คือตอนนี้ผมทำงาน (ไม่ตรงสายที่เรียนมา)
ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ที่ระบบองค์กรณ์เป็นแบบครอบครัว ภายใต้ชื่อ Co., Ltd การทำงานค่อนข้างไปในทาง มั่ว คืองานทุกแผนก ทุกตำแหน่ง ต้องทำหมดเลย ซึ่งแรกๆชอบมาก เพราะ ได้ประสบการณ์ การปฏิบัติงานทุกด้าน แต่หลังๆเริ่มมีการปรับเปลี่ยนอำนาจผู้บริหาร ทำให้โดนก้าวก่ายการทำงาน มากเกินไป ยกตัวอย่าง
ก่อนปฏิบัติงานต้องเขียน รายงานและอธิบายงานในวันนั้นๆ รวมเวลาที่เสียไป ราวๆ 1 ชม. ซึ่งถ้าออกงานนอกบริษัทผมรับผิดชอบงาน3-5 ที่ ซึ่งมากกว่าคนอื่น และระยะห่างของสถานที่ค่อนข้างกินเวลา ทำให้ ขับรถเร็วกว่ากฏหมายกำหนด เพื่อให้งานเดินต่อไปได้ ผลที่ตามมา 2-3ใบแจ้งความเร็วต่อเดือน ซึ่งผมต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเองและโดนตำหนิหลังจากนั้น
ผมก็ปรับตัวมาขับตามกฏหมายกำหนด แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ โดนตำหนิหนักกว่าเดิม งานไม่ทัน ไม่มีตัวช่วย จัดสวรรค์เวลาแล้วแต่ ไม่สามารถทำให้ทันได้ในเวลางาน ปล.ฐานลูกค้า ต้องปฏิบัติงานตามเวลาราชการ
หลังจากได้มีโอกาสปฏิบัติงานในออฟฟิศ หน้าที่ตอนนี้ก็เบาลง เหลือแต่โดนโยนงาน จากทุกแผนก ซึ่งตอนนี้ ได้โปรเจคที่ต้องแข่งกับเวลา ซึ่ง ต้องมีเวลาให้สัก 2เดือน แต่โดนบีบให้เสร็จภายใน 10วัน
ปล.ผมทำงานถวายชีวิต 7.00-5.00 น. กลับบ้าน ทำต่อถึง 0.00 น. เคยมากสุด ตี1 ทำให้ต้องล้มหมอน นอนเสื่อบ่อย ลาป่วยแต่ก็นั่งทำงานที่บ้าน
ช่วงเดือนนี้ประจวบเหมาะกับการซ้อม/รับปริญญาทำให้ลาบ่อยขึ้น ตอนนี้โดนหักเงิน จากการลาป่วย/ลากิจ รวมๆ 3xxxบาท ยังไม่รวม (ที่โดนหักเพราะไม่มีใบรับรองแพทย์ นอนอยู่บ้านกินยาแทน)ใบแจ้งความเร็ว ต่อเดือน ของเดือนก่อนๆที่ไล่หลังมา ตอนนี้ผมโดนจับผิด จ้องจะหักเงินเดือนตลอด
ปล.เหตุเกิดจาก ผมเถียงเรื่องงาน เชิงทฤษฎีกับผู้บริหาร ซึ่งผมถูกแน่นอนเพราะเป็นเรื่องที่รู้จริง เหตุการณ์นั้น โดนลุม 3ต่อ1 โดนตัดบทโดยการขู่จะไม่จ่ายเงินค่าจ้าง
ปล2. เรื่องที่เถียงมีผลกับผลประโยชน์ระยะยาว ของบริษัทและผู้รับเหมา ซึ่งถ้าทำตามผมจะประหยัดต้นทุนได้
ซึ่งตอนนี้ปัญหาเรื่องงานทำให้มีเวลาให้ครอบครัวน้อยลง สุขภาพจิตและกายแย่ลง ผมเข้าใจที่ไหนๆก็มีเหมือนกัน แต่มันมากไปไหมครับ
ตอนนี้ผมกำลังตัดสินใจว่าจะลาออกไปหางานที่ตรงสายงานดีไหมครับ หรือทนเก็บประสบการณ์ไปก่อนสัก2-3ปี
หมด passion กับที่ทำงาน ขอระบาย
ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ที่ระบบองค์กรณ์เป็นแบบครอบครัว ภายใต้ชื่อ Co., Ltd การทำงานค่อนข้างไปในทาง มั่ว คืองานทุกแผนก ทุกตำแหน่ง ต้องทำหมดเลย ซึ่งแรกๆชอบมาก เพราะ ได้ประสบการณ์ การปฏิบัติงานทุกด้าน แต่หลังๆเริ่มมีการปรับเปลี่ยนอำนาจผู้บริหาร ทำให้โดนก้าวก่ายการทำงาน มากเกินไป ยกตัวอย่าง
ก่อนปฏิบัติงานต้องเขียน รายงานและอธิบายงานในวันนั้นๆ รวมเวลาที่เสียไป ราวๆ 1 ชม. ซึ่งถ้าออกงานนอกบริษัทผมรับผิดชอบงาน3-5 ที่ ซึ่งมากกว่าคนอื่น และระยะห่างของสถานที่ค่อนข้างกินเวลา ทำให้ ขับรถเร็วกว่ากฏหมายกำหนด เพื่อให้งานเดินต่อไปได้ ผลที่ตามมา 2-3ใบแจ้งความเร็วต่อเดือน ซึ่งผมต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเองและโดนตำหนิหลังจากนั้น
ผมก็ปรับตัวมาขับตามกฏหมายกำหนด แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ โดนตำหนิหนักกว่าเดิม งานไม่ทัน ไม่มีตัวช่วย จัดสวรรค์เวลาแล้วแต่ ไม่สามารถทำให้ทันได้ในเวลางาน ปล.ฐานลูกค้า ต้องปฏิบัติงานตามเวลาราชการ
หลังจากได้มีโอกาสปฏิบัติงานในออฟฟิศ หน้าที่ตอนนี้ก็เบาลง เหลือแต่โดนโยนงาน จากทุกแผนก ซึ่งตอนนี้ ได้โปรเจคที่ต้องแข่งกับเวลา ซึ่ง ต้องมีเวลาให้สัก 2เดือน แต่โดนบีบให้เสร็จภายใน 10วัน
ปล.ผมทำงานถวายชีวิต 7.00-5.00 น. กลับบ้าน ทำต่อถึง 0.00 น. เคยมากสุด ตี1 ทำให้ต้องล้มหมอน นอนเสื่อบ่อย ลาป่วยแต่ก็นั่งทำงานที่บ้าน
ช่วงเดือนนี้ประจวบเหมาะกับการซ้อม/รับปริญญาทำให้ลาบ่อยขึ้น ตอนนี้โดนหักเงิน จากการลาป่วย/ลากิจ รวมๆ 3xxxบาท ยังไม่รวม (ที่โดนหักเพราะไม่มีใบรับรองแพทย์ นอนอยู่บ้านกินยาแทน)ใบแจ้งความเร็ว ต่อเดือน ของเดือนก่อนๆที่ไล่หลังมา ตอนนี้ผมโดนจับผิด จ้องจะหักเงินเดือนตลอด
ปล.เหตุเกิดจาก ผมเถียงเรื่องงาน เชิงทฤษฎีกับผู้บริหาร ซึ่งผมถูกแน่นอนเพราะเป็นเรื่องที่รู้จริง เหตุการณ์นั้น โดนลุม 3ต่อ1 โดนตัดบทโดยการขู่จะไม่จ่ายเงินค่าจ้าง
ปล2. เรื่องที่เถียงมีผลกับผลประโยชน์ระยะยาว ของบริษัทและผู้รับเหมา ซึ่งถ้าทำตามผมจะประหยัดต้นทุนได้
ซึ่งตอนนี้ปัญหาเรื่องงานทำให้มีเวลาให้ครอบครัวน้อยลง สุขภาพจิตและกายแย่ลง ผมเข้าใจที่ไหนๆก็มีเหมือนกัน แต่มันมากไปไหมครับ
ตอนนี้ผมกำลังตัดสินใจว่าจะลาออกไปหางานที่ตรงสายงานดีไหมครับ หรือทนเก็บประสบการณ์ไปก่อนสัก2-3ปี