เป็นครั้งแรกสำหรับการโพสต์ถามเกี่ยวกับรถยนต์ค่ะ
ดิฉันซื้อรถ Nissan Altima 2010 มาจากอู่ใกล้บ้าน แถบซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อเดือน มิ.ย. ปี 2018
สภาพรถดีและวิ่งไปเพียง 78,000 ไมล์ รถคันนี้ซื้อมาในราคา $5,500
หลังซื้อรถไปเพียง 1 อาทิตย์ รถมีอาการเหยียบคันเร่งแล้วไม่วิ่ง จึงเอารถกลับไปให้อู่ดู เจ้าของอู่ที่ขายให้ทดลองขับ โดยมีดิฉันนั่งไปด้วย รถก็วิ่งปกติดี ไม่ผิดปกติ จึงไม่ติดใจอะไร
ดิฉันใช้งานรถคันนี้น้อยมาก ขับแค่จากบ้านไปจ่ายตลาดใกล้บ้าน หรือขับไปทำงาน ไปเรียน หนึ่งปีที่ผ่านมา ขับไปเพียง 2,000 ไมล์
ปัญหามาเกิดตอนที่ วันหยุดยาว ขับรถคันนี้ไปเที่ยวไร่องุ่นเพียงลำพัง ขับขึ้นเนินเขา ลงเขา ไม่ชันมาก เป็นการขับไกลๆ เป็นครั้งแรก ระหว่างทางขับกลับบ้าน รถมีอาการเหยียบคันเร่งแล้วไม่วิ่ง ต้องเหยียบคันเร่งลึกมาก รถถึงวิ่งไปข้างหน้า และมีเสียงดังจากห้องเครื่อง วื้ดด วื้ดดดด
เลยตัดสินใจ โทรนัดอู่ใหม่ (เพราะย้ายเมือง อู่เก่าที่ขายรถให้อยู่ไกลมาก) เพื่อเอารถเข้าเช็ค พบว่ามีปัญหา Transmission หากจะเปลี่ยน ค่าอะไหล่และค่าแรงช่างอยู่ที่ $3,500 (ประมาณ 108,500 บาท) ช่างจึงแนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ดูก่อน หลังเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ รถก็ยังขับได้ปกติ ช่างเลยแนะนำสามแบบ
1. ขายให้อู่ในราคาขาดทุนยับเยิน (ประมาณ $1,500)
2. เปลี่ยน Transmission ลงทุนเพิ่มอีก $3,500
3. เสี่ยงใช้งานต่อไป รถอาจใช้ได้อีกเป็นปี หรือหลายปี
คำถามคือ ดิฉันควรใช้รถคันนี้ต่อไป โดยเน้นขับระยะใกล้ๆ เช่น ขับไปทำงาน ขับไปเรียน ขับไปตลาด โดยหากต้องไปไหนไกลๆ ก็ใช้บริการรถไฟฟ้า รถบัส รถไฟ รถสาธารณะต่างๆ แทน พอจะได้ไหมคะ หรือจริงๆ แล้ว เมื่อรถเริ่มแสดงอาการปัญหา Transmission ไม่ควรเสี่ยงใช้งานต่อ เพราะต่อให้รถขับเหมือนปกติ แต่ก็เสี่ยงที่อาจตายกลางทางได้เหมือนกัน เพื่อนเล่าว่ารถลูกชายเพื่อนมีปัญหา Transmission แล้วไม่เปลี่ยน ขับไปเรื่อยๆ จู่ๆ รถดับกลางทางควันคลุ้งเต็มห้องเครื่อง T_____T
พยายามหาข้อมูลมากมายใน Google แต่ก็ไม่พบคำตอบที่แน่ชัด นึกถึงห้องรัชดาเลยเข้ามาขอคำแนะนำดูค่ะ
ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ห้องรถยนต์ ที่เข้ามาอ่านและให้คำแนะนำทุกท่านค่ะ
ขอคำแนะนำเรื่องปัญหา CVT ของ Nissan Altima 2010 จะไปต่อ หรือพอแค่นี้ ^_^
ดิฉันซื้อรถ Nissan Altima 2010 มาจากอู่ใกล้บ้าน แถบซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อเดือน มิ.ย. ปี 2018
สภาพรถดีและวิ่งไปเพียง 78,000 ไมล์ รถคันนี้ซื้อมาในราคา $5,500
หลังซื้อรถไปเพียง 1 อาทิตย์ รถมีอาการเหยียบคันเร่งแล้วไม่วิ่ง จึงเอารถกลับไปให้อู่ดู เจ้าของอู่ที่ขายให้ทดลองขับ โดยมีดิฉันนั่งไปด้วย รถก็วิ่งปกติดี ไม่ผิดปกติ จึงไม่ติดใจอะไร
ดิฉันใช้งานรถคันนี้น้อยมาก ขับแค่จากบ้านไปจ่ายตลาดใกล้บ้าน หรือขับไปทำงาน ไปเรียน หนึ่งปีที่ผ่านมา ขับไปเพียง 2,000 ไมล์
ปัญหามาเกิดตอนที่ วันหยุดยาว ขับรถคันนี้ไปเที่ยวไร่องุ่นเพียงลำพัง ขับขึ้นเนินเขา ลงเขา ไม่ชันมาก เป็นการขับไกลๆ เป็นครั้งแรก ระหว่างทางขับกลับบ้าน รถมีอาการเหยียบคันเร่งแล้วไม่วิ่ง ต้องเหยียบคันเร่งลึกมาก รถถึงวิ่งไปข้างหน้า และมีเสียงดังจากห้องเครื่อง วื้ดด วื้ดดดด
เลยตัดสินใจ โทรนัดอู่ใหม่ (เพราะย้ายเมือง อู่เก่าที่ขายรถให้อยู่ไกลมาก) เพื่อเอารถเข้าเช็ค พบว่ามีปัญหา Transmission หากจะเปลี่ยน ค่าอะไหล่และค่าแรงช่างอยู่ที่ $3,500 (ประมาณ 108,500 บาท) ช่างจึงแนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ดูก่อน หลังเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ รถก็ยังขับได้ปกติ ช่างเลยแนะนำสามแบบ
1. ขายให้อู่ในราคาขาดทุนยับเยิน (ประมาณ $1,500)
2. เปลี่ยน Transmission ลงทุนเพิ่มอีก $3,500
3. เสี่ยงใช้งานต่อไป รถอาจใช้ได้อีกเป็นปี หรือหลายปี
คำถามคือ ดิฉันควรใช้รถคันนี้ต่อไป โดยเน้นขับระยะใกล้ๆ เช่น ขับไปทำงาน ขับไปเรียน ขับไปตลาด โดยหากต้องไปไหนไกลๆ ก็ใช้บริการรถไฟฟ้า รถบัส รถไฟ รถสาธารณะต่างๆ แทน พอจะได้ไหมคะ หรือจริงๆ แล้ว เมื่อรถเริ่มแสดงอาการปัญหา Transmission ไม่ควรเสี่ยงใช้งานต่อ เพราะต่อให้รถขับเหมือนปกติ แต่ก็เสี่ยงที่อาจตายกลางทางได้เหมือนกัน เพื่อนเล่าว่ารถลูกชายเพื่อนมีปัญหา Transmission แล้วไม่เปลี่ยน ขับไปเรื่อยๆ จู่ๆ รถดับกลางทางควันคลุ้งเต็มห้องเครื่อง T_____T
พยายามหาข้อมูลมากมายใน Google แต่ก็ไม่พบคำตอบที่แน่ชัด นึกถึงห้องรัชดาเลยเข้ามาขอคำแนะนำดูค่ะ
ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ห้องรถยนต์ ที่เข้ามาอ่านและให้คำแนะนำทุกท่านค่ะ