สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
เศรษฐกิจของอเมริกา EU อังกฤษไม่ค่อยดีเท่าไหร่ด้วยล่ะครับ อเมริกานี่ก็ติดพันสงครามเศรษฐกิจกับจีน EU เศรษฐกิจก็แผ่วไปเยอะค่าเงินลดลงมาหลายปีแล้ว อังกฤษเองพอ Brexit ค่าเงินก็ดิ่งเหว
แต่เอาจริงค่าเงินมันก็เปลี่ยนไปมาละนะครับ เมื่อ 40-50 ปีก่อนค่าเงินปอนด์อยู่ที่ 60 บาทต่อปอนด์ ต่อมาก็ลดเหลือ 40 บาทต่อปอนด์ จากนั้นวิกฤติต้มยำกุ้งเงินบาทก็อ่อนลงกลับเป็น 60 บาทต่อปอนด์อีก แล้วมาปัจจุบันอังกฤษทรุดลงเงินปอนด์ก็มา 40 บาทอีกแล้ว
ค่าเงินบาทแข็งมันมีหลายสาเหตุ ทั้งการที่ไทยได้ดุลการค้ามาก ได้ดุลบัญชีเดินสะพัดมหาศาล มีเงินสำรองระหว่างประเทศเยอะ ยังการท่องเที่ยวที่บูมทำให้ความต้องการเงินบาทสูงอีก แถมปัจจุบันเงินสกุลบาทยังติดอันดับ 1 ใน 10 สกุลเงินที่ใช้ชำระหนี้และค่าบริการของโลกด้วย
ถามว่าค่าเงินบาทแข็งรึอ่อนจะดีกว่า เรื่องแบบนี้มันไม่มีคำตอบตายตัวครับเพราะค่าเงินแข็งก็มีประโยชน์อย่างหนึ่ง ค่าเงินอ่อนก็มีประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง ไม่ว่าค่าเงินจะอ่อนรึจะแข็งก็มีผู้ได้ผลประโยชน์และผู้เสียผลประโยชน์ มีทั้งคนที่ชื่นชมและที่พร้อมจะด่ากันทั้งนั้น ที่เราควรทำก็คือคุมให้มันอยู่นิ่งๆไม่แกว่งไปมาจนสร้างความเสียหายขาดความเชื่อถือ เอาแค่ให้มันขยับไปมาตามสภาพเศรษฐกิจที่ควรจะเป็นก็พอ
แต่เอาจริงค่าเงินมันก็เปลี่ยนไปมาละนะครับ เมื่อ 40-50 ปีก่อนค่าเงินปอนด์อยู่ที่ 60 บาทต่อปอนด์ ต่อมาก็ลดเหลือ 40 บาทต่อปอนด์ จากนั้นวิกฤติต้มยำกุ้งเงินบาทก็อ่อนลงกลับเป็น 60 บาทต่อปอนด์อีก แล้วมาปัจจุบันอังกฤษทรุดลงเงินปอนด์ก็มา 40 บาทอีกแล้ว
ค่าเงินบาทแข็งมันมีหลายสาเหตุ ทั้งการที่ไทยได้ดุลการค้ามาก ได้ดุลบัญชีเดินสะพัดมหาศาล มีเงินสำรองระหว่างประเทศเยอะ ยังการท่องเที่ยวที่บูมทำให้ความต้องการเงินบาทสูงอีก แถมปัจจุบันเงินสกุลบาทยังติดอันดับ 1 ใน 10 สกุลเงินที่ใช้ชำระหนี้และค่าบริการของโลกด้วย
ถามว่าค่าเงินบาทแข็งรึอ่อนจะดีกว่า เรื่องแบบนี้มันไม่มีคำตอบตายตัวครับเพราะค่าเงินแข็งก็มีประโยชน์อย่างหนึ่ง ค่าเงินอ่อนก็มีประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง ไม่ว่าค่าเงินจะอ่อนรึจะแข็งก็มีผู้ได้ผลประโยชน์และผู้เสียผลประโยชน์ มีทั้งคนที่ชื่นชมและที่พร้อมจะด่ากันทั้งนั้น ที่เราควรทำก็คือคุมให้มันอยู่นิ่งๆไม่แกว่งไปมาจนสร้างความเสียหายขาดความเชื่อถือ เอาแค่ให้มันขยับไปมาตามสภาพเศรษฐกิจที่ควรจะเป็นก็พอ
ความคิดเห็นที่ 22
น่าจะเป็นคนจนส่วนใหญ่แย่ลง หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น แต่ก็ยังอยู่ได้ เพราะค่ากาซหุงต้มไม่เพิ่ม ค่าน้ำมันเติม จยย ไม่เพิ่ม ค่าอาหารถุง ก็อยู่ตัว วินก็มีรายได้ระดับดีที่เสื้อวินราคาพุ่งเป็นแสน (คือถ้าวิ่งวินไม่ได้เงินเลี้ยงชีพ เป็นไปไม่ได้ที่เสื้อจะราคาพุ่งเอาพุ่งเอา)
ที่เงินตราไหลเข้าประเทศมาก ส่งออกมากกว่านำเข้า คนมาเที่ยวมาก ก็ชดเชยได้ พวกที่อยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็อยู่ได้ พวกทำส่งออกเช่นทุเรียนที่ปีนี้เป็นอันดับ 1 ของโลก มูลค่าเพิ่ม 40% จากปีที่แล้ว ชาวสวนก็รวยไป ซึ่งมีรายได้ ก็มีการจับจ่าย ดูจากรถปิกอัพก็ยังขายไม่ตก จยย ก็ยังขายไม่ตก
เศรษฐกิจคนส่วนใหญ่ดีหรือไม่ดี ดูเห็นง่ายๆ คือยอดขายปิกอัพกับ จยย ครับ เพราะเป็นฐานหากินของรากหญ้าค้าขาย ระดับ SME ก็แยะ และเป็นพาหนะหลักสำหรับรากหญ้าเดินทางไปส่งลูกหลานไป รร ไปทำงาน เป็นต้น
ถ้าเทียบระดับโลกแล้ว เศรษฐกิจไทยดีครับ ถ้าไม่ดี เงินไม่มีทางแข็งเอา แข็งเอา ไม่เชื่อก็ลองกลับไปดูเมื่อ 22 ปีก่อนต้มยำกุ้งสิครับ เงินไทยอ่อนปวกเปียก คนฆ่าตัวตาย เศรษฐีเปิดท้ายขายของ นี่สิ ไม่มีใช้จ่ายจริง จนจริง ไม่มีงานจริง บัณฑิตย์จบใหม่ร้องโอ้กระดับเกียรตินิยมมหาวิทยาลัยรัฐใน กทม ยังมีข่าวหางานไม่ได้
เมื่อเทียบกับปัจจุบัน ต่างกันระดับฟ้ากับเหว
ที่เงินตราไหลเข้าประเทศมาก ส่งออกมากกว่านำเข้า คนมาเที่ยวมาก ก็ชดเชยได้ พวกที่อยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็อยู่ได้ พวกทำส่งออกเช่นทุเรียนที่ปีนี้เป็นอันดับ 1 ของโลก มูลค่าเพิ่ม 40% จากปีที่แล้ว ชาวสวนก็รวยไป ซึ่งมีรายได้ ก็มีการจับจ่าย ดูจากรถปิกอัพก็ยังขายไม่ตก จยย ก็ยังขายไม่ตก
เศรษฐกิจคนส่วนใหญ่ดีหรือไม่ดี ดูเห็นง่ายๆ คือยอดขายปิกอัพกับ จยย ครับ เพราะเป็นฐานหากินของรากหญ้าค้าขาย ระดับ SME ก็แยะ และเป็นพาหนะหลักสำหรับรากหญ้าเดินทางไปส่งลูกหลานไป รร ไปทำงาน เป็นต้น
ถ้าเทียบระดับโลกแล้ว เศรษฐกิจไทยดีครับ ถ้าไม่ดี เงินไม่มีทางแข็งเอา แข็งเอา ไม่เชื่อก็ลองกลับไปดูเมื่อ 22 ปีก่อนต้มยำกุ้งสิครับ เงินไทยอ่อนปวกเปียก คนฆ่าตัวตาย เศรษฐีเปิดท้ายขายของ นี่สิ ไม่มีใช้จ่ายจริง จนจริง ไม่มีงานจริง บัณฑิตย์จบใหม่ร้องโอ้กระดับเกียรตินิยมมหาวิทยาลัยรัฐใน กทม ยังมีข่าวหางานไม่ได้
เมื่อเทียบกับปัจจุบัน ต่างกันระดับฟ้ากับเหว
ความคิดเห็นที่ 46
ก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง ค่าเงินบาทใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ที่ 25 บาท/USD พอหลังเกิดวิกฤติขึ้น ค่าเงินบาทร่วงลงไปที่ 50-60 บาท/USD แต่ด้วยอานิสงค์จากการลงทุนของบริษัทข้ามชาติอย่างญี่ปุ่นที่ย้ายฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและรถยนต์มาที่เมืองไทยก่อนหน้านั้น ประกอบกับแหล่งท่องเที่ยวของไทย วิกฤติที่เกิดขึ้นตอนนั้นกลับกลายเป็นโอกาสอย่างมหาศาลของภาคการส่งออกและท่องเที่ยว
รัฐบาลหลายๆชุดที่ผ่านมาก็ได้ใช้โอกาสนี้สนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้มีเงินทุนไหลเข้าประเทศมาเพื่อสร้างฐานการผลิตสำหรับส่งออก จนปัจจุบัน GDP ประเทศไทยอยู่ในภาคการท่องเที่ยวและส่งออกมากถึง 70% ส่วนอีก 30% ได้แก่การบริโภคภายในประเทศ การลงทุนภาครัฐ และการลงทุนในตลาดทุนนั้นเติบโตน้อยเมื่อเทียบกับการท่องเที่ยวและส่งออก
ผลที่เกิดขึ้นคือความไม่สมดุลย์ของเครื่องยนต์ทั้ง 4 ตัวที่คอยผลักดันเศรษฐกิจ ถึงจุดนี้อยากให้เข้าใจว่าความไม่สมดุลย์นี้มีมานับตั้งแต่เกิดต้มยำกุ้ง เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างไม่ง่าย
ในยุคนี้ เราไม่สามารถพึ่งพาการส่งออกเพียงอย่างเดียวได้ แม้ตอนนี้ค่าเงินบาทจะแข็งเพราะเศรษฐกิจเราดีเมื่อเทียบกับหลายๆชาติ แต่หากปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไป ภาคการส่งออกและท่องเที่ยวจะอยู่ไม่ได้ และจะเริ่มถดถอยในไม่ช้า
ทางออกที่ควรทำที่สุดคือสร้างสมดุลย์ของเครื่องยนต์ทั้ง 4 ตัว แทนที่จะมุ่งไปสนับสนุนแต่การท่องเที่ยวและส่งออกเหมือนอดีต กรณีนี้อาจต้องปล่อยให้ภาคการท่องเที่ยวและส่งออกที่ล้นอยู่หายไปบ้างก็ต้องยอม
การเร่งการเติบโตของภาคการบริโภคภายในประเทศ ต้องทำให้การหมุนของเงินเพิ่มจำนวนรอบ(Multiplier)มากขึ้นกว่านี้(เงินหมุนแบบโฆษณาเงินหมุนไปของ ธ.กรุงไทยเมื่อก่อนนั่นแหละครับ) ซึ่งตอนนี้กลไกการหมุนของเงินในประเทศเรามันพิกลพิการ จำนวนรอบการหมุนมันน้อยกว่าที่ควรจะเป็นเยอะ ทั้งๆที่ในเวลาแบบนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมกับการเร่งภาคการบริโภคภายในประเทศ ปัญหานี้เราต้องช่วยกันหาทางแก้ไข รัฐฝ่ายเดียวทำได้ยากครับ
ส่วนค่าเงินที่สมดุลย์ให้เถียงกันมันไม่จบหรอกครับ ฝ่ายส่งออกก็อยากให้ลงไปนู่น 40-50 บาท/USD ขณะที่ฝ่ายนำเข้าปัจจัยการผลิตหรือกู้เงินนอกก็อยากให้ไปนู่น 20 บาท/USD ได้ยิ่งดี แต่ถ้าเราบาลานซ์เครื่องยนต์ GDP ทั้ง 4 ตัวได้ ค่าเงินเท่าไหร่ก็อยู่สบายทุกฝ่าย เพราะมันจะมีจุดที่เหมาะสมของมันเอง
รัฐบาลหลายๆชุดที่ผ่านมาก็ได้ใช้โอกาสนี้สนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้มีเงินทุนไหลเข้าประเทศมาเพื่อสร้างฐานการผลิตสำหรับส่งออก จนปัจจุบัน GDP ประเทศไทยอยู่ในภาคการท่องเที่ยวและส่งออกมากถึง 70% ส่วนอีก 30% ได้แก่การบริโภคภายในประเทศ การลงทุนภาครัฐ และการลงทุนในตลาดทุนนั้นเติบโตน้อยเมื่อเทียบกับการท่องเที่ยวและส่งออก
ผลที่เกิดขึ้นคือความไม่สมดุลย์ของเครื่องยนต์ทั้ง 4 ตัวที่คอยผลักดันเศรษฐกิจ ถึงจุดนี้อยากให้เข้าใจว่าความไม่สมดุลย์นี้มีมานับตั้งแต่เกิดต้มยำกุ้ง เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างไม่ง่าย
ในยุคนี้ เราไม่สามารถพึ่งพาการส่งออกเพียงอย่างเดียวได้ แม้ตอนนี้ค่าเงินบาทจะแข็งเพราะเศรษฐกิจเราดีเมื่อเทียบกับหลายๆชาติ แต่หากปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไป ภาคการส่งออกและท่องเที่ยวจะอยู่ไม่ได้ และจะเริ่มถดถอยในไม่ช้า
ทางออกที่ควรทำที่สุดคือสร้างสมดุลย์ของเครื่องยนต์ทั้ง 4 ตัว แทนที่จะมุ่งไปสนับสนุนแต่การท่องเที่ยวและส่งออกเหมือนอดีต กรณีนี้อาจต้องปล่อยให้ภาคการท่องเที่ยวและส่งออกที่ล้นอยู่หายไปบ้างก็ต้องยอม
การเร่งการเติบโตของภาคการบริโภคภายในประเทศ ต้องทำให้การหมุนของเงินเพิ่มจำนวนรอบ(Multiplier)มากขึ้นกว่านี้(เงินหมุนแบบโฆษณาเงินหมุนไปของ ธ.กรุงไทยเมื่อก่อนนั่นแหละครับ) ซึ่งตอนนี้กลไกการหมุนของเงินในประเทศเรามันพิกลพิการ จำนวนรอบการหมุนมันน้อยกว่าที่ควรจะเป็นเยอะ ทั้งๆที่ในเวลาแบบนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมกับการเร่งภาคการบริโภคภายในประเทศ ปัญหานี้เราต้องช่วยกันหาทางแก้ไข รัฐฝ่ายเดียวทำได้ยากครับ
ส่วนค่าเงินที่สมดุลย์ให้เถียงกันมันไม่จบหรอกครับ ฝ่ายส่งออกก็อยากให้ลงไปนู่น 40-50 บาท/USD ขณะที่ฝ่ายนำเข้าปัจจัยการผลิตหรือกู้เงินนอกก็อยากให้ไปนู่น 20 บาท/USD ได้ยิ่งดี แต่ถ้าเราบาลานซ์เครื่องยนต์ GDP ทั้ง 4 ตัวได้ ค่าเงินเท่าไหร่ก็อยู่สบายทุกฝ่าย เพราะมันจะมีจุดที่เหมาะสมของมันเอง
ความคิดเห็นที่ 38
แต่จริงๆ รายรับโดยรวมในทุกๆด้านของประเทศลดลง...
ไม่ทราบเศรษฐศาสตร์สำนักไหนที่กล่าวว่า รายรับโดยรวมประเทศลดลงแล้วค่าเงินสูงขึ้น? รายรับโดยรวมประเทศไทยลดลด หมายถึง GDP ไทยลดลงใช่ไหม? คุณเอาตัวเลขมาจากไหน?
ถ้าดูข้อเท็จจริง ตอนนี้เศรษฐกิจสหรัฐดี เงินดอลแข็ง ตอนเยอรมันยังไม่ร่วมยูโร ค่าเงินมาร์กแข็งตลอดเพราะรายรับของประเทศโตเอาโตเอา ไม่ใช่ลดลง
ดูประเทศที่รายรับลดลงจริงๆ เช่น เวนู อาเจนตินา ซิมแบบวี สิครับ ค่าเงินอ่อนปวกเปียก ระดับถึงล้านเปอร์เซ็นต์ต่อปียังเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อ 10 ปีก่อน สินค้าการเกษตร (commodities) ทั่วโลกดี อาเจนตินาเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลก ค่าเงินเขาแข็ง เงินเฟ้อมีไม่ถึง 10% แต่ในรอบ 4-5 ปีจนถึงปัจจุบัน สินค้าเกษตรโลกทะยอยลดต่ำลง รายได้ประเทศอาเจนตินาก็เริ่มถดถอย เงินเฟ้อเริ่มสูงขึ้น ค่าเงินในประเทศอ่อนตัวลงอย่างหนัก จนปีนี้ต้องเข้าโครงการ IMF อีก ค่าเงินอ่อนอย่างหนัก จนแบ็งชาติ ต้องให้ดอกเบี้ย 40-50% เพื่อสะกัดเงินไหลออกนอกประเทศ
สรุป อย่าเอาความรู้สึก มาปั่นผู้อ่านให้เข้าใจผิด รายได้ประเทศลดลง ไม่มีทางทำให้ค่าเงินในประเทศแข็งขึ้นครับ ไทยไม่ได้แปลกประหลาดเหมือนประเทศอื่นๆ รายได้ไทยดีขึ้น เงินตราต่างประเทศสะสมสูงมากเป็นประวัติการ ทำให้ค่าเงินบาทสูงขึ้น ตามกลไกตามตลาด
สรุป ไม่มีประเทศไหนในโลกที่รายได้ประเทศโดยรวมทุกด้านลดลง แล้วค่าเงินของประเทศนั้นจะสูงขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
เข้าใจผิด เข้าใจใหม่ได้ เราถกเรื่องเศรษฐกิจ/วิชาการ ไม่ใช่เรื่องความรู้สึก/การเมือง
ไม่ทราบเศรษฐศาสตร์สำนักไหนที่กล่าวว่า รายรับโดยรวมประเทศลดลงแล้วค่าเงินสูงขึ้น? รายรับโดยรวมประเทศไทยลดลด หมายถึง GDP ไทยลดลงใช่ไหม? คุณเอาตัวเลขมาจากไหน?
ถ้าดูข้อเท็จจริง ตอนนี้เศรษฐกิจสหรัฐดี เงินดอลแข็ง ตอนเยอรมันยังไม่ร่วมยูโร ค่าเงินมาร์กแข็งตลอดเพราะรายรับของประเทศโตเอาโตเอา ไม่ใช่ลดลง
ดูประเทศที่รายรับลดลงจริงๆ เช่น เวนู อาเจนตินา ซิมแบบวี สิครับ ค่าเงินอ่อนปวกเปียก ระดับถึงล้านเปอร์เซ็นต์ต่อปียังเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อ 10 ปีก่อน สินค้าการเกษตร (commodities) ทั่วโลกดี อาเจนตินาเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลก ค่าเงินเขาแข็ง เงินเฟ้อมีไม่ถึง 10% แต่ในรอบ 4-5 ปีจนถึงปัจจุบัน สินค้าเกษตรโลกทะยอยลดต่ำลง รายได้ประเทศอาเจนตินาก็เริ่มถดถอย เงินเฟ้อเริ่มสูงขึ้น ค่าเงินในประเทศอ่อนตัวลงอย่างหนัก จนปีนี้ต้องเข้าโครงการ IMF อีก ค่าเงินอ่อนอย่างหนัก จนแบ็งชาติ ต้องให้ดอกเบี้ย 40-50% เพื่อสะกัดเงินไหลออกนอกประเทศ
สรุป อย่าเอาความรู้สึก มาปั่นผู้อ่านให้เข้าใจผิด รายได้ประเทศลดลง ไม่มีทางทำให้ค่าเงินในประเทศแข็งขึ้นครับ ไทยไม่ได้แปลกประหลาดเหมือนประเทศอื่นๆ รายได้ไทยดีขึ้น เงินตราต่างประเทศสะสมสูงมากเป็นประวัติการ ทำให้ค่าเงินบาทสูงขึ้น ตามกลไกตามตลาด
สรุป ไม่มีประเทศไหนในโลกที่รายได้ประเทศโดยรวมทุกด้านลดลง แล้วค่าเงินของประเทศนั้นจะสูงขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
เข้าใจผิด เข้าใจใหม่ได้ เราถกเรื่องเศรษฐกิจ/วิชาการ ไม่ใช่เรื่องความรู้สึก/การเมือง
แสดงความคิดเห็น
มันเกิดอะไรขึ้นคะทำไมค่าเงินยูโร ดอลล่า ปอน จึงร่วงลงต่ำมากๆ