[CR] ไปทำงาน แล้วพาลไปเที่ยว @อุบลราชธานี เมืองดีๆ ที่อยากไปซ้ำ

สวัสดีค่าาาา สิงอยู่ในห้องบลูแพลนเน็ตมานาน เลยอยากลองตั้งกระทู้ดูบ้าง
พอดีว่าสบโอกาสเดินทางไปทำงานที่อุบลฯ พอดี เลยเปิดกูเกิลทำแผนกินๆ เที่ยวๆ ไปด้วยเลย
ขอเกริ่นนิดนึงนะคะว่าเรากินเยอะหน่อย เพราะเก็บกดจากที่วันปกติควบคุมอาหารอยู่ค่ะ 😭😭😭😭
ไม่พูดเยอะละกัน เริ่มเลยดีกว่าค่า (โน้ตนิดนึง ว่าเราไปช่วงเดือนมิถุนายนจ้า แต่เพิ่งมาตั้ง แหะ แหะ)

ขาไปเราเดินทางด้วยนกแอร์ รอบเช้าสุดประมาณ 9 โมงนิดๆ
ตื่นตั้งแต่ตี 5 เดินทางมาลงรถไฟฟ้าสถานีหมอชิตแล้วต่อรถ A1 ไปลงสนามบิน 
เสีย 30 บาทต่อคน ใช้เวลาแค่ 15-20 นาทีก็ถึงค่ะ ไวมากๆ


เราไม่ได้ขึ้นเครื่องมาหลายปี พอขึ้นทีก็ตกใจ 
โอโหววววววว โฆษณาเต็มเครื่อง ลายตามากค่ะ 
แต่ก็ต้องยอมเพราะค่าเครื่องถูก แค่หกร้อยนิดๆ เอง


นั่งๆ นอนๆ ประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงสนามบินอุบล ออกมาก็ตกใจการตกแต่งที่ยังไม่เสร็จมากค่ะ 😭

ไปถึงเราก็เช่ารถ ตกวันละ 900 บาท


ไปทำงานกันก่อน ตกเย็นเราก็เข้าที่พัก 
เราพักกันที่ The Regent Hotel ห่างจากสนามบินแค่ 5-10 นาทีเท่านั้นค่ะ

Reception พูดจาดีมาก แนะนำดีมากค่ะ 
ตอนดึกๆ มีเพื่อนร่วมทริปคนนึงอยากไปนวดก็ไปถามเค้าตอน 4 ทุ่ม 
พี่เค้าก็บอกทางแล้วให้โบรชัวร์มา ไปแลกเป็นส่วน 10% ที่ร้านนวด 
(จากปกติ 2 ชั่วโมง 300 บาท ก็เหลือแค่ 270 บาทเท่านั้นค่ะ)


ตกคืนละ 600 บาท ที่พักสะอาดโอเค แต่แอร์ไม่ค่อยเย็น แหะ แหะ


ตื่นเช้ามาก็พุ่งตัวไปห้องอาหารก่อนเลยค่า
ที่นี่จะสั่งเป็นอาหารจานเดี่ยว ไม่อิ่มไม่มีเติม มีแต่หนมปังปิ้งให้เติมท้องค่ะ


กะเพราไข่ดาวคือไข่ดาวกรอบได้ใจมากกกกก

เติมพลังด้วยอาหารเช้าไปแล้วเราก็ไปทำงานกันต่อค่ะ
ทำเสร็จเราก็หาข้าวเที่ยงกิน
มาอีสานทั้งทีต้องได้กินอาหารอีสานแน่นอนค่ะ
และหวยก็ไปลงที่ร้าน ส้มตำวังแก้ว


เราสั่งอะไรหลายอย่างมาก กินดูแล้วรู้สึกไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่ สงสัยคนท้องถิ่นเค้าไปกินที่อื่นค่ะ ฮืออ

อันนี้เป็นตำปูปลาร้าค่ะ ปลาร้าไม่เหม็น สั่งเผ็ดปกติ แต่รสชาติมาแบบเผ็ดได้ใจ อร่อยอยู่ค่ะจานนี้

จานนี้ชวนงงหน่อยๆ ค่ะ สั่งตำไทยไข่เค็มเผ็ดน้อยไป รสชาติหวานๆ 
แต่ที่งงคือใส่คึ่นช่ายมาด้วย นึกว่ากินยำวุ้นเส้นอยู่
หรือนี่จะเป็นตำไทยสไตล์อุบล??

ไก่ย่างแห้งไปหน่อยค่ะ เนื้อน้อยมากๆ ไม่ค่อยฟินค่ะ

ปลาเผาค่ะ กินอร่อยแบบไม่ต้องขอน้ำจิ้ม เพราะเค้าไม่มีให้ (555++)

จานนี้เรียกเนื้อแดดเดียวค่ะ แต่ปกติที่บ้านเรียกเนื้อสวรรค์ เคี้ยวนานมากค่ะ เพราะเหนียวมาก

จานนี้ก็หมูแดดเดียวค่ะ ออกมาก็หน้าตาเหมือนหมูสวรรค์ 
เนื้อเหนียวเหมือนกันค่ะ แต่รับได้ รสชาติดี อร่อยเลยค่ะ

ลาบปลาคังค่ะ รสออกเปรี้ยว แต่เนื้อปลาดี อร่อยเลยค่ะจานนี้

คอหมูย่างค่ะ ไม่เคยเห็นคอหมูย่างที่แห้งขนาดนี้มาก่อน 
แบบแกแน่ใจนะว่านี่แกเป็นคอหมู ฮือออออ

ไม่ค่อยนัวกับร้านส้มตำไปแล้ว เราก็ขอไปต่อที่คาเฟ่ค่ะ
เผื่อจะเติมเต็มความฝันที่จะกินของพุงน้อยๆ ได้บ้าง

นั่งเสิร์จหาคาเฟ่ถึงได้รู้ว่าอุบลฯ ก็เป็นเมืองค่าเฟ่เฟมือนกันนะ
ตอนแรกเราจะไปคาเฟ่หมั่นเหลา แต่พอถึงหน้าร้านแล้วเค้าปิดจ้าาาา
โทรไปถามที่ร้านเค้าก็บอกว่าปิดปรับปรุงอยู่
เราลยเปิดกูเกิ้ล แล้วเบนเป้ามาที่ ภันเต คาเฟ่ที่อยู่ใกล้ๆ กันแทน

เข้าไปถึงก็แบบว่า เฮ้ยแกรรรร มันโอเคอยู่นะ

ควรใส่ชุดสวยๆ แล้วมาถ่ายรูปอะ

ร้านใหญ่มากค่ะ แบ่งเป็นโซนใหญ่ๆ ได้ 3 โซน (แบ่งเองจากตาเห็นค่ะ อิอิ)

โซนที่ 1 (เข้าร้านมาแล้วเจอเลย) เหมือนโซนเก็บของเก่า
มีทั้งของเล่น ของใช้เก่าเก็บ เหมือนพิพิธภัณฑ์ย่อมๆ 

โซนที่ 2 (เดินผ่านเคาน์เตอร์เข้ามากลางบ้าน) เป็นโซนแบบไทยโบราณ
อันนี้เป็นโซนที่ 2 ค่ะ (จัดโซนโดยเราเอง)
แต่ว่าข้างหลังรั้วเป็นโซนที่ 3 โซนสวย สวยมากกก กว้างมากกก
แต่วันที่เรามาเค้าไม่เปิด เค้าเปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ค่ะ
มันแต่วี้ดว้ายกะร้านสวย ก็ต้องเดินกลับไปหน้าร้านสั่งอาหารค่ะ

ใครไม่รู้ว่าจะสั่งอะไร เดินไปดูที่บอร์ดเลยค่ะ รวมขนมและเครื่องดื่มจานเด็ดไว้
(ดูจากความเยอะแล้วคงเด็ดทุกเมนู)

ช่วงบ่ายงานเสร็จแล้วเลยวางแพลนว่าจะไปเที่ยวในเมืองกันค่ะ 
เพราะตอนเย็นมีน้องกลับบ้านก่อนไม่ได้อยู่เที่ยวที่ไกลๆ กับเรา
พวกเราเลยตั้งใจว่าจะเที่ยวสวนสัตว์ระหว่างรอไฟลต์กลับรอบดึกค่ะ


เราเป็นคนชอบเที่ยวสวนสัตว์มาก เลยตื่นเต้นสุดๆ 
หาแผนที่มาดู จะได้รีบเดินไปจุดที่ตัวเองอยากดู
เพราะตอนคุยกับลูกค้าเสร็จก็ 4 โมงเย็นแล้ว
เสิร์จในกูเกิล อากู๋ก็บอกว่าสวนปิด 6 โมง
แต่พอไปถึงเท่านั้นแหละค่ะ แป่วววว อกหัก
เจ้าหน้าที่บอกว่าปิด 4 โมงเย็นค่ะ อากู๋หลอกช้านนนนน

เราเลยเบนเข็มไปเที่ยววัดแทนค่ะ
อุบลเป็นอีกจังหวัดที่วัดเยอะมากกกกก
ทำให้เราได้ไปวัดพระธาตุหนองบัวค่ะ

สภาพอากาศก็ครึ้มฟ้าครึ้มฝนมากค่ะ
แต่โชคดีมาก ฝนไม่ตกเลย

เป็นวัดที่มีประติมากรรมสวยๆ เยอะมาก

เราถามคนแถวนั้นว่าควรไปที่ไหนต่อดี เค้าก็แนะนำ หาดคู่เดื่อ ค่ะ
เค้าบอกว่าดูพระอาทิตย์ตกแล้วสวย
เราก็เลยเปิด GPS แล้วขับไปกันค่ะ

ขับมาตลอดทางเป็นร้านอาหารริมแม่น้ำทั้งนั้น
แต่เราไม่ได้แวะกินค่ะ เพราะกลัวว่านั่งเพลิน และจะกลับไปส่งน้องที่สนามบินไม่ทัน

ร้านอาหารก็จะเป็นฟีลแบบบ้านบนแพลอยน้ำค่ะ

สุดท้ายเราขับรถหาร้านข้าวกินก่อนไปส่งน้องที่สนามบินค่ะ
ก็หาร้านที่ไม่ไกลสนามบินมาก
สุดท้ายจบที่ร้านอาหารญี่ปุ่นตรงข้ามโรงแรมที่เราพักกันคืนแรกค่ะ

ร้านชื่อ Matsu Sushi ค่ะ ที่จอดรถเยอะมากกก 
เดินเข้าไปในร้านคือ อือหือออ กลิ่นแซลม่อนคละคลุ้งมากค่ะ

อาหารเค้ามีหลายคอร์สหลายราคา เราก็แบบว่ามาทั้งทีสั่งแพงสุดไปเลยละกัน
ราคาอยู่ที่หัวละ 1,190++ (net 1,401) ค่ะ

ชามนี้อร่อยมากกกกกกกกกกกก เนื้อปลาหมึกคือนิ่ม ไม่มีความเหนียวเลย น้ำซุปก็อร่อย

สั่งเกือบทุกอย่างที่เป็นเมนูแซลม่อนค่ะ

เป็นโรคจิต ไปร้านอาหารญี่ปุ่นร้านไหนก็ต้องสั่งทาโกะวาซาบิ ขึ้นจมูกสะใจดีค่ะ

อันนี้หอมกลิ่นทรัฟเฟิลมากกกกก เค้าบอกว่าเพราะใส่เกลือทรัฟเฟิลค่ะ

ซูชิหน้าหมู หนักท้องมาก แต่อร่อย ถ้าไม่ได้กินแบบบุฟเฟ่ต์รับรองว่าสั่งกินอีกแน่ค่าา

เอ็นกาวะคือความดีงามมากๆๆๆๆ ละลายในปากสุดๆ

อันนี้ปลาอะไรนะคะ? อร่อยดีค่ะ 55555

หอยคือดี ซอสก็ดี แต่ทิ้งไว้นานๆ ซอสจะข้นไป เข้มไปนิดค่ะ มาถึงต้องรีบกิน

กินอิ่ม พาน้องไปส่งสนามบินขึ้นเครื่องโดยสวัสดิภาพแล้ว
เราก็เดินทางกันต่อค่ะ เป้าหมายของเราคือ ปลายฟ้า รีสอร์ท
รีสอร์ทติดลำน้ำโขงที่เดินทางไปจากสนามบินประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ
แต่… เราใช้เวลานานกว่านั้น เพราะเราหลงค่ะ ฮืออออออ
ถนนหนทางเรียบเนียนดีนะคะ แต่ว่า มัน มืด มาก ค่ะ
GPS บอกให้เลี้ยว แต่เราไม่เห็นซอยก็มไม่รู้จะเลี้ยวยังไง
มันมืดมากจนไม่รู้ว่ามีซอยอยู่ในนั้น
และตอนที่ขับรถไปเราก็มีแต่ผู้หญิง 3 คน ไปแบบกลัวๆ ค่ะ
สุดท้ายคือไปถึงที่พักเที่ยงคืนกว่า แต่คนดูแลก็ดีนะคะ 
เห็นเรายังไม่มาเค้าก็รอ นอนรอที่แผนกต้อนรับ 
เค้าบอกว่าเห็นแขกยังไม่มาก็ไม่กล้าไปอาบน้ำ เดี๋ยวคลาดกัน 
น่ารักมากเลยค่ะ ฮืออออออ

ขอต่อเรื่องการเที่ยววันถัดไปในคอมเม้นนะคะ อันนี้เน้นเที่ยวและ ไม่เน้นกิน
แต่เที่ยวแบบอั้นๆ เพราะต้องเข้าเมืองไปขึ้นเครื่องงง