เนื่องจากมีคนกู้เงินไป โดยขอยืมไปเป็นงวดๆ ละ สามหมื่นบ้าน ห้าหมื่นบ้าง รวมๆ แล้ว แสนสามหมื่นเจ็ดพันบาท ซึ่งตอนแรกเราสงสารเค้าที่โดนออกจากงานทั้งสามีและภรรยา และไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่เค้ามาเช่าบ้านอยู่หน้าบ้านเรา ทำให้เราเห็นเค้าทุกวันแต่ไม่เคยคุยกัน เห็นเค้าขยันทำมาหากิน ตอนแรกลงทุนซื้อบ้านเอง ซื้อรถยนต์ แต่ตอนหลังรายได้ตกต่ำ บ้านที่ซื้อต้องกลายเป็นเช่า  รถยนต์โดยยึด เค้าทำอาชีพทำป้ายไวนิลค่ะ คงเป็นเพราะเค้าชำนาญด้านนี้ (เคยทำงานด้านนี้แล้วโดนให้ออกเพราะเงินเดือนเยอะ เค้าเล่าให้ฟัง) ซึ่งเราก็สงสารและเห็นว่าคนไม่เคยคุยกัน ในเมื่อกล้ายืมก็กล้าให้ โดยพูดตกลงกันอย่างดิบดีว่าจะใช้คืนโดยเราไม่คิดดอกสักบาท พอนานไป บอกอยากลงทุนเครื่องปริ๊นขนาดใหญ่มือสองแต่ตัวเป็นแสนไปขอสินเชื่อธนาคารไม่ผ่านเพราะจดทะเบียนบริษัท แต่ใช้บ้านเป็นที่ตั้งบริษัทธนาคารเลยไม่ผ่านให้ ก็ขอร้องให้เรากู้สินเชื่อให้ เราก็โง่กู้ให้โดยให้เค้าผ่อนพร้อมดอก ซึ่งทุกวันนี้เค้าก็ผ่อนอยู่ แต่ระยะหลังๆ ต้องท้วงทุกสิ้นเดือน ส่วนเงินที่ยืมส่วนตัวไม่ต้องพูดถึง สักบาทยังไม่ใช้ พอน้องชายทราบเรื่องก็ให้ไปทำสัญญากู้เงิน เลยเพิ่งไปทำเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา เค้าก็รับปากว่าจะทยอยใช้คืนให้ จนล่วงเลยมาสองเดือน จนจะครบ 1 ปีที่ยืมเงินไปยังไม่ใช้สักบาท อยากทราบว่า
1. เราจะฟ้องร้องได้หรือไม่คะ
2. ถ้าฟ้องได้ เราจะขู่ว่าฟ้องให้ถึงขั้นล้มละลายได้หรือไม่คะ เพราะลึกๆ แค้นมาก เราอุตส่าห์ช่วยเพราะความสงสาร แต่เค้ากลับเพิกเฉยเหมือนทองไม่รู้ร้อน ใช้คติ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย
3. สุดท้ายมีวิถีทางทำอย่างไรให้ได้เงินคืนเร็วที่สุดได้บ้างคะ บอกตรงๆ ก็ไม่ใช่คนรวย เงินที่ให้ไปก็เป็นเงินที่เรากู้สหกรณ์มาใช้เพื่อรักษาตัวเพราะโรค SLE ต้องหาหมอตลอดทุกเดือน ค่าใช้จ่ายในการหาหมอแต่ละครั้ง ตั้งแต่ 3,000 - 25,000 แล้ว ทั้งเนื้อทั้งตัวก็มีเงินแค่แสนกว่าบาท พอเอาเงินให้เค้ายืมไปทำให้ไม่มีเงินไปรักษาตัว ต้องขอยืมน้องชาย กดเงินสดจากบัตรเครดิตเสียดอกแพงอีก เครียดมากๆ ค่ะ ช่วยด้วยนะคะ ช่วยให้คำแนะนำด้วยเถิดค่ะ