มันคือความรัก หรือแค่ความสุข

ข้อมูลพื้นฐานก่อนนะครับ
ผม เป็นผู้ชาย จะเรียกว่าไบดีมั้ย
ก็ใช่แหละ คือมุมมองผมเพศไม่ได้สำคัญ
อะไรขนาดนั้น สิ่งที่สำคัญคืออยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขทั้งผม และคนที่อยู่ด้วย
ผมโสดมา ก็ 5 ปีแล้ว ที่ผ่านก็คบผู้หญิงหมด ที่บอกเป็นไบ ก็เพราะผมเอง อาจจะมีหวั่นไหวกับผู้ชายบ้าง แต่คนที่หวั่นไหวมักจะเป็นคนที่ยิ้มน่ารัก เเล้วเรารู้สึกอยากเทคแคร์เค้า ไม่ได้มีอารมณ์ทางเพศกับผู้ชายอะ (ยกเว้นตอนเมา เชี้ยเนาะ)

เข้าเรื่องเลย
ผมเป็นนักเต้น ซึ่งมีน้องร่วมทีมคนนึง
ที่ตอนแรกไม่ได้สนิทอะไรกันเลย
แต่ด้วยความอยู่ทีมเดียวกัน ก็เลยค่อยๆสร้างความสัมพันธ์กันเรื่อยๆ เพราะผมและน้อง ยิ้มเหมือนคนไทป์เดียวกัน
กินอะไร ชอบอะไร คล้ายๆกัน ก็เลยถูกคอกัน จนมันสนิทมากขึ้น ถึงขั้นเป็นคนที่สามารถระบาย และแชร์ปัญหาชีวิตกันได้ทุกเรื่อง เเล้วเราก็เทคแคร์กันและกันเรื่อยมา จนมันกินเวลาไป 5 เดือน
ถ้าเจอกันก็ไปไหนมาไหนด้วยกัน
ไม่เจอหน้ากัน ก็ทักไลน์คุยกันตลอด
ทุกโพสของผม ก็จะมีน้องมาคอมเมนท์ตลอด ผมก็ไปยิ้มในทุกคอมเมนท์เช่นกัน 555 (เราพื้นเพคนจังหวัดเดียวกัน แต่น้องไปทำงานคนละที่ แต่ก็อยู่ทีมเดียวกัน งงมั้ย)

จนแบบมันมากขึ้นเรื่อยๆ มีโทรมาคุยเล่นกันเวลาเหงา ชวนกันเล่นเกมส์ คุยกันทุกเรื่อง น้องเองมีแฟนอยู่แล้ว แล้วก็เลิกกับแฟน ไม่ใช่เพราะผมนะ เค้ามัปัญหากันมาอยู่แล้ว ผมก็คอยอยู่ข้างๆเค้าเสมอมา

เราได้โอกาสไปแข่งขันเต้นที่ต่างประเทศ
นั่นคือจุดพีค จุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ของเรา

ก่อนหน้าที่จะไปแข่ง ช่วงเดือนที่ 3 ของความสัมพันธ์ของผมกับน้อง มันเป็นช่วงที่ผมเริ่มถามตัวเองว่า เห้ยย กูชอบน้องป่าวว่ะ ก่อนหน้านี้ ผมไม่ได้คิดอะไรเลยจริง แต่ช่วงเดือนที่ 3 เราเจอกันบ่อยมากขึ้น แต่ก็พยายามไม่คิดไปทางนั้น เราไปงานแข่งเต้นที่ กทม แล้วคืนวันแข่งเสร็จ น้องก็บอกเออ ขอมานอนด้วยดีกว่า คืนไม่มีอะไร ถ้ามีก็คือ ผมไปกอดน้องตอนนอน เพราะติดหมอนข้าง อันนี้ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ตื่นมาผมรู้ตัวว่ากอดน้องอยู่ ก็รีบออกจากน้องเลย กลัวน้องคิดมาก ตื่นเช้ามาผมก็บอกเออ เมื่อคืนกูเผลอไปกอดเฉยเลย กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจนะ น้องก็บอกไม่เป็นไรพี่ ผมโอเค ก็อุ่นดี แต่เหมือนมีท่อนซุงมาทับ หนักยิ้ม 5555 ทุกอย่างก็ยังปกติ และยังคงเหมือนเดิม คุยกันทุกวัน เริ่มแชร์เรื่องส่วนตัวกันมากขึ้น

จนเข้าเดือนที่ 4 เริ่มซ้อมโชว์ที่จะไปแข่งที่ต่างประเทศ มีช่วงนึงที่ต้องมาซ้อมที่จังหวัดพื้นเพของเรา ช่วงนั้นผมมีปัญหาด้วย เพราะที่ซ้อมไกลจากบ้านมาก ก็เลยต้องหาที่นอนใกล้ ขี่รถกลับไม่ไหว เลิกซ้อมทีง เที่ยงคืน ตีหนึ่ง สรุปคือ น้องบอกไปนอนบ้านน้องก็ได้ ผมก็โอเค เพราะก็สนิทกันอยู่แล้ว ผมก็บอกน้องแหละ โดนกูกอดแน่ กูคุมตัวเองตอนนอนไม่ได้หรอกนะ น้องบอกไม่เป็นไร ก็นอนด้วยกันทุกคืน ผมก็เผลอไปกอดน้องทุกคืน รู้ตัวก็เอาตัวออก ตื่นเช้าก็ไม่มีอะไร สนิทเหมือนเดิม แถมสนิทมากกว่าเดิม จะไปไหน อะไรยังไง คอยบอกกันตลอด มีช่วงนึงที่ผมมีปัญหาเยอะมาก จนแบบจัดการตัวเองไม่ได้จริงๆ ถึงขั้นโทรไปร้องไห้กับน้องเลย มันเลยทำให้เราเทคแคร์กันมากขึ้นไปอีก ผมถึงขั้นแต่มองตาน้องก็รู้ว่าน้องรู้สึกอะไรยังไง ผมจะคอยถามน้องเสมอเครียดอะไร อึดอัดอะไร เราก็ระบายกัน ผมก็คอยปลอบให้กำลังใจน้องเสมอ ช่วยปรับวิธีคิด จนน้องสบายใจ

ถึงช่วงที่พีคแล้วครับ เดือนที่ 5
เราเดินทางไปต่างประเทศที่อยู่คนละซีกโลกเลย ปรากฏว่าน้องปรับตัวกับสภาพอากาศที่นั่นไม่ได้ ประกอบกับซ้อมหนัก งานน้องก็หนักก่อนเดินทาง ผมเลยยิ่งเทคแคร์น้องมากขึ้นไปอีก ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมว่า ผมชอบน้องจริงๆละ ผมบอกน้องตรงๆเลย ว่าอย่ายิ้มให้กูบ่อย กูแพ้รอยยิ้มจริงๆ ผ่านไปอีกสองสามวัน ผมก็ดันหลุดปากไปบอกมันว่า กูชอบจมูกว่ะ เอ้าาา ยิ้มยย พูดอะไรไป แต่น้องก็เหมือนเดิม เราก็เทคแคร์กันเหมือนเดิมทุกอย่าง

เราอยู่ต่างประเทศด้วยกัน ช่วงนั้นคือแบบอยู่ด้วยกันตลอด แบบติดหนึบเลย อาบน้ำด้วยกัน นอนด้วยกัน เผลอกอดกันตอนนอน จนคนในทีมเเซวว่าสองคนกินกันเองป่าวเนี้ย เราก็ได้แต่มองหน้ากัน แล้วขำ 555
บอกว่าไม่หรอก แต่ในใจคือผมยิ้มเริ่มคิดกับน้องแล้ว

จุดพีคที่ 1
เรานั่งคุยกันสองคนตอนดูดบุหรี่ ก็คุยนั่นนี่ไปเรื่อย จนผมมาสะดุดที่ประโยคที่น้องบอกว่า “จริงๆ ผมยูนิเซ็กนะ ผมว่าคนเราคบกัน มันไม่จำเป็นต้องจำกัดเพศ ผมอาจจะชอบผู้ชายก็ได้” ผมนี่ตั้นไป 2 วิ แบบ ยิ้มยย หรือก็หวั่นไหวกับกูว่ะ

จุดพีคที่ 2
ช่วงวันที่ 5 ที่อยู่ต่างประเทศ คือมีทีมอื่นจากไทยไปแข่งด้วย มีน้องผู้หญิงคนนึง โคตรน่ารัก ผมก็ชอบ แต่ไม่ทันน้องตัวดีผมครับ มันชิงตัดหน้าไปอ่อยน้องผู้หญิงคนนั้นก่อน ประเด็นคือ น้องผู้หญิงก็เล่นด้วย อ่อยไป อ่อยมา คุยกันเฉย ตอนนั้นเป็นตอนที่ผมซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองเลยว่า เออกูชอบน้องจริงๆละ เพราะผมหึงน้องตอนที่อยู่กับน้องผู้หญิงคนนั้นมาก
แต่น้องผมมันก็บอก ผมไม่ได้จริงจัง คุยเล่นๆเฉยๆ น่านน โหมดเจ้าชู้ทำงานครับ

จุดพีคที่ 3
คืนวันที่ 9 ที่เราอยู่ที่นั่น เค้านัดทีมทุกทีมจากไทยไปดริงค์กัน ในโรงแรมแหละ ผมก็ไป น้องก็ไป แล้วมันมีช่วงนึงมีน้องจากทีมอื่นมีปัญหา ผมเลยต้องเข้าไปเคลีย ซึ่งนานมาก ก่อนไปผมบอกน้องว่าดูแลกระเป๋าให้หน่อย ถ้าจะกลับห้องมาบอกด้วย พอผมเคลียปัญหาเสร็จ ปรากฏว่าเหลือเพียงความว่างเปล่า เพราะเจ้าหน้าที่โรงเเรม มาไล่ให้ไปนอน ผมก็เลยเดินกลับห้อง ภาพที่ผมเห็นคือ น้องตัวดีของผม เดินตามน้องผู้หญิงคนนั้นแจเลย ผมเลยเดินไปหา ถามเรื่องกระเป๋าเพราะมีเงิน และโทรศัพท์ พาสปอตอยู่ มันไม่ได้เก็บมาจ้า ผมโคตรหัวร้อน เลยเดินหนีเลย ไปถามน้องในคนอื่น อ่ามีคนเก็บมาให้แล้ว ผมก็สบายใจ แต่น้องตัวดียิ้มยังป้อสาวไม่เลิก ผมโคตรโกรธ โมโห เสียความรู้สึก แต่ก็ไม่พูดอะไร หลังจากคืนนั้น ผมบอกเลย ผมก็แสดงอาการหึงกับน้องมาก น้องเองก็ไม่สนใจแล้ว คุยกับน้องคนนั้นต่อไปจนแบบ เออกูว่าจริงจัง

หลังจากนั้น ความสัมพันธ์ของเราก็ค่อยๆเปลี่ยนไป จากที่เคยเทคแคร์กัน น้องก็เริ่มไปเทคเเคร์น้องผู้หญิงคนนั้นมากขึ้น และใช้เวลากับการคุยแชทกับน้องคนนันมากขึ้น เราเริ่มคุยกันน้อยลง เพราะน้องมันคงกลัวผมเสียความรู้สึก ทุกอย่างเปลี่ยนไป จนมากถึงวันที่ทุกอย่างเริ่มพัง
เพราะตัวผมเอง

จุดพีคที่ 4
คืนนั้นน่าจะคืน 13 ที่เราอยู่ด้วยกัน
กินเบียร์กัน แล้วผมก็ตัดสินจากลากน้อง
มาคุย และสิ่งที่ผมพูดออกไปมันก็เริ่มทำลายความสัมพันธ์ของผมกับน้อง
ผมพูดกับน้องว่า “ กูว่ากูชอบว่ะ กูไม่รู้กูไปเอาความคิดนี้ มาใส่หัวตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่กูอึดอัด”
น้องตอบมาว่า “พี่ ใจเย็น ผมว่าเราเป็นแบบนี้มันดีอยู่แล้ว” ผมเลยบอกกับน้องไปว่า “เออ กูก็ว่างั้น แต่กูห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ถ้ากูพูดอะไร หรืองี่เง่าใส่ บอกกูนะ บางทีกูไม่รู้ตัว”
และนั่นคือตอนที่ทุกอย่างเริ่มพัง

จนวันที่เราเดินทางกลับไทย ผมไปนอนห้องน้อง แล้วก็นอนกับน้องเหมือนปกติ ที่เปลี่ยนไปคือ ผมขอนอนกอดมันแบบตั้งใจ มันบอกกับผมว่าได้ ผมก็กอดมันแหละ แต่ผมกลับรู้สึกอึดอัด ผมเลยเอาตัวออกแล้วก็นอนปกติ เช้ามามันยิ้มป่วย ผมก็เลยเทคแคร์มันมาก หายาให้กิน เช็ดตัว สรุปคือ ผมมีความสุขนะที่ได้ดูแลมัน ในแบบที่ซื่อตรงกับความรู้สึก น้องเองก็ยอม มีชอตที่นอนมองหน้ากัน จับมือกัน เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น และแล้วผมก็ถึงเวลาที่ผมต้องแยกจากมัน
ผมโคตรเฟล ก่อนกลับมันชวนไปกินข้าวกัน แต่ผมเฟลหนักมาก เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ก่อนเดินทาง จนตอนที่ไปต่างประเทศ รวมๆก็ 20 วันที่ตัวติดหนึบ

จุดพีคที่ 5
ก่อนกลับ ผมคุยกับน้องว่า
กูว่า เรากลับไปที่จุดเดิมดีกว่าว่ะ
จุดที่แค่ดูแล เทคแคร์กัน ก็พอ
เรื่องที่กูชอบ กูโอเค ไม่เป็นไร
แค่ได้อยู่ข้างๆต่อไปก็พอ

แต่พอแยกกันมา มันต่างไปจากเดิม
ผมทักไปคุยกับน้อง น้องก็นานๆจะมาตอบ เหมือนเราทั้งคู่อึดอัด
มันไม่เหมือนเดิมว่ะ ผ่านไป 2 วัน
ผมทักไป น้องก็กว่าจะตอบ
ก็เลยเผลองี่เง่าใส่มันอีก
แบบ ทำไมไม่ตอบว่ะ กูเป็นห่วงเนี้ย
กูขอโทษที่กูจู้จี้กับ แต่กูแค่อยากรู้
แต่ในความเป็นจริงคือ ถ้าเป็นเหมือนก่อนที่น้องจะได้เจอ ได้คุยกับน้องผู้หญิง
มันจะอัพเดตให้ผมรู้ตลอด เพราะมันรู้ว่าผมเป็นห่วง แต่พอตอนนี้ มันกลับมองสิ่งที่ผมทำต่างออกไป

จุดพีคสุดท้าย
ผ่านไป 3 วันที่แยกจากน้อง
ผมทักไปถาม เพราะมันบอกจะไปหาหมอ
ผมแค่อยากรู้ เลยทักไปถามว่าหมอว่าไง
มันไม่ตอบผมเลย ตั้งแต่เช้า มันแปลก
ต่างกันออกไปเลย จนผมเฟลหนักมาก
ผมเลยทักไปถามน้องผู้หญิงที่คุยกับน้องตัวดีผมอยู่ ว่าเออมันตอบหนูมั้ย
มันตอบน้องผู้หญิงครับ แต่มันไม่ตอบผม

ผมนี่น้ำตาซึมเลย เฟลหนักมาก
ทำไรไม่ถูก จนช่วงบ่าย 2
มันตอบผมมา ว่าเออมันนอน
พักผ่อน ไม่ได้ไปหาหมอ ขอนอนเต็มๆ
สักวัน ผมก็ได้แค่ตอบว่า “อ๋อ ดีแล้ว”
แล้วก็อึดอัดใจมาก เลยอยากโทรไปคุย
ให้รู้เรื่องว่าผมรู้ว่ามันตอบน้องผู้หญิง
แต่มันไม่รับ เป็นครั้งแรกตั้งแต่ผมกับมัน
สนิทกันที่มันตัดสายผม มันบอกแปรงฟันก่อน แล้วก็หายไปยาวเลย มาตอบตอนเย็นๆว่ามันไปทำธุระ ถ่ายรูปมาให้ดู ผมเลยบอกมันว่า ว่างแล้วบอกนะ แล้วมันก็หายยยยยยยยยยย ไปเลย
มาเจอในเฟสบุ๊ค มันโพสว่า
“พยายามแล้วมันไม่เหมือนเดิมจริงๆ อึดอัดๆมากๆ”

ผมร้องไห้เลย ทำไรไม่ถูก
แล้วควรทำยังไงต่อไป
จะระบาย ก็ไม่รู้จะระบายกับใคร
เพราะที่ผ่านมันคือคนเดียว
ที่รู้เรื่องของผมทุกเรื่อง
จะปรึกษาเพื่อนก็ไม่ได้ เพราะผม
ดันมารู้สึกหวั่นไหวกับผู้ชาย

ผมโคตรอยากย้อนเวลา
ผมไม่น่าเสี่ยงสารภาพความรู้สึกไปเลย
มันไม่ช่วยอะไรเลย แถมทำให้ทุกอย่าง
ที่มันเปลี่ยนแปลง เป็นพังพินาศ
ผมไม่รู้เลย ว่าความสัมพันธ์ของเรา
ยิ้มจะไปในทิศทางไหน
ผมรู้แค่ว่า มันคงเหมือนเดิมไม่ได้เเล้ว
โคตรบ้า 5 ปีที่แบบไม่อยากคบใคร
เพราะกลัวการเลิกลา กำแพงที่สร้างไว้
พังเพราะมันเข้ามาในชีวิต
และความสัมพันธ์พังเพราะผมไปเสี่ยง
ที่จะพูดความจริง เหมือนมีความหวัง
แต่จริงๆ มันไม่มีอะไรตั้งแต่แรก
เราแค่รู้สึกข้างเดียว
เอาไงต่อดี ไม่รู้ต้องทำยังไง
หรือปรึกษาใครแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่