Brightburn (David Yarovesky, 2019) คะแนน C (6/10)
"เด็กพลังอสูร" ตลอดระยะเวลา 90 นาที ในการนั่งชม Brightburn ก็ต้องยอมรับว่าหนังมีความน่าเบื่ออยู่พอสมควร และรำคาญกับพฤติกรรมต่าง ๆ ของตัวละครแวดล้อม พร้อมทั้งบทภาพยนตร์ที่เซ็ตให้ตัวละครกลายเป็นอสูรร้ายเข้าสู่ด้านมืด นอกจากนี้ หนังตัวอย่างยังเฉลยเหตุการณ์ในหลาย ๆ ฉากไว้แล้วเหมือนสปอยตัวเอง แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ต่อเนื่องที่รุนแรงและโหดดิบตามมา ความดาร์กของหนังและพล็อตเรื่องเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะไม่เชื่อมโยงไปถึงเรื่องราวของซุปเปอร์แมน เพราะเนื้อเรื่องและสาระของหนังช่วงเริ่มต้นมีกลิ่นอายความเป็นหนังซุปเปอร์แมน แต่พลิกมาเล่นกับด้านมืดภายในจิตใจของตัวละคร แน่นอนว่า หนังไม่ประนีประนอมคนดูและใช้ความดาร์กเข้าขั้นโรคจิตลงไปที่ตัวละครเด็กอายุ 12 ขวบ ที่พึ่งรับรู้ว่าตัวเองเป็นเด็กพิเศษมีพลังและสามารถทำอะไรได้บ้าง
สาระความน่าสนใจของหนังคือการตั้งคำถามให้เราคิดต่อการเป็น 'ฮีโร่' ในมุมที่โหดร้าย และใช้ความเป็นเด็กผสมทัศนคติแบบเด็กมาผนวกกับพลังพิเศษที่มากเกินตัว แง่มุมหนึ่ง ตัวเด็กเองก็ดูน่าสงสารในสภาพแวดล้อมที่อยู่และไม่ได้ถูกสอนหรือปลูกฝังไปในทางที่ดีที่ควรด้วยการปิดบังและความเห็นแก่ตัวของผู้ปกครอง ซึ่งนำพามาสู่ความโหดร้ายและอาจจะเป็นจุดจบของโลกได้เลย อีกสิ่งหนึ่งคือคำถามที่ว่า เมื่อเรามีพลังเยอะขนาดนี้ จะเป็นฮีโร่ไปเพื่ออะไร ทำไม่ไม่ใช้พลังพิเศษนั้นครองโลกหรือยึดโลกไปเลยล่ะ คำถามแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นอย่างจริง ๆ จัง ๆ ในหนังซุปเปอร์ฮีโร่ แต่ Brightburn เลือกหยิบประเด็นนี้มานำเสนอและถ่ายทอดความสัมพันธ์แบบใช้โครงสร้างสถาบันครอบครัว
อย่างไรก็ตาม ถึงตัวหนังจะมีประเด็นสาระที่น่าสนใจด้วยแนวทางที่ตัวเองเลือก แต่ความอ่อนของบทภาพยนตร์ทำให้หนังไปไม่ถึงข้อความที่ตัวเองอยากบอกมากนัก และหนังเองเลือกใช้แนวทางสยองขวัญจนแทบจะกลายเป็นหนังผีอยู่แล้ว ภาพรวมทั้งหมดของ Brightburn สำหรับเราจึงไม่ต่างอะไรกับการรับชมหนังสยองขวัญหรือหนังผีธรรมดาทั่ว ๆ ไป แน่นอนว่า หนังอาจจะถูกใจสำหรับบางคนที่ชอบสไตล์ของหนัง ท้ายสุด ถ้าจะรับชมกันอย่างเพลิน ๆ หนังก็ตอบโจทย์ความเขย่าขวัญได้พอสมควร แต่บทสรุปทั้งหมดของหนังก็เป็นเพียงความเลอะเทอะจนไม่เหลืออะไรที่ควรจดจำ...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/ 
Review: Brightburn (David Yarovesky, 2019) รีวิวโดย MDC
"เด็กพลังอสูร" ตลอดระยะเวลา 90 นาที ในการนั่งชม Brightburn ก็ต้องยอมรับว่าหนังมีความน่าเบื่ออยู่พอสมควร และรำคาญกับพฤติกรรมต่าง ๆ ของตัวละครแวดล้อม พร้อมทั้งบทภาพยนตร์ที่เซ็ตให้ตัวละครกลายเป็นอสูรร้ายเข้าสู่ด้านมืด นอกจากนี้ หนังตัวอย่างยังเฉลยเหตุการณ์ในหลาย ๆ ฉากไว้แล้วเหมือนสปอยตัวเอง แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ต่อเนื่องที่รุนแรงและโหดดิบตามมา ความดาร์กของหนังและพล็อตเรื่องเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะไม่เชื่อมโยงไปถึงเรื่องราวของซุปเปอร์แมน เพราะเนื้อเรื่องและสาระของหนังช่วงเริ่มต้นมีกลิ่นอายความเป็นหนังซุปเปอร์แมน แต่พลิกมาเล่นกับด้านมืดภายในจิตใจของตัวละคร แน่นอนว่า หนังไม่ประนีประนอมคนดูและใช้ความดาร์กเข้าขั้นโรคจิตลงไปที่ตัวละครเด็กอายุ 12 ขวบ ที่พึ่งรับรู้ว่าตัวเองเป็นเด็กพิเศษมีพลังและสามารถทำอะไรได้บ้าง
สาระความน่าสนใจของหนังคือการตั้งคำถามให้เราคิดต่อการเป็น 'ฮีโร่' ในมุมที่โหดร้าย และใช้ความเป็นเด็กผสมทัศนคติแบบเด็กมาผนวกกับพลังพิเศษที่มากเกินตัว แง่มุมหนึ่ง ตัวเด็กเองก็ดูน่าสงสารในสภาพแวดล้อมที่อยู่และไม่ได้ถูกสอนหรือปลูกฝังไปในทางที่ดีที่ควรด้วยการปิดบังและความเห็นแก่ตัวของผู้ปกครอง ซึ่งนำพามาสู่ความโหดร้ายและอาจจะเป็นจุดจบของโลกได้เลย อีกสิ่งหนึ่งคือคำถามที่ว่า เมื่อเรามีพลังเยอะขนาดนี้ จะเป็นฮีโร่ไปเพื่ออะไร ทำไม่ไม่ใช้พลังพิเศษนั้นครองโลกหรือยึดโลกไปเลยล่ะ คำถามแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นอย่างจริง ๆ จัง ๆ ในหนังซุปเปอร์ฮีโร่ แต่ Brightburn เลือกหยิบประเด็นนี้มานำเสนอและถ่ายทอดความสัมพันธ์แบบใช้โครงสร้างสถาบันครอบครัว
อย่างไรก็ตาม ถึงตัวหนังจะมีประเด็นสาระที่น่าสนใจด้วยแนวทางที่ตัวเองเลือก แต่ความอ่อนของบทภาพยนตร์ทำให้หนังไปไม่ถึงข้อความที่ตัวเองอยากบอกมากนัก และหนังเองเลือกใช้แนวทางสยองขวัญจนแทบจะกลายเป็นหนังผีอยู่แล้ว ภาพรวมทั้งหมดของ Brightburn สำหรับเราจึงไม่ต่างอะไรกับการรับชมหนังสยองขวัญหรือหนังผีธรรมดาทั่ว ๆ ไป แน่นอนว่า หนังอาจจะถูกใจสำหรับบางคนที่ชอบสไตล์ของหนัง ท้ายสุด ถ้าจะรับชมกันอย่างเพลิน ๆ หนังก็ตอบโจทย์ความเขย่าขวัญได้พอสมควร แต่บทสรุปทั้งหมดของหนังก็เป็นเพียงความเลอะเทอะจนไม่เหลืออะไรที่ควรจดจำ...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/