“ผมเกลียดบริการที่ได้รับจาก hotline ของ HP”
เรื่องมันเริ่มจากคอมของผม เจ้า PC ที่หมดประกันแล้ว HP Pavilion 23 มันเปิดเครื่องเองเมื่อเสียบปลั๊กโดยไม่ต้องกดปุ่ม power เลย พอจอติดก็โชว์รายละเอียดเครื่องหรา Processor Type, Processor Speed, L1/L2/L3 Cache Size… ปิดท้ายด้วย Time & Date Not Set และให้กด F1 เพื่อ Boot เห็นแบบนี้ผมมีในใจแล้วว่าเป็นปัญหาอะไร (เชื่อว่าหลายคนรู้แล้วเช่นกัน อ่านไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวรู้ครับ) แต่มันติดขัดอย่างเดียวคือผมไม่เคยเปิดฝาครอบเครื่องเองมาก่อน จำได้ว่าเคยมีปัญหานี้แล้วเรียกช่าง on-site service ของ HP ตอนที่อยู่ในประกัน ช่างก็มาแก้ไขให้ด้วยดี คิดแล้วก็โทร. Hotline 02-787-3344 ซึ่งให้บริการแค่วันทำการ จันทร์ถึงศุกร์เท่านั้น เผอิญคอมมีปัญหาสัปดาห์ที่แล้ววันศุกร์ห้าโมงเย็น เลยต้องโทร. เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ก็แจ้งปัญหาและแจ้งว่าเครื่องเคยเป็นแบบนี้ตอนอยู่ในประกัน แจ้งแล้วรอ 1 วัน ช่วงเย็นวันอังคารพอทางนั้นโทร. กลับมาบอกราคาประเมินเท่านั้นหละ ผมปรี๊ดเลย
ทางนั้นคาดว่า Mainboard เสีย ต้องเปลี่ยนใหม่ ค่าอะไหล่ 8,580 บาท ค่าบริการ on-site กับค่าช่างผมจำไม่ได้ว่าอันไหนเป็นอันไหน (คือโกรธอยู่) ก็มี 1,819 บาท กับ 1,070 บาท สรุปรวมเป็นตัวเลขกลม ๆ ก็ 11,000 บาท
“ไอ้บ้า !” ผมคิดในใจ ตอนนั้นอดกลั้นไว้แล้วปฏิเสธไม่เปิดงาน วางสายเสร็จคิดเลยว่าวันพระไม่ได้มีหนเดียว กว่าจะถึงก็นู่นวันศุกร์ อย่ารอเลย หาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเองแล้วตั้งกระทู้ในพันทิปดีกว่า
ย้อนกลับมาที่ปัญหาคอม ผมเชื่อหมดใจว่าแบตเตอรี่ไบออสหมด ทีนี่ครั้งก่อนตอนที่ช่างมาเปลี่ยนแบตให้มันก็นานมาแล้ว ชักไม่แน่ใจว่าจะทำเองหรือยกไปหาช่างคอมทั่วไปดี คิดไปคิดมาลองค้นเว็บ HP ที่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ ค้นลึก ๆ เจอ pdf เล่มนี้ และมันมีเนื้อหาหัวข้อที่ผมอยากรู้ด้วย !
คือการสนับสนุนของเขาไม่เลวเลย เรียกได้ว่าระดับสากล แต่คู่มือนี้ขาดอย่างเดียวคือถ่านเม็ดกระดุมที่ว่าเนี่ยมันขนาดไหนเบอร์อะไร สุดท้ายผมเสี่ยงดวง ไปร้านคอมถามว่าถ่านไบออสเบอร์อะไรดี ช่างคอมเลือก CR2032 ราคา 50 บาทให้ บอกว่าส่วนใหญ่เบอร์นี้ แล้ววันนี้เมื่อเย็นนี้แหละเพิ่งเปลี่ยนถ่านเสร็จหมาด ๆ ทดสอบดูแล้วคอมก็กลับมาเป็นปกติ ไม่ดื้อไม่ซน ไม่งงเวลา
***
เป็นไงครับ ระหว่าง 50 บาทไม่มีบวกเพิ่ม กับการเสนอราคา 11,000 บาท แถมไม่ชัวร์ด้วยว่าเปลี่ยน Mainboard แล้วปัญหาจบ ทุกอย่างจะดีดังเดิม ไม่มีปัญหาใหม่มาเพิ่ม สำหรับผมเรื่องนี้มีบทเรียน 3 อย่าง
อย่างแรกในมุมผู้ใช้คอม คือเราควรมีความรู้หรือหาความรู้เบื้องต้นก่อนเมื่อคอมเสียหรือผิดปกติ คือหาจากแหล่งทั่วไปอย่างอากู๋ Google ก็ได้ และตามเว็บไซต์ของคอมยี่ห้อที่ใช้อยู่ก็ยิ่งดี เพราะบางทีการแก้ปัญหามันไม่ได้ยากเย็นเข็นครกขึ้นเขาอะไรเบอร์นั้น
อย่างที่สอง ทัศนะคติของผมต่อ HP นั้นเสียไปแล้วโดยสิ้นเชิง สงสัยเขามองว่าหมดประกันแล้ว เครื่องตกรุ่นแล้วช่างแม่มัน อยากซ่อมกับศูนย์ต้องเงินหนา คือถ้าผมเป็นคนประเภทที่ปักใจเชื่อว่าช่างของศูนย์น่าเชื่อถือกว่าช่างทั่วไป ผมคงต้องเสียเงินแลกกับความสบายใจ ซึ่งคนประเภทที่ว่านี้ไม่ได้หายากครับ ตัวอย่างคือพ่อแม่ผมเอง ซึ่งในทางกลับกันสำหรับเรื่องคอมท่านโชคดีที่มีผมจึงไม่ได้เงินก้อนนี้ไป และผมก็เชื่อไปแล้วว่าบริษัทยังคงหากินแบบนี้ต่อเนื่อง ก็เอาเถอะครับทำไปตามที่สบายใจ HP ไม่ใช่บริษัทผลิตคอมรายเดียวของโลก วันหน้าถ้า Pavilion 23 เครื่องนี้เจ๊ง เราก็จบกัน ผมคงไม่อุดหนุน HP อีก แถมสาปส่งด้วย มีคนรู้จักกี่คนผมก็บอกหมดแหละว่าโดนแบบนี้ ยี่ห้อนี้สันดานแบบนี้
อย่างสุดท้ายถือเป็นการสั่งสอนเรื่องบริการที่คาดหวังนะ ถึงจุดนี้หลายคนอาจบอกว่าผมเป็นคนที่ “เยอะ” จัง ก็ยอมรับ ไม่เถียง คือหลังจากเป็นลูกค้าผมก็คาดหวังบริการหลังการขายที่เป็นมิตรกับลูกค้า (และกระเป๋าสตางค์) นั่นคือถ้าผมได้รับคำตอบตั้งแต่วันที่โทร. ว่า “เครื่องของลูกค้าหมดประกันแล้ว สามารถนำไปซ่อมได้ที่ร้านคอมทั่วไป” อันนี้จะดีมาก บางทีลูกค้าพอเจอปัญหาแล้วเครียด มันมืดแปดด้านไม่รู้จะไปยังไง ก็บอกเขาสิว่ามีทางเลือกอะไรบ้าง หรือที่ไม่บอกแบบนี้เพราะต้นทางอบรมมาว่าอย่าพูด เดี๋ยวอ้อยไม่เข้าปากช้าง เม็ดเงินไม่สะพัดบริษัทจะล่มสลาย ถ้าใช่กรุณากลับไปอ่านย่อหน้าที่แล้ว “อย่างที่สอง” ด้วยนะ จะเป็นพระคุณอย่างสูงยิ่งยวด ไหนจะเรื่องราคาประเมินที่ให้ซะแรงเลย เหมารวมประเมินหนักไว้ก่อนสินะ ไม่มีแยกแยะว่าเบา, กลาง, หนัก จากอาการที่บอกไปเลย เอาเป็นว่ารวม ๆ แล้วผมควรได้รับบริการที่ดีกว่านี้ คือจริงใจกว่านี้และค้นหาสาเหตุของปัญหาเพื่อแก้ไขให้ตรงจุด เพราะผมเสียเงินซื้อเครื่องนี้ตั้งสามหมื่นกว่าบาท ไม่ได้ซื้อมือสองหรือรับบริจาคมา อุตส่าห์ลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ให้บริษัทรู้ว่ามีตัวตนคนใช้งานจริง และเสียเงินค่าโทรศัพท์หา Hotline แล้ว
ชาตินี้คงต้องเลิกใช้คอม ฯ ยี่ห้อนี้
เรื่องมันเริ่มจากคอมของผม เจ้า PC ที่หมดประกันแล้ว HP Pavilion 23 มันเปิดเครื่องเองเมื่อเสียบปลั๊กโดยไม่ต้องกดปุ่ม power เลย พอจอติดก็โชว์รายละเอียดเครื่องหรา Processor Type, Processor Speed, L1/L2/L3 Cache Size… ปิดท้ายด้วย Time & Date Not Set และให้กด F1 เพื่อ Boot เห็นแบบนี้ผมมีในใจแล้วว่าเป็นปัญหาอะไร (เชื่อว่าหลายคนรู้แล้วเช่นกัน อ่านไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวรู้ครับ) แต่มันติดขัดอย่างเดียวคือผมไม่เคยเปิดฝาครอบเครื่องเองมาก่อน จำได้ว่าเคยมีปัญหานี้แล้วเรียกช่าง on-site service ของ HP ตอนที่อยู่ในประกัน ช่างก็มาแก้ไขให้ด้วยดี คิดแล้วก็โทร. Hotline 02-787-3344 ซึ่งให้บริการแค่วันทำการ จันทร์ถึงศุกร์เท่านั้น เผอิญคอมมีปัญหาสัปดาห์ที่แล้ววันศุกร์ห้าโมงเย็น เลยต้องโทร. เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ก็แจ้งปัญหาและแจ้งว่าเครื่องเคยเป็นแบบนี้ตอนอยู่ในประกัน แจ้งแล้วรอ 1 วัน ช่วงเย็นวันอังคารพอทางนั้นโทร. กลับมาบอกราคาประเมินเท่านั้นหละ ผมปรี๊ดเลย
ทางนั้นคาดว่า Mainboard เสีย ต้องเปลี่ยนใหม่ ค่าอะไหล่ 8,580 บาท ค่าบริการ on-site กับค่าช่างผมจำไม่ได้ว่าอันไหนเป็นอันไหน (คือโกรธอยู่) ก็มี 1,819 บาท กับ 1,070 บาท สรุปรวมเป็นตัวเลขกลม ๆ ก็ 11,000 บาท
“ไอ้บ้า !” ผมคิดในใจ ตอนนั้นอดกลั้นไว้แล้วปฏิเสธไม่เปิดงาน วางสายเสร็จคิดเลยว่าวันพระไม่ได้มีหนเดียว กว่าจะถึงก็นู่นวันศุกร์ อย่ารอเลย หาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเองแล้วตั้งกระทู้ในพันทิปดีกว่า
ย้อนกลับมาที่ปัญหาคอม ผมเชื่อหมดใจว่าแบตเตอรี่ไบออสหมด ทีนี่ครั้งก่อนตอนที่ช่างมาเปลี่ยนแบตให้มันก็นานมาแล้ว ชักไม่แน่ใจว่าจะทำเองหรือยกไปหาช่างคอมทั่วไปดี คิดไปคิดมาลองค้นเว็บ HP ที่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ ค้นลึก ๆ เจอ pdf เล่มนี้ และมันมีเนื้อหาหัวข้อที่ผมอยากรู้ด้วย !
***
เป็นไงครับ ระหว่าง 50 บาทไม่มีบวกเพิ่ม กับการเสนอราคา 11,000 บาท แถมไม่ชัวร์ด้วยว่าเปลี่ยน Mainboard แล้วปัญหาจบ ทุกอย่างจะดีดังเดิม ไม่มีปัญหาใหม่มาเพิ่ม สำหรับผมเรื่องนี้มีบทเรียน 3 อย่าง