แชร์ประสบการณ์ การสมัครทุน BU Creative + เทคนิคการสอบสัมภาษณ์ทุน

สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่มีความจริงจังและตั้งใจจริงจะมารีวิวประสบการณ์ การยื่นทุน Creative ของ ม.กรุงเทพค่ะ เป็นแนวทางให้กับน้องๆ ม.6 ที่จะเข้าปี 1 หรือน้องๆ ที่อยู่ปี 1 ม.กรุงเทพอยู่แล้ว อยากสมัคร เข้ามาอ่านกระทู้นี้เพื่อเป็นแนวทางและแรงบันดาลใจได้ค่ะ

- ทุน BU Creative คืออะไร?

คือ ทุนการศึกษาที่มอบให้แก่นักเรียนม.ปลายหรือนักศึกษาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่มีเกรดเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 2.50 มีความคิดสร้างสรรค์ มีความประพฤษติดี เป็นทุนที่เน้นพัฒนาความรู้ ความสามารถ และศักยภาพของบุคคลในความคิดริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม
ผู้ที่ได้รับทุนจะได้รับการยกเว้นค่าหน่วยกิต ค่าห้องปฏิบัติการ โดยนักศึกษาจะต้องชำระค่าบำรุงและค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่มหาวิทยาลัยกำหนด (ซึ่งแต่ละเทอม ที่เราต้องชำระเพิ่มจะอยู่ที่ 11,400 บาทค่ะ)

ด้วยความที่จขกท. เป็นคนที่หาเงินส่งตัวเองเรียนด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองทุกบาท เริ่มรู้สึกเหนื่อย เลยคิดว่าหาทุนเรียนบ้างก็ดี จะได้แบ่งเบาภาระตัวเอง ก็เลยเข้าสู่ขั้นตอน ทำการสืบค้นรายละเอียดทุนต่างๆ ที่มหาวิทยาลัยมีให้ ก็โป๊ะเช๊ะกับทุน BU Creative มากๆ เพราะจขกท. เป็นคนมีความสามารถทางด้านงานฝีมือ เลยเอาตรงนั้นมาตีโจทย์ ทำแฟ้มสะสมผลงาน ส่งวันสุดท้ายของการรับสมัครค่ะทุกคน เป็นอะไรที่เส้นยาแดงมาก ส่งทันโล่งใจ พอสมัครเสร็จก็ได้บัตรประจำตัวผู้สมัครมาตามด้านล่างนี้

หลักฐานการสมัครก็จะมี
1. ใบปพ.1 ของปีการศึกษาล่าสุด เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.50
2. แฟ้มสะสมผลงานเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ของตัวเราเอง
3. เรียงความ 1 หน้ากระดาษ a4 เรื่องที่เราสนใจและอยากสร้างสรรค์มากที่สุด
4. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของเรา

-ตัวอย่างแฟ้มสะสมผลงานนะคะ-







หน้าปกแฟ้มสะสมผลงานของ จขกท. เองค่ะ จะแนะนำเกี่ยวกับการทำตรงนี้ว่า “ถ้าเราไม่เก่งการออกแบบ หรือมีงบน้อย เราไม่จำเป็นต้องทำแฟ้มให้เลอเลิศอลังการ งานสร้างหรอกค่ะ แค่เราทำเองออกมาจากใจ ไม่ต้องจ้างคนอื่นทำ กรรมการจะเห็นถึงความตั้งใจของเราค่ะ เรากล้ายืนยันเลยค่ะว่ากรรมการอ่านแฟ้มของทุกคนที่ส่งแน่นอน แฟ้มของเรา เราปริ้นใส่ a4 ภาพสีธรรมดาแผ่นละไม่เกิน 10 บาท ส่วนหน้าปก ปริ้นใส่กระดาษโฟโต้ แผ่นละ 20 บาทประมาณนี้ค่ะ รวมๆค่าแฟ้มที่ปริ้นมาคือ 109 บาท ปริ้นเสร็จเข้าเล่มเองด้วย มีความเล่มเบี้ยวๆ ฝีมือเราทั้งนั้นค่ะ 555555”

พอถึงวันประกาศชื่อผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ ปรากฎว่าเราผ่านค่ะ (ทุกวันนี้เพื่อนยังแซวเรื่องนี้ว่า ที่กรรมการให้ผ่านเพราะเห็นใจเรื่องแฟ้มสะสมผลงานนั่นแหละ ยากจนสุด 555555555)
พอรู้ผล ก็เตรียมตัวสัมภาษณ์ เตรียมซ้อมคำตอบสวยๆ หรูไวตอบกรรมการ พอถึงวันสัมภาษณ์จริงๆ ตื่นเต้นค่ะ มีคนผ่านรอบแฟ้มสะสมผลงานมานั่งสอบสัมภาษณ์ด้วยกันแค่ 20 คน พอถึงคิวเราเข้าห้องเย็น มือไม้สั่นไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ค่ะ
เริ่มสู่นาทีการสัมภาษณ์
กรรมการก็ถามว่า : “หนูให้คำนิยามคำว่า สร้างสรรค์ยังไงบ้างคะ”, “คิดว่านอกจากถักไหมพรมแล้วหนูยังมีความคิดสร้างสรรค์แบบอื่นอีกมั้ย”, “ทำไมถึงอยากได้ทุน”, “ถ้าไม่ได้จะเรียนต่อที่นี่อยู่มั้ย” คำถามก็จะประมาณนี้ ส่วนการซักซ้อมก่อนหน้านั้นที่เตรียมตัวมา หลุดลอยไปหมดเลยค่ะ นาทีนั้นคิดอะไรได้ก็ตอบตามนั้น เรียลสุดๆ ค่ะ ก็คุยกับกรรมการเรื่องทั่วๆไปของถารถักไหมพรม เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยในช่วงที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง ก็คุยกันสักประมาณ 16 นาที เพราะแอบจับเวลาตอนเข้าห้องสัมภาษณ์ พอคุยเสร็จเราก็บอกว่า หนูขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ยังไงก็ให้หนูเถอะค่ะ ไหว้ย่อ ออกจากห้อง

พอวันที่ประกาศผล รู้สึกกดดันตัวเองแบบเห็นได้ชัดเลยค่ะ กลัวไม่ติด ได้แต่คิดปลอบใจว่า ถือว่าเราทำดีที่สุด เราเต็มที่กับตรงนั้นแล้ว ถ้าได้ก็ดีใจ ถ้าไม่ได้ก็เสียใจค่ะ เป็นเรื่องปกติ แต่ผลคือเราได้รับทุนค่ะ
ก็ขอบคุณกรรมการที่สัมภาษณ์หนูมาก ที่ชอบ Passion ในตัวหนูขนาดนี้

จบแล้วค่ะ การรีวิวช่วงขอทุนที่ผ่านมา ผิดผลาดประการใดก็ขอโทษไว้นะที่นี้ด้วยนะคะ ตั้งใจจะมาแบ่งปันจริงๆค่ะ ส่วนน้องๆคนไหนมีคำถามอยากถามเพิ่มเติมก็หลังไมค์มาถามได้ค่ะ ยินดีตอบทุกคำถาม เป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่มีความหวัง ความฝันนะคะ ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรค ขวากหนามระหว่างทางบ้าง แต่เชื่อเถอะค่ะ เราทุกคนสามารถฝ่าฟันไปได้แน่นอนค่ะ ขอบคุณและสวัสดีสำหรับทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ บ้ายบายค่ะ

**อัพเดท ตัวอย่างแฟ้มสะสมงานค่ะ**
     ตอนแรกที่ไม่ใส่ตัวอย่างมาด้วยเพราะกลัวว่าจะเป็นการเปิดเผยไอเดียเกินไป จขกท. เขินค่ะ 555555 แต่เห็นคุณข้างล่างคอมเม้นมาขอก็โอเค ลงให้เท่าที่ได้นะคะ ส่วนเรียงความ ขออุบไว้ค่ะ เป็นความลับของจขกท.กับคณะกรรมการค่ะ 555555 😉
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่