ผมถูกที่บ้านแอนตี้ในอาชีพ "ประกันชีวิต" อาชีพที่มันจำเป็นสำหรับทุกคน

กระทู้คำถาม
ผมพอเข้าใจนะว่าอาชีพนี้ เป็นอาชีพที่ใครๆหลายๆคนไม่อยากทำ เพราะด้วยเหตุผลอะไรหลายๆอย่าง ครอบครัวผมก็คือหนึ่งในนั้น ครอบครัวอยากให้ผมรับราชการ ทุกอย่างไม่เป็นอย่างหวังเลย ตั้งแต่ที่ผมได้เริ่มงาน ผมเคยแต่ช่วยงานกิจการที่บ้าน จนวัหนึ่งผมตัดสินใจเข้ามาหาประสบการณ์ใน กทม (มาอยู่เป็นเพื่อนน้องสาวที่เรียนมหาลัย) งานนี้เป็นงานแรกในชีวิตของผมตั้งแต่ผมเรียนจบ ผมได้เข้ามาสัมภาษณ์งานที่บริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง และได้เข้ามาศึกษาโครงสร้าง วิธีการทำงาน ความเป็นประโยชน์ต่อสังคม และรวมไปถึงผลประโยชน์ต่างๆที่ผมจะได้รับ ผมใช้เวลาศึกษา คิดอยู่นาน จึงตัดสินใจว่าผมอยากจะทำงานนี้ ผมตั้งใจและแน่วแน่ ผมอยากที่จะสามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง และถ้ามองลึกลงไป มันก็คงมีแค่ไม่กี่อาชีพที่สามารถมอบโอกาส แบ่งปันเรื่องราว ได้ช่วยใครหลายๆคน และสร้างรายได้ไปพร้อมๆกัน แต่แค่หลายๆคนไม่ได้เข้าใจในความสวยงามของประกันชีวิตเท่านั้นเอง ครอบครัวผมก็คือหนึ่งในนั้น ที่บ้านผมมีประกันชีวิตกันทุกคนก็จริง แต่แทบไม่รู้รายละเอียดของกรมธรรม์กันเลย เพราะตั้งแต่ผมสอบสัมภาษณ์ จนสอบใบอนุญาตตัวแทนผ่าน ทุกครั้งที่ผมก้าวไปอีกขั้น คนๆแรกที่ผมนึกถึงและโทรหาก็คือแม่ แต่ทุกครั้งปลายสายไม่มีการให้กำลังใจใดๆทั้งสิ้น ทุกคนพยายามดึงผมให้ออกจากอาชีพนี้ จนวันที่ผมได้ออกตลาดเป็นครั้งแรก คนแรกที่ผมนึกถึงก็คือครอบครัว ผมอยากให้ที่บ้านทำประกันชีวิตกับผม เพราะผมจะได้เป็นคนดูแลผลประโยชน์ทุกอย่างให้กับที่บ้านได้ด้วยตัวเอง แต่คำตอบที่พอจะเดาออกก็คือ ไม่ ครอบครัวผมบอกว่าจะใช้กรมธรรม์เดิม ไม่อยากเปลี่ยน และบอกให้ผมมองหางานอื่นๆ ตอนนี้ผมรู้สึกท้อใจมาก ผมพยายามอธิบายให้กับทุกคนฟัง ว่าผมเลือกอาชีพนี้ และผมจะทำให้อาชีพเป็นอาชีพที่ดูแลครอบครัวได้ในอนาคต ผมไม่ได้จะเป็นตัวแทนไปตลอด ผมมีโอกาสจะขยับไปเป็นผู้บริหารตัวแทน มีทีมของตัวเอง ผมต้องการขยับไปเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขายขององค์กร ผมต้องการให้โอกาสกับทุกคนที่ผมจะได้บอกเล่าเรื่องราวความสวยงาม และความจำเป็นของประกันชีวิต ผมทำอาชีพนี้ไม่ได้หวังแค่รายได้เพียงอย่างเดียว ผมอยากส่งต่อ อยากตอบแทน ในสิ่งที่ผมเคยได้รับโอกาสนั้นๆ หลายๆคนคิดว่าประกันชีวิตคือการเอาเปรียบ คือความไม่จำเป็นในชีวิต ไม่ได้ทำให้เกิดความคุ้มค่า เอาเงินไปทิ้งเปล่าๆ แต่สิ่งที่หลายๆคนไม่เคยรู้เลยก็คือ มันคือการออมเงินอย่างหนึ่ง มันคือการสร้างหลักประกันให้กับคนที่เรารัก เพราะบางคนใช้เงินที่หามาทั้งชีวิตเพื่อมารักษาตัวเอง บางคนต้องสูญเสียโอกาสหลังจากสูญเสียเสาหลักครอบครัว ใช่ครับ โลกนี้ไม่มีอะไรฟรีและราคาถูกเกินไปหรอก เพราะในความคิดของผม เมื่อคุณทำประกันชีวิตในวันนี้ ถ้าคุณได้ใช้สิทธิ์คุณอาจจะรู้สึกว่ามันคุ้มค่า แต่ถ้าคุณไม่ได้ได้สิทธิ์รักษาอะไรเลย คุณอาจจะคิดว่าจ่ายเงินทิ้งไปเปล่าๆ แต่ไม่เลย คุณรู้มั้ยว่าอย่างน้อย เงินที่คุณคิดว่าได้จ่ายทิ้งไปนั้น บริษัทก็ได้เอาเงินส่วนนี้ไปจ่ายให้กับผู้ที่เดือดร้อนคนอื่นๆที่เขาต้องการมัน ได้เป็นค่ารักษาโรคมะเร็ง ค่าผ่าตัด เงินไว้ต่อโอกาสให้กับอนาคตของใครหลายคนที่ต้องสูญเสีย ที่จริงมันคือการได้ทำบุญอย่างหนึ่ง เพราะมันคือการกระจายความเสี่ยง 

แน่นอนว่าผมอธิบายแบบนี้ให้กับครอบครัวของผมได้ฟัง แต่เหมือนว่าทุกคนก็ไม่โอเคกับอาชีพที่ผมตั้งใจจะทำ แต่ก็เข้าใจแหละว่า ทุกคนถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กว่าให้มีอาชีพที่มั่นคง ตอนเด็กๆทุกคนล้วนถูกสอนให้เรียนเก่งๆ จบมาจะได้เป็นใหญ่เป็นโต ไม่มีครอบครัวไหนหรอกที่สอนว่าเรียนเก่งๆ จบมาจะได้มาขายประกัน แต่ผมก็ยืนยันจะทำมันให้สุดชีวิตนะ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอนาคต ผมจะได้มาบอกเล่าเรื่องราวของความสำเร็จอยู่รึเปล่า หรือมาบอกเล่าความล้มเหลว เพราะตอนนี้ลูกค้าก็ไม่มี ที่บ้านก็ไม่สนับสนุน เอาตรงๆคือยังมองเห็นก้าวแรกยังไม่เจอเลย ตอนนี้ที่มีคือใจ กับศรัทธาเท่านั้นที่ยังทำให้ตัวผมสู้อยู่ เพราะผมถูกปฏิเสธจากทุกๆคนที่ผมนำเรื่องราวเกี่ยวกับประกันชีวิตไปบอกเล่า ไปแนะนำ ซึ่งผมก็เข้าใจนะ แต่ทุกครั้งที่ถูกปฏิเสธ ผมจะพูดประโยคนี้เสมอว่า
(ขอแทนคนที่ผมไปพูดด้วยว่า พี่ นะครับ)
" พี่คิดว่าสิ่งที่ผมพูดวันนี้มันดีมั้ยครับ

ถ้าพี่คิดว่าดี แต่วันนี้พี่ไม่พร้อม ผมเข้าใจพี่ครับ แต่ผมขอให้พี่ช่วยแนะนำคนที่พี่คิดว่าเขาต้องการสิ่งเหล่านี้  ผมอยากเข้าไปบอกเล่า ไปพูดคุยแนะนำกับเขาพี่ช่วยแนะนำส่งต่อสิ่งดีๆให้กับคนอื่นหน่อยได้มั้ย เพราะว่าสิ่งนี้ผมว่าบางทีมันอาจจะจำเป็นสำหรับเค้า พี่แนะนำคนที่พี่อยากให้เขาได้รับสิ่งดีๆแบบนี้ให้ผมหน่อยนะคับ ผมทำอาชีพนี้ ผมก็อยากส่งต่อและแนะนำสิ่งดีๆให้กับทุกๆคนหน่ะครับ
"

และผมจะพูดแบบนี้ทุกครั้ง ผมไม่เคยไปบีบให้เขาต้องมาทำประกันชีวิตกับผม ผมให้ทุกๆคนตัดสินใจเอง ผมได้ทำหน้าที่ของผมคือการบอกเล่าแนะนำไปแล้ว เพราะสิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อก็คือ ประกันชีวิตมันดีเหมือนกันทุกบริษัท อาจจะต่างกันนิดหน่อย แต่ที่ตัวแทนที่ดีต่างหากหล่ะ ที่จะทำให้ทุกคนตัดสินใจทำประกันชีวิต ทุกคนอยากได้รับความไว้วางใจในการดูแลผลประโยชน์ของตัวเองและคนที่รัก และผมก็เชื่อว่า ถ้าผมอยากได้อะไรจากใคร ผมต้องให้สิ่งนั้นกับคนอื่นก่อน 

ถึงตรงนี้ก็อย่างที่เคยได้เล่าไปก่อนหน้านี้ว่า ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอนาคต ผมจะได้มาบอกเล่าเรื่องราวของความสำเร็จอยู่รึเปล่า หรือมาบอกเล่าความล้มเหลว เพราะตอนนี้ลูกค้าก็ไม่มี ที่บ้านก็ไม่สนับสนุน เอาตรงๆคือยังมองเห็นก้าวแรกยังไม่เจอเลย แต่ถ้าผมได้โอกาสผมก็สัญญากับตัวเองว่า ผมจะทำมันให้ดีที่สุด และเป็นตัวแทนที่ดี เป็นผู้บริหารที่ดี 
.
.
.
.
.....ขอบคุณผู้ที่เข้ามาอ่านทุกคนครับ

ขอบคุณพี่จูน พี่ต้อง ที่เป็นพี่เลี้ยงที่มากกว่าพี่เลี้ยง ผู้ที่ไม่เคยถามเลยว่าคุยกับลูกค้าไปถึงไหนแล้ว แต่จะได้ยินคำว่า โอเคมั้ย ไหวรึเปล่า เหนื่อยมั้ย วันนี้เป็นยังไงบ้าง สู้ๆนะ ขอบคุณในความเชื่อใจที่มีให้กับผม ขอบคุณสำหรับโอกาสและความรู้ประสบการณ์คำปรึกษาในทุกๆเรื่องทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว ขอบคุณทุกๆอย่างที่มอบให้เสมอมา ขอบคุณที่ให้ผมโทรหาได้ทุกเวลาไม่ว่าดึกแค่ไหนก็ตาม ขอบคุณครับพี่ ขอบคุณครอบครัวAllianz พญามังกรทุกๆคน ที่ไม่ได้เป็นแค่ผู้ร่วมงาน แต่เป็นทั้งพี่และเพื่อน ขอบคุณจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่