สวัสดีค่าา วันนี้จะมานำเสนอสถานที่เดินป่าอีกแห่งนึง ที่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก แต่มีธรรมชาติที่ยังงดงามมจริงๆ อยากให้ทุกคนได้ลองไปสัมผัสนะคะ แม้จะมีเสียเหงื่อกันบ้าง ><' (กระทู้นี้เราอยากจะแชร์ข้อมูลและเรื่องราวระหว่างทางนะคะะ ถ้าเขียนเยอะไป รูปน้อย ก็ขออภัยด้วยค่า)

พอดีมีวันหยุด 3 วัน เราเลยหาที่เที่ยว… แล้วก็ได้จุดหมายของทริปนี้ นั่นคืออ เขาหลวงสุโขทัย อุทยานแห่งชาติรามคำแหง
เราไปปลายเดือนกรกฏาคม ช่วงหน้าฝน อากาศเย็นๆ กำลังดี 
เดินทางกันด้วยรถส่วนตัวค่ะ (มันก็จะสะดวกหน่อยๆ) ตอนแรกก็จะนั่งรถทัวร์มาเองแหละค่ะ แต่พอดีเป็นวันหยุด แล้วเราดันจองรถทัวร์ไม่ทัน TT แต่จากหาข้อมูลมา ก็สามารถนั่งรถทัวร์มาลงที่บขส.สุโขทัย แล้วต่อรถมอไซต์รับจ้างไปอชได้ แต่ก็ไกลนิดนึงคะ

จะขอเริ่มกันที่เช้าวันแรกที่จังหวัดสุโขทัยเลยนะคะะ วันแรกเราไปตลาดกันก่อน เพื่อเตรียมเสบียงกันค่า
เรามากันที่ตลาดหน้าวัดวาลุการาม อ.คีรีมาส ซื้อผัก ซื้อเนื้อ ซื้อข้าวกลางวัน และกินข้าวเช้ากันที่นี่ค่ะ
ตลาดที่นี่เป็นตลาดเล็กๆ ร้านไม่มาก แต่ก็พอมีให้ซื้อของสด ขนมหวาน และเสบียงตอนกลางวัน

อันนี้บรรยากาศตลาดมองจากประตูหน้าวัดออกไปจ้า

ข้าวเหนียวสังขยา ข้าวเหนียวหน้าปลา/หน้ากุ้ง ห่อละ 5 บาท เท่านั้นค่าา ซื้อไปกินระหว่างเดินป่าก็ได้จ้า

มื้อเช้าของเรา เป็นก๋วยเตี๋ยวไทย เหมือนเป็นก๋วยเตี๋ยวดั้งเดิมของที่นี่ เพราะไม่เคยเห็นที่ไหนเลยค่ะ เลยลองมากินดู ลักษณะเป็นก๋วยเตี๋ยวแห้ง น้ำขลุกขลิก ใส่เส้น ใส่หมูแดง ป้าบอกแบบดั้งเดิมคือใส่แค่เส้น ปรุงรส ไม่ใส่หมูเลยจ้า แต่อันนี้คือแบบปรับเป็นปัจจุบันแล้ว555 จะใส่หมู และเด่นอีกอย่างคือใส่น้ำตาลปี๊บเป็นก้อนเลย  และบีบมะนาว รสชาติโดยรวม ออกหวานนๆค่ะ55

กินอิ่ม เสบียงพร้อมแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปอุทยานแห่งชาติรามคำแหงกันเลยย

มาถึงกันแล้ววค่ะ ที่อุทยานแห่งรามคำแหง ด้านล่างอุทยานจะมีที่พักเป็นบ้าน ลานกางเต็นท์ ร้านอาหาร ร้านค้าสวัสดิการ ใครจะมาพักด้านล่างก็สะดวก บรรยายกาศดี จะนอนเต็นท์ก็มีให้ยืม ถุงนอน ที่รองนอน มีหมดครบเลยค่ะ

บรรยากาศในอุทยานค่ะ ร่มรื่นมากก
  

ส่วนใครจะพิชิตเขาหลวงสุโขทัย ที่นี่ก็มีเต็นท์ ถุงนอน ที่รองนอน ให้ยืม มีลูกหาบให้บริการด้วย ค่อนข้างสะดวกทีเดียว แต่!!! เนื่องจากเราไปวันหยุด และเราไปสายแล้ว (ถึงอุทยานเกือบ 10 โมงเลยค่ะ TT) มีคนสนใจมาพิชิตเขาหลวงจำนวนมากก เราไปถึงของทุกอย่างที่ให้เช่าก็หมดแล้วคะ ทั้งเต็นท์ ถุงนอนต่างๆ ลูกหาบ มีพี่บางกลุ่มก็ถอดใจกลับไปก็มีค่ะ (เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันหยุดยาวว TT)

เรามีเต็นท์มา 1 หลัง แล้วกะจะมาเช่าที่นี่อีก 1 หลัง โชคดีมากเลยค่ะ มีพี่เจ้าหน้าที่แนะนำให้เราไปถามร้านสวัสดิการเพื่อจะดูว่ามีเต็นท์ที่ให้เช่าด้านล่างเหลือมั้ย ไปถามมาแล้วว มีเหลือ 2 หลังแบบไม่มีฟรายชีทที่คุณป้ายังไม่ได้เก็บกางอยู่ ป้าบอกเช่าได้ แต่ไปเก็บกันเองนะลูก ป้ายังไม่ว่าง 5555 ได้ค่ะ!! เดี๋ยวหนูไปเก็บกันเองคะะ

ในภาพ ด้านหน้าเป็นลานกางเต็นท์ข้างล่างค่ะ (ที่เห็นเต็นท์สีฟ้า เราเก็บเต็นท์จากตรงนี้แหละค่ะ555) ด้านหลังเป็นทางขึ้นเขาหลวง มีพี่ๆหลายกลุ่มมากเลยค่า

เส้นทางขึ้นเขาหลวง ถึงจุดตั้งแคมป์ ระยะเดิน 3.7 km เป็นระยะเดินเท้านะคะ ไม่ใช่วัดจากความสูง เห็นระยะทางแค่นี้ แต่บอกเลยว่า… ได้เสียเหงื่อและพักๆๆ กันหลายรอบเลยค่ะ และเมื่อไปถึงแคมป์แล้ว ด้านบนยังมีจุดชมวิวให้เดินไปอีกด้วยค่ะะ


เมื่อเตรียมของพร้อม เสบียงพร้อม กายพร้อม ใจพร้อม ก็ลุยยยยยเลยค่าาา!!!!
เขามีป้ายกำหนดไว้เลยค่ะ ข้อห้ามคนเป็นโรคนี้ๆๆ ห้ามเดินขึ้นเขาหลวง เป็นห่วงกลัวจะเป็นอันตรายกับตัวเองนะคะทางเดินระยะแรกค่า ยังไม่ชันจ้า
ทางช่วงแรกที่เริ่มชันค่ะ จะเห็นว่ามันเหมือนเป็นขั้นๆ ในรูปอาจจะไม่ชัน แต่ต้องมาลองค่ะ!
อันนี้ถ่ายย้อนกลับไปทางที่ขึ้นมาค่ะ ในรูปมันจะอาจจะดูไม่ชันมาก555 แต่ทางส่วนใหญ่จะขึ้นๆๆๆๆ ชันๆๆๆ ตลอดดทางเลยค่า

เดินๆ ไต่ๆ ขึ้นมา ถึงจุดชมวิวแล้วค่าา 1.6 km แต่ก่อนจะถึงจุดชมวิว ก็พักไปหลายพักเลยย ฮ่าๆ

เอ้ออ ที่นี่ระหว่างทางเดินจะมีน้ำธรรมชาติให้เติมกันด้วยค่ะ เจ้าหน้าที่ต่อจากตาน้ำด้านบนๆ เป็นท่อลงมา และใส่ถังไว้เป็นจุดๆ ให้เติมกันได้ เป็นการให้เราสะดวกขึ้นไม่ต้องแบกน้ำขึ้นมาจ้า แต่ถังแรกน้ำหมดค่ะ ฮ่าา ดังนั้นก็ควรพกน้ำมาเองบ้างนิดหน่อยคนละลิตรก็โอเคค่ะ แล้วค่อยมาเติม ถังอื่นน้ำมีจ้า แต่ก็ขึ้นกับฤดูที่มาด้วยนะคะะ

ที่นั่งพัก บริเวณจุดชมวิวค่ะะ

ไปปค่ะ เดินต่อกัน เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเส้นทางเท่าไรนะคะ เพราะเหนื่อยมากกก55 แต่บอกเลยว่า ทางที่เดิน เป็นทางขึ้นๆๆ ชันๆ เกือบตลอดทางง มีทางราบอยู่น้อยนิดเป็นบางจุด และมีทางราบยาวๆตอนใกล้ๆถึงแคมป์ค่ะ ส่วนทางลงนั้น… เราว่ามันไม่มีจ้า แฮ่กๆๆ
ถึงจะเป็นทางขึ้นส่วนใหญ่ แต่เราว่าเขาทำทางเดินได้ดีนะคะ บางจุดก็ทำเป็นขั้นบันไดเลย และส่วนใหญ่จะมีราวจับ 555 ช่วยให้เราเดินขึ้นได้ง่าย และกันเราตกเขาด้วยย ฮ่าา

ทางราบอันน้อยนิด ขอนไม้ข้างๆนั่งพักได้จ้า
 
พี่ลูกหาบค่า

เดินกันมาสักพักกก 3 km ถึงไทรงามกันแล้วว อีก 700 m เท่านั้นน ก่อนหน้านี้เราพักกินข้าวกลางวันกันไปเรียบร้อยแล้วค่า
จุดนี้เป็นอีกจุดนึง ที่สวยงามทีเดียว ถ้ายังมีแรง ก็พักชื่นชม ถ่ายรูปกันสักหน่อยย
วันหยุดคนมากันเยอะ ก็แบ่งปันที่นั่ง ที่พัก หลบให้คนอื่นได้พักชื่นชมเหมือนเราบ้างเน้ออถ่ายมุมแหงนหน่อยค่ะ ไม่ให้ติดพี่ๆ ฮาาา
ดอกไม้ระหว่างทางค่ะ
 

จุดตั้งแคมป์ 200 m น้ำตาจะไหลลล ขาจะลากก 5555 ด้านขวาเป็นพระยาแล่นเรือ จะเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ ในหุบเขาอะไรประมาณนั้น สวยดีจ้า
 
ภาพล่างเป็นพระยาแล่นเรือค่า ในรูปมันไม่สวยเท่าของจริงน้า
ถึงแล้ววววววววค่าา จุดตั้งแคมป์!!!เรามาวันหยุด ลานกางเต็นท์แทบเต็มเลยค่ะ TT
หลังคาที่เห็น เป็นห้องน้ำค่ะ มีหลายห้องเลยย แยกชาย-หญิงนะคะ

ก่อนอื่น เราต้องหาจุดกางเต็นท์กันก่อนค่ะ! เนื่องจากเราถึงกันค่อนข้างเย็น ที่กางเต็นท์แทบจะไม่เหลือแล้ว ฮืออ 

รวมแล้วเราใช้เวลาในการเดินไปทั้งหมดประมาณ 5 ชั่วโมงค่ะ แต่พักค่อนข้างเยอะ และพักนานตอนกินข้าวกลางวันไปเกือบชม. ถ้าตัดเวลาพักกลางวันออก เดินแบบคนไม่ฟิตมาก เคยเดินป่า เดินเขา มาบ้าง พักเมื่อเหนื่อย ก็ประมาณ 4 ชั่วโมงได้ค่ะ แต่บางคนฟิตๆหน่อย พักน้อยๆ ก็ถึงเร็วกว่านี้มากๆๆค่ะ 555
ระหว่างที่เราเดิน ได้เจอพี่ๆ นักวิ่งเทรล มาซ้อมวิ่งที่เขาหลวงสุโขทัยกันด้วยยย พี่ๆวิ่งขึ้นลงหลายรอบเลย ฟิตและแข็งแรงกันมากๆเลยค่า หรือเจอพี่บางกลุ่มก็เดินขึ้นอย่างเดียว ไม่พักข้างบน แล้วเดินลงก็มีค่ะ


กางเต็นท์เสร็จขอพักสักแปบนะคะ เดี๋ยวเดินกันต่อ ไปผานารายณ์ และยอดเขาพระแม่ย่า ไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันน
 

ถึงแล้วค่ะ ผานารายณ์ เป็นจุดชมวิวที่สวยยมาก หายเหนื่อยเลยค่ะ
วิวสวยมากก
    
เก้าอี้ก็เป็นพร็อพถ่ายรูปได้จ้า

เป็นอีกจุดนึงที่คนนิยมขึ้นไปถ่ายรูปกันน
    

ถ่ายรูปกันหนำใจแล้ว ก็ไปต่อกันเลยย ไปดูพระอาทิตย์ตกกันค่ะ ที่เขาพระแม่ย่า
   
บนเขาพระแม่ย่า ลมแรงมากกก แรงจนหนาวๆเลยย
  
ซ้ายแสงอาทิตย์ ขวาหมอก มันสวยมากกกกกกก

พระอาทิตย์ตกแล้วค่า เริ่มมืดเลย