ทำไมนิติศาสตร์ ถึงไม่สนใจการบังคับโทษ

ทำไมนิติศาสตร์ ถึงไม่ให้ความสำคัญกับชั้นบังคับโทษ ทั้งๆ ที่เป็นส่วนหนึ่ง และเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการยุติธรรม

หากลองถามนิสิต นักศึกษา นิติศาสตร์ 100 คน ว่ารู้จัก ตำรวจ อัยการ ผู้พิพากษา ทนายความ ไหม เชื่อว่าทั้ง 100 คน น่าจะรู้จัก

แต่ถ้าถามว่า รู้จักนักทัณฑวิทยา พนักงานคุมประพฤติ มีสักกี่คนที่รู้จัก

และสาเหตุที่เด็กไม่รู้จัก ก็เพราะมหาวิทยาลัยไม่เคยสอน ไม่เคยบอก ไม่เคยและไม่คิดจะบรรจุ กระบวนการบังคับโทษ เป็นวิชาบังคับ ให้นิสิต นักศึกษา ได้เรียน

นักเรียนกฎหมาย เรียนแต่ตำรวจสอบสวน อัยการส่งฟ้อง ศาลพิพากษา เรียนละเอียดลึกซึ้งตั้งแต่ตัวบท กฎหมาย จนถึงไปดูงานสถานที่จริง แต่ ... กระบวนการหลังจากศาลพิพากษาแล้ว จำเลย หรือ นักโทษ เป็นยังไง ไปอยู่ไหน ผ่านกระบวนการอะไร ไม่เคยมีใครสน

จึงย้อนกลับไปที่คำถามว่า คิดว่า ทำไม หลักสูตรนิติศาสตร์บัณฑิต หรือรัฐบาล จึงไม่ให้ความสำคัญกับขั้นบังคับโทษ



**เพิ่มเติม : เห็นสมาชิกหลายท่านเห็นว่า ราชทัณฑ์ และคุมประพฤติ เป็นคนละเรื่องกับกระบวนการยุติธรรมทางอาญา
ขออนุญาติแย้ง
โดยขอยกข้อความบางช่วงของ ดร. สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ คณะผู้วิจัยของ TDRI
“ระบบยุติธรรมทางอาญาของไทยเป็นระบบราชการที่มีขนาดใหญ่และใช้ทรัพยากรมาก โดยเมื่อวัดจากงบประมาณรายจ่ายของภาครัฐ ระบบดังกล่าว (ตำรวจ อัยการ ศาล และราชทัณฑ์)”

หรือของ อ. คณิต. ณ นคร
“การดําเนินกระบวนการยุติธรรมในปัจจุบันนั้น จะเริ่มต้นตั้งแต่องค์กรตํารวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ อัยการศาล คุมประพฤติ และราชทัณฑ์ ภาระหน้าที่ของแต่ละองค์กรเป็นส่วนหนึ่งของ "กระบวนการยุติธรรม" ที่ต่างก็มี เป้าหมายร่วมกัน คือ การตรวจสอบและค้นหาผู้กระทําความผิดมาลงโทษ เพื่อให้บรรลุถึง วัตถุประสงค์ของการลงโทษ” เป็นต้น

ซึ่งบทความ รายงานวิจัย ทุกฉบับ ก็เห็นไปในแนวทางเดียวกัน ว่า กระบวนการยุติธรรม ไม่ได้มีแค่ ตำรวจ อัยการ ศาล (ไม่ได้จบแค่ที่ศาล) แต่มีราชทัณฑ์ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการดังกล่าวด้วย ฉะนั้น หากจะบอกว่า ราชทัณฑ์ คุมประพฤติ (กระบวนการยุติธรรมทางเลือก) เป็นคนละเรื่องกับกระบวนการยุติธรรม เห็นว่าไม่น่าจะถูกต้อง

ส่วนความเห็นเรื่องอื่นๆ นั้น ขออนุญาตเห็นว่าเป็นความเห็นส่วนตัว เป็นความเห็นทางวิชาการ ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่