไทยยังไม่มีความชำนาญหรือมีความเชี่ยวชาญในระดับที่ไม่สูงมากนัก เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับวิศวกรรมและขั้นตอนในการปลดระวางเรือผลิตและเก็บปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับการติดตั้งและทดสอบการทำงานของเครื่องจักรในการก่อสร้างโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีระบบการติดตามและตรวจสอบสถานะของรถยนต์ องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี AI กับการประยุกต์ใช้ในงานบัญชี องค์ความรู้เกี่ยวกับการประยุกต์ความรู้ด้านโพลิเมอร์และสิ่งทอเพื่อใช้ในงานวิจัยและพัฒนา เป็นต้น
สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่....
1. ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม จำนวน 5 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสวีเดน มีเงินลงทุนจำนวน 35 ล้านบาท อาทิ- บริการวิจัยและพัฒนากระบวนการผลิตเส้นใยสังเคราะห์และเส้นใยธรรมชาติ การทำกิจการบริการทางบัญชี บริการให้เช่าพื้นที่อาคารโรงงานบางส่วน พร้อมทั้งสาธารณูปโภค บริการรายงานความเคลื่อนไหวทางธุรกิจเกี่ยวกับสถานะเศรษฐกิจ การตลาด การลงทุน และความต้องการใช้สินค้า
2. ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า จำนวน 5 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศเนเธอร์แลนด์ เกาหลีใต้ และฮ่องกง มีเงินลงทุนจำนวน 4,763 ล้านบาท อาทิ บริการให้ใช้ระบบบริหารจัดการในการติดตามและตรวจสอบสถานะของรถยนต์ บริการให้เช่าซื้อและให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ บริการให้เช่าแท่นสำหรับเสริมความแข็งแรงตัวถัง อุปกรณ์จับยึด บริการให้เช่าเครื่องควบคุมการให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ เครื่องฟอกเลือดฟอกไต เครื่องนำร่องศัลยกรรมกระดูก บริการให้บริการเกมส์ออนไลน์และเกมส์โมบาย
3. ธุรกิจค้าส่ง จำนวน 1 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศจีน มีเงินลงทุนจำนวน 24 ล้านบาท คือ การค้าส่งสารเคมีประเภทก๊าซไวไฟ ก๊าซไม่ไวไฟและไม่เป็นพิษ ก๊าซพิษ
4. ธุรกิจบริการเป็นคู่สัญญาเอกชน จำนวน 2 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศเกาหลีใต้ และจีน มีเงินลงทุนจำนวน 390 ล้านบาท คือ บริการออกแบบทางวิศวกรรม และบริหารจัดการโครงการปลดประจำการเรือผลิตและเก็บปิโตรเลียม บริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้าง ติดตั้งและทดสอบเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกชนิดโพลีโพรพิลีน
ทั้งนี้ ในเดือนสิงหาคม 2562 จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตลดลงจากเดือนก่อน 12 ราย คิดเป็น 48% ในขณะที่เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 1,721 ล้านบาท คิดเป็น 49% เนื่องจากในเดือนสิงหาคม 2562 มีผู้ได้รับอนุญาต ให้ประกอบธุรกิจซึ่งต้องใช้เงินลงทุนสูง คือ บริการออกแบบทางวิศวกรรม และบริหารจัดการโครงการ ปลดประจำการเรือผลิตและเก็บปิโตรเลียม บริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้าง ติดตั้งและทดสอบเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกชนิดโพลีโพรพิลีน เป็นต้น
https://www.posttoday.com/economy/news/599101
เรื่องดีๆมีมาไม่หยุด เศรษฐกิจไทยจะฟื้นก่อนใครในภูมิภาคนี้