สวัสดีทุกคนนะคะ. ...
วันนี้แค่อยากจะมาเล่าเรื่องของตัวเองว่าที่ผ่านมามีทั้งดีและร้ายปะปนกันไปเขียนนิยายได้เป็นเล่มเลยก็ว่าได้เรื่องนี้ไม่มีอะไรมากไม่พาดพิงหรือเอ่ยถึงใครแต่เป็นเพียงแค่ประสบการณ์ชีวิตที่อยากมาเล่าให้ฟังเฉยเฉยค่ะ
ตัวดิฉันเองเป็นเด็กบ้านนอก พ่อแม่ทำนาทำสวนตั้งแต่เด็กพ่อแม่ไม่เคยอยู่บ้านเพราะท่านต้องไปขายของตามตลาดนัดเราก็จะอยู่กับปู่กับย่าจนโตมาและทำทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพราะปู่กับย่าสอนวันหนึ่งที่พ่อเปลี่ยนจากอาชีพค้าขาย ของตามตลาดนัด มา ทำธุรกิจส่วนตัวตอนนั้นปั๊มน้ำมันแถวบ้านนอกไม่ค่อยมีพ่อเลยนำเงินเก็บมาสร้างปั๊มน้ำมันตอนแรกก็ขายดีมากเพราะบ้านเราเป็นทางผ่านเส้นหลักเข้าสู่ตัวจังหวัดแต่พอได้ประมาณสี่ถึงห้าปีเศรษฐกิจเริ่มแย่และเริ่มมีการพัฒนาเรื่อยเรื่อยจนมีปั๊มเล็กปั๊มน้อยเกิดขึ้นเราจึงไม่ค่อยได้ขายน้ำมันที่บ้านหาเงินใช้หนี้ไม่ได้หนี้ธนาคารก็เพิ่มขึ้นเรื่อยเรื่อย พ่อก็เริ่มมีอาการป่วยเพราะดูดบุหรี่เยอะช่วงวัยรุ่นและตอนนั้นฉันอายุประมาณ 16ปีได้มาเรียนที่ต่างจังหวัด มาเรียนได้แค่ปีกว่ากว่าก็ได้รับข่าวร้ายว่าพ่อได้จากไปตัวดิฉันเองก็รู้สึกสับสนมากเพราะตอนนี้มีแค่แม่คนเดียวฉันจึงตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน เพราะแม่ไม่มีเงินส่งฉันจึงต้องกลับไปอยู่ที่บ้านกับแม่แล้วหางานทำแถวแถวบ้านแต่มันก็ไม่พอเลยเดินทางเข้ากรุงเทพฯตอนนั้นอายุ 18 ฉันได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่งและได้คบกันสักพักจนแต่งงานและมีลูกด้วยกันหนึ่งคนเราไปทำงานด้วยกันที่กรุงเทพแต่เพราะแฟนเราเป็นคนเจ้าชู้ จึงมีเรื่องทะเลาะกันบ่อยครั้งจนต้องเลิกกันไป แต่แม่แฟนดีมากเค้าไม่อยากให้เรามาลำบากอยากให้เรากลับไปอยู่ที่บ้านกับเค้าเค้าจะเลี้ยงดูเองแล้วเลี้ยงหลานเองแต่เราอยู่กับแฟนคนนี้ไม่ได้จริงๆเพราะเขาทำร้ายร่างกายเราบ่อยครั้งและมีผู้หญิงโทรเข้ามาหาบ่อยบ่อยบางครั้งทั้งเราท้องจนคลอดผู้หญิงคนนั้นก็ยังโทรมาเพื่อที่จะให้สามีเราออกไปเจอจนเราทนไม่ไหวจริงๆจนต้องเลิกถัดจากนั้นมา3ปีเราก็ได้มาเจอแฟนอีกคนนึงเราก็คบกันได้หนึ่งปีจึงตัดสินใจแต่งงานกันและมีลูกอีกคนหนึ่งแรกไเค้าก็ดีนะจากคนที่กินเหล้าทุกวันก็ไม่กินเริ่มดีขึ้นจนเราท้องได้3เดือนก็เลยพากันกลับไปอยู่ที่บ้านของแฟนเพราะเราแพ้ท้องหนักมากและโรงงานที่ทำเป็นเกี่ยวกับอาหารทะเลหรือทำต่อไม่ไหวตัดสินใจกลับไปอยู่ที่บันนอกตอนแรกพ่อแม่เขาก็ดีนะพูดจากับเราดีทุกอย่างแต่คนท้องอ่ะคือเค้าก็ต้องเข้าใจว่าเราอ่ะต้องกินนมกินอะไรแบบเนี่ยคือหิวตลอดเวลาเราก็อยู่บ้านเค้าก็ไม่ได้อยู่เฉยเฉยนะตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อที่จะมาหุงข้าวทำกับข้าวให้คนในบ้านกิน ตอนนั้นแฟนยังไม่มีอาชีพเลยไปตัดอ้อยที่สวนตัวเองเพื่อที่จะขายแม่แฟนก็บอกว่าเดี๋ยวถ้าขายได้เค้าจะให้เงินก้อนไว้ใช้เพราะเราต้องเอาไว้เลี้ยงลูกเพราะเราไม่มีงานทำแต่พอถึงวันนั้นเราไม่ได้สักบาทหนึ่งจนเงินที่นำติดตัวมาจากการเก็บที่ทำงานจากโรงงานก็เริ่มใกล้หมดลงวันนึงเราก็อยากกินนมสักกล่องนึงแต่ไม่มีเงินติดตัวเลยฉันจึงไปนั่งค็กระปุกออมสินที่เคยหยอดไว้ตอนอยู่โรงงานคือ แค่ไปร้องไห้ไปไม่คิดว่าพ่อแม่แฟนจะใจดำขนาดนี้แฟนเราก็ไม่กล้าที่จะขอตังค์แถมยังมาบอกให้เราไปบอกพ่อกับแม่เขาว่าทำไมไม่ไปบอกพ่อกับแม่ล่ะว่าไม่มีเงินเราเป็นแค่ลูกสะใภ้เราจะกล้าหรอเราก็ทนนะทนมาจนคลอดเราได้เงินประกันสังคมประมาณ 20,000 กว่าแต่เราไปคลอดที่ต่างจังหวัดก็เลยยืมเงินแม่ แฟนก่อนประมาณ 6000 กว่าบาทเพื่อจ่ายค่าคลอดค่าโรงพยาบาลและเราก็คืนเงินให้หลังจากได้ประกันสังคม แต่เค้าก็ไม่ขอแค่นั้นนะเค้าบอกว่าขอเพิ่มอีกนิดไปจ่ายค่างวดรถแล้วก็ให้ทั้งทั้งที่เงินมันมีจำกัดเพราะแฟนเรายังไม่มีอาชีพเรารับผิดชอบทุกอย่างในบ้านค่าน้ำค่าไฟค่ากินจนรู้สึกว่าถ้าเราอยู่แบบนี้คงไม่ไหวเลยทะเลาะกับแฟนบ่อยครั้งเพราะว่าน้องชายเค้าก็ไม่ชอบเรากลัวเราไปแย่งสมบัติเราก็ไม่เข้าใจนะว่าทำไมถึงคิดแบบนั้นเพราะเราก็ไม่ได้จดทะเบียนกับพี่ชายเค้าจนวันนึงทะเลาะกันหนักมากเราเดินออกมาและเอาลูกมาด้วยแล้วให้แม่มารับกลับบ้านพ่อกลับบ้านได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์แม่แฟนโทตามขอเอาร้านคืนและบอกว่าจะช่วยเลี้ยงเองแล้วให้เราไปทำงานกับแฟนเราก็ใจอ่อนจนกลับไปที่บ้านพร้อมลูกแต่พอไปถึงเค้าอุ้มลูกเราไม่ปล่อยเลยไม่ให้เรามองหน้าลูกเราด้วยซ้ำและไล่ เราเหมือนหมูเหมือนหมาบอกว่าไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีกลูกกูจะดูแลเองไม่ต้องเลี้ยงลูกเพราะคงไม่มีปัญญาเค้าพูดคำนี้ต่อหน้าแม่เราแม่เราเลยพูดว่ารักแค่คนเดียวที่ทางฉันมีตั้งเยอะฉันขายเลี้ยงหลานฉันก็ได้แม่เป็นคนที่ไม่ค่อยว่าใครแต่วันนั้นเค้าคงเหลืออดก็เลยพูดคำนั้นออกไปเราเลยจำยอมกลับบ้านทั้งน้ำตากลับไปเริ่มต้นที่บ้านของตัวเองจนวันนึงเริ่มทำใจได้ก็เลยตัดสินใจกลับไปทำงานที่กรุงเทพไปอยู่กับน้าชีวิต การเป็นสาวโรงงานต้องอดทนให้มากที่สุดฉันทำงานตลอดตั้งใจไว้ว่าฉันจะต้องไม่ทำให้ใครมาดูถูกฉันได้หรือตัดสินใจเก็บเงินเพื่อที่จะไปเรียนต่อจนฉันเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งและไปเรียนต่อผู้ช่วยพยาบาลจนจบแต่ก็เหมือนโชคเข้าข้างฉันได้บรรจุทั้งๆพี่ยังเรียนไม่จบ แต่ก็เหลือแค่หนึ่งเดือนเหมือนฟ้ายังพอมีแม่ตากับฉันบ้างฉันได้ทำงานที่ดีขึ้นมีอาชีพที่ดีมีหน้ามีตาจนอยู่มาวันหนึ่งฉันเริ่มเล่น Facebookและก็บอกกับตัวเองว่าต่อไปนี้ฉันจะไม่ชอบผู้ชายจะไม่รักผู้ชายอีกแล้วเพราะทำให้ฉันเสียใจมาตลอดจนวันหนึ่งโลกโซเชียลก็ทำให้ฉันเจอกับ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ก็เรียกว่าทอมอะคะ ตอนแรกก็ไม่ยังไม่คิดอะไรเพราะตอนนั้นยังคิดว่าการทำงานคือสิ่งที่สำคัญที่สุดจนได้ลองคุยกันมาสักระยะหนึ่งเรารู้สึกว่าเค้าเอาใจใส่ดีมากเค้าคอยถามตลอดว่ากินข้าวหรือยังทำงานเหนื่อยไหมจะนอนกี่โมงดูแลตัวเองด้วยนะอะไรแบบนี้ซึ่งแฟนที่ผ่านมาสองคนไม่เคยมีคำนี้เลยถึงทำให้เราเกิดความรักขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เราคบกันได้ประมาณไม่นานค่ะแค่คุยกันได้แค่อาทิตย์เดียวจริงๆอาจจะเร็วไปนะและเร็วมากด้วยแต่นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเราโชคดีเลยเจอคนที่ดีวันแรกที่เจอกันเราก็ไม่คิดว่าเค้าจะชอบเราเพราะเราไม่ได้หน้าตาสะสวยอะไรแถมยังมีลูกติดตั้งสองคนแต่ก็เคยบอกเขาแล้วก่อนหน้านั้นเรื่องประวัติของเราเขาก็โอเคจนเราก็คุยกันมาตลอดและคบกันมาได้ประมาณหนึ่งเดือนเค้าก็ให้เราย้ายมาอยู่ที่คอนโดเค้าเค้าดูแลดีมากทำให้ทุกอย่างทั้งทั้งที่งานเข้าก็หนักอยู่แล้วแต่เค้าจะเป็นคนที่ทำงานหนักมากจนบางครั้งเค้าถามว่าจะทนได้ไหมเพราะเค้าไม่ค่อยมีเวลาให้แต่เราเป็นคนที่ไม่กินไม่เที่ยวทำงานแล้วก็เข้าบ้านเราก็เลยอยู่ได้เค้าให้เราทำแค่กับข้าวทำงานบ้านแค่นั้นเขาคอยเป็นห่วงเป็นใยขาดเหลืออะไรเค้าก็เติมให้ตลอดไม่เคยให้เราขาดเพราะเค้าคงคิดว่าเราเจอเรื่องร้ายมาเยอะจนวันนี้คบกันมาก็เกือบจะห้าปีแล้วทุกอย่างยังเหมือนเดิมเค้ายังดูเลยทุกอย่างเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแต่มันพิ้งอยู่อย่างหนึ่งคือตอนที่เรากลับบ้านไปเจอลูกชายคนที่แม่ย่าคนเก่าเคยดูถูกไว้ว่าเราไม่มีปัญญาเลี้ยงลูกเราเค้าตกใจมากที่เห็นเราครั้งแรกพร้อมกับแฟนของเราที่เป็นทอมคนนี้เค้าคงไม่คิดว่าเราจะมีหน้าที่การงานที่ดีเจอคนที่ดีมีชีวิตที่ดีขึ้นเราไปหาลูกลูกเราเค้าแทบไม่กล้ามองหน้าทั้งพ่อทั้งแม่ของแฟนเก่า เค้าคงอายคำพูดที่เคยดูถูกเราไว้ส่วนแฟนเก่าวันนั้นก็เจอกันโดยบังเอิญเพราะเค้าก็กลับช่วงเทศกาลแฟนเราไม่กล้ามองหน้าเราและขับรถออกนอกบ้านไปเลยหลังจากนั้นเราก็กลับจากบ้านนอกมาทำงานแม่แฟนเก่าโทรเข้ามาบอกให้เราไปคืนดีกับลูกชายเค้า เราเลยตอบไปว่ามันคงเป็นไปไม่ได้เพราะเราเดินออกมาแล้วเราจะไม่เดินถอยหลังกลับไปที่ขาดและสิ่งที่ทุกคนดูถูกเราไม่เคยลืมทุกวันนี้เรารู้สึกว่าแม่ และลูกเราคือสิ่งที่สำคัญกับเราที่สุดต้องขอบคุณแฟนคนปัจจุบันนี้ที่รักในสิ่งที่เราเคยเป็นมาไม่รังเกียจว่าเราจะมีครอบครัวมาแล้วมีลูกมาแล้วและมันสามารถทำให้หลายหลายคนเชื่อว่าการที่เรารู้จักคนคนหนึ่งผ่านทางโซเชียลมันก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดีมันอยู่ที่ว่าเราจะเจอคนแบบไหนแต่ในแบบของเราคือเราเจอคนที่ดีและรักเราจริงก็เลยเป็นโชคดีของเราไป ที่ทำให้เรามาเจอคนดีๆแบบเค้าคนนี้
ประสบการณ์ชีวิตยิ่งกว่าละคร
วันนี้แค่อยากจะมาเล่าเรื่องของตัวเองว่าที่ผ่านมามีทั้งดีและร้ายปะปนกันไปเขียนนิยายได้เป็นเล่มเลยก็ว่าได้เรื่องนี้ไม่มีอะไรมากไม่พาดพิงหรือเอ่ยถึงใครแต่เป็นเพียงแค่ประสบการณ์ชีวิตที่อยากมาเล่าให้ฟังเฉยเฉยค่ะ
ตัวดิฉันเองเป็นเด็กบ้านนอก พ่อแม่ทำนาทำสวนตั้งแต่เด็กพ่อแม่ไม่เคยอยู่บ้านเพราะท่านต้องไปขายของตามตลาดนัดเราก็จะอยู่กับปู่กับย่าจนโตมาและทำทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพราะปู่กับย่าสอนวันหนึ่งที่พ่อเปลี่ยนจากอาชีพค้าขาย ของตามตลาดนัด มา ทำธุรกิจส่วนตัวตอนนั้นปั๊มน้ำมันแถวบ้านนอกไม่ค่อยมีพ่อเลยนำเงินเก็บมาสร้างปั๊มน้ำมันตอนแรกก็ขายดีมากเพราะบ้านเราเป็นทางผ่านเส้นหลักเข้าสู่ตัวจังหวัดแต่พอได้ประมาณสี่ถึงห้าปีเศรษฐกิจเริ่มแย่และเริ่มมีการพัฒนาเรื่อยเรื่อยจนมีปั๊มเล็กปั๊มน้อยเกิดขึ้นเราจึงไม่ค่อยได้ขายน้ำมันที่บ้านหาเงินใช้หนี้ไม่ได้หนี้ธนาคารก็เพิ่มขึ้นเรื่อยเรื่อย พ่อก็เริ่มมีอาการป่วยเพราะดูดบุหรี่เยอะช่วงวัยรุ่นและตอนนั้นฉันอายุประมาณ 16ปีได้มาเรียนที่ต่างจังหวัด มาเรียนได้แค่ปีกว่ากว่าก็ได้รับข่าวร้ายว่าพ่อได้จากไปตัวดิฉันเองก็รู้สึกสับสนมากเพราะตอนนี้มีแค่แม่คนเดียวฉันจึงตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน เพราะแม่ไม่มีเงินส่งฉันจึงต้องกลับไปอยู่ที่บ้านกับแม่แล้วหางานทำแถวแถวบ้านแต่มันก็ไม่พอเลยเดินทางเข้ากรุงเทพฯตอนนั้นอายุ 18 ฉันได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่งและได้คบกันสักพักจนแต่งงานและมีลูกด้วยกันหนึ่งคนเราไปทำงานด้วยกันที่กรุงเทพแต่เพราะแฟนเราเป็นคนเจ้าชู้ จึงมีเรื่องทะเลาะกันบ่อยครั้งจนต้องเลิกกันไป แต่แม่แฟนดีมากเค้าไม่อยากให้เรามาลำบากอยากให้เรากลับไปอยู่ที่บ้านกับเค้าเค้าจะเลี้ยงดูเองแล้วเลี้ยงหลานเองแต่เราอยู่กับแฟนคนนี้ไม่ได้จริงๆเพราะเขาทำร้ายร่างกายเราบ่อยครั้งและมีผู้หญิงโทรเข้ามาหาบ่อยบ่อยบางครั้งทั้งเราท้องจนคลอดผู้หญิงคนนั้นก็ยังโทรมาเพื่อที่จะให้สามีเราออกไปเจอจนเราทนไม่ไหวจริงๆจนต้องเลิกถัดจากนั้นมา3ปีเราก็ได้มาเจอแฟนอีกคนนึงเราก็คบกันได้หนึ่งปีจึงตัดสินใจแต่งงานกันและมีลูกอีกคนหนึ่งแรกไเค้าก็ดีนะจากคนที่กินเหล้าทุกวันก็ไม่กินเริ่มดีขึ้นจนเราท้องได้3เดือนก็เลยพากันกลับไปอยู่ที่บ้านของแฟนเพราะเราแพ้ท้องหนักมากและโรงงานที่ทำเป็นเกี่ยวกับอาหารทะเลหรือทำต่อไม่ไหวตัดสินใจกลับไปอยู่ที่บันนอกตอนแรกพ่อแม่เขาก็ดีนะพูดจากับเราดีทุกอย่างแต่คนท้องอ่ะคือเค้าก็ต้องเข้าใจว่าเราอ่ะต้องกินนมกินอะไรแบบเนี่ยคือหิวตลอดเวลาเราก็อยู่บ้านเค้าก็ไม่ได้อยู่เฉยเฉยนะตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อที่จะมาหุงข้าวทำกับข้าวให้คนในบ้านกิน ตอนนั้นแฟนยังไม่มีอาชีพเลยไปตัดอ้อยที่สวนตัวเองเพื่อที่จะขายแม่แฟนก็บอกว่าเดี๋ยวถ้าขายได้เค้าจะให้เงินก้อนไว้ใช้เพราะเราต้องเอาไว้เลี้ยงลูกเพราะเราไม่มีงานทำแต่พอถึงวันนั้นเราไม่ได้สักบาทหนึ่งจนเงินที่นำติดตัวมาจากการเก็บที่ทำงานจากโรงงานก็เริ่มใกล้หมดลงวันนึงเราก็อยากกินนมสักกล่องนึงแต่ไม่มีเงินติดตัวเลยฉันจึงไปนั่งค็กระปุกออมสินที่เคยหยอดไว้ตอนอยู่โรงงานคือ แค่ไปร้องไห้ไปไม่คิดว่าพ่อแม่แฟนจะใจดำขนาดนี้แฟนเราก็ไม่กล้าที่จะขอตังค์แถมยังมาบอกให้เราไปบอกพ่อกับแม่เขาว่าทำไมไม่ไปบอกพ่อกับแม่ล่ะว่าไม่มีเงินเราเป็นแค่ลูกสะใภ้เราจะกล้าหรอเราก็ทนนะทนมาจนคลอดเราได้เงินประกันสังคมประมาณ 20,000 กว่าแต่เราไปคลอดที่ต่างจังหวัดก็เลยยืมเงินแม่ แฟนก่อนประมาณ 6000 กว่าบาทเพื่อจ่ายค่าคลอดค่าโรงพยาบาลและเราก็คืนเงินให้หลังจากได้ประกันสังคม แต่เค้าก็ไม่ขอแค่นั้นนะเค้าบอกว่าขอเพิ่มอีกนิดไปจ่ายค่างวดรถแล้วก็ให้ทั้งทั้งที่เงินมันมีจำกัดเพราะแฟนเรายังไม่มีอาชีพเรารับผิดชอบทุกอย่างในบ้านค่าน้ำค่าไฟค่ากินจนรู้สึกว่าถ้าเราอยู่แบบนี้คงไม่ไหวเลยทะเลาะกับแฟนบ่อยครั้งเพราะว่าน้องชายเค้าก็ไม่ชอบเรากลัวเราไปแย่งสมบัติเราก็ไม่เข้าใจนะว่าทำไมถึงคิดแบบนั้นเพราะเราก็ไม่ได้จดทะเบียนกับพี่ชายเค้าจนวันนึงทะเลาะกันหนักมากเราเดินออกมาและเอาลูกมาด้วยแล้วให้แม่มารับกลับบ้านพ่อกลับบ้านได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์แม่แฟนโทตามขอเอาร้านคืนและบอกว่าจะช่วยเลี้ยงเองแล้วให้เราไปทำงานกับแฟนเราก็ใจอ่อนจนกลับไปที่บ้านพร้อมลูกแต่พอไปถึงเค้าอุ้มลูกเราไม่ปล่อยเลยไม่ให้เรามองหน้าลูกเราด้วยซ้ำและไล่ เราเหมือนหมูเหมือนหมาบอกว่าไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีกลูกกูจะดูแลเองไม่ต้องเลี้ยงลูกเพราะคงไม่มีปัญญาเค้าพูดคำนี้ต่อหน้าแม่เราแม่เราเลยพูดว่ารักแค่คนเดียวที่ทางฉันมีตั้งเยอะฉันขายเลี้ยงหลานฉันก็ได้แม่เป็นคนที่ไม่ค่อยว่าใครแต่วันนั้นเค้าคงเหลืออดก็เลยพูดคำนั้นออกไปเราเลยจำยอมกลับบ้านทั้งน้ำตากลับไปเริ่มต้นที่บ้านของตัวเองจนวันนึงเริ่มทำใจได้ก็เลยตัดสินใจกลับไปทำงานที่กรุงเทพไปอยู่กับน้าชีวิต การเป็นสาวโรงงานต้องอดทนให้มากที่สุดฉันทำงานตลอดตั้งใจไว้ว่าฉันจะต้องไม่ทำให้ใครมาดูถูกฉันได้หรือตัดสินใจเก็บเงินเพื่อที่จะไปเรียนต่อจนฉันเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งและไปเรียนต่อผู้ช่วยพยาบาลจนจบแต่ก็เหมือนโชคเข้าข้างฉันได้บรรจุทั้งๆพี่ยังเรียนไม่จบ แต่ก็เหลือแค่หนึ่งเดือนเหมือนฟ้ายังพอมีแม่ตากับฉันบ้างฉันได้ทำงานที่ดีขึ้นมีอาชีพที่ดีมีหน้ามีตาจนอยู่มาวันหนึ่งฉันเริ่มเล่น Facebookและก็บอกกับตัวเองว่าต่อไปนี้ฉันจะไม่ชอบผู้ชายจะไม่รักผู้ชายอีกแล้วเพราะทำให้ฉันเสียใจมาตลอดจนวันหนึ่งโลกโซเชียลก็ทำให้ฉันเจอกับ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ก็เรียกว่าทอมอะคะ ตอนแรกก็ไม่ยังไม่คิดอะไรเพราะตอนนั้นยังคิดว่าการทำงานคือสิ่งที่สำคัญที่สุดจนได้ลองคุยกันมาสักระยะหนึ่งเรารู้สึกว่าเค้าเอาใจใส่ดีมากเค้าคอยถามตลอดว่ากินข้าวหรือยังทำงานเหนื่อยไหมจะนอนกี่โมงดูแลตัวเองด้วยนะอะไรแบบนี้ซึ่งแฟนที่ผ่านมาสองคนไม่เคยมีคำนี้เลยถึงทำให้เราเกิดความรักขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เราคบกันได้ประมาณไม่นานค่ะแค่คุยกันได้แค่อาทิตย์เดียวจริงๆอาจจะเร็วไปนะและเร็วมากด้วยแต่นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเราโชคดีเลยเจอคนที่ดีวันแรกที่เจอกันเราก็ไม่คิดว่าเค้าจะชอบเราเพราะเราไม่ได้หน้าตาสะสวยอะไรแถมยังมีลูกติดตั้งสองคนแต่ก็เคยบอกเขาแล้วก่อนหน้านั้นเรื่องประวัติของเราเขาก็โอเคจนเราก็คุยกันมาตลอดและคบกันมาได้ประมาณหนึ่งเดือนเค้าก็ให้เราย้ายมาอยู่ที่คอนโดเค้าเค้าดูแลดีมากทำให้ทุกอย่างทั้งทั้งที่งานเข้าก็หนักอยู่แล้วแต่เค้าจะเป็นคนที่ทำงานหนักมากจนบางครั้งเค้าถามว่าจะทนได้ไหมเพราะเค้าไม่ค่อยมีเวลาให้แต่เราเป็นคนที่ไม่กินไม่เที่ยวทำงานแล้วก็เข้าบ้านเราก็เลยอยู่ได้เค้าให้เราทำแค่กับข้าวทำงานบ้านแค่นั้นเขาคอยเป็นห่วงเป็นใยขาดเหลืออะไรเค้าก็เติมให้ตลอดไม่เคยให้เราขาดเพราะเค้าคงคิดว่าเราเจอเรื่องร้ายมาเยอะจนวันนี้คบกันมาก็เกือบจะห้าปีแล้วทุกอย่างยังเหมือนเดิมเค้ายังดูเลยทุกอย่างเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแต่มันพิ้งอยู่อย่างหนึ่งคือตอนที่เรากลับบ้านไปเจอลูกชายคนที่แม่ย่าคนเก่าเคยดูถูกไว้ว่าเราไม่มีปัญญาเลี้ยงลูกเราเค้าตกใจมากที่เห็นเราครั้งแรกพร้อมกับแฟนของเราที่เป็นทอมคนนี้เค้าคงไม่คิดว่าเราจะมีหน้าที่การงานที่ดีเจอคนที่ดีมีชีวิตที่ดีขึ้นเราไปหาลูกลูกเราเค้าแทบไม่กล้ามองหน้าทั้งพ่อทั้งแม่ของแฟนเก่า เค้าคงอายคำพูดที่เคยดูถูกเราไว้ส่วนแฟนเก่าวันนั้นก็เจอกันโดยบังเอิญเพราะเค้าก็กลับช่วงเทศกาลแฟนเราไม่กล้ามองหน้าเราและขับรถออกนอกบ้านไปเลยหลังจากนั้นเราก็กลับจากบ้านนอกมาทำงานแม่แฟนเก่าโทรเข้ามาบอกให้เราไปคืนดีกับลูกชายเค้า เราเลยตอบไปว่ามันคงเป็นไปไม่ได้เพราะเราเดินออกมาแล้วเราจะไม่เดินถอยหลังกลับไปที่ขาดและสิ่งที่ทุกคนดูถูกเราไม่เคยลืมทุกวันนี้เรารู้สึกว่าแม่ และลูกเราคือสิ่งที่สำคัญกับเราที่สุดต้องขอบคุณแฟนคนปัจจุบันนี้ที่รักในสิ่งที่เราเคยเป็นมาไม่รังเกียจว่าเราจะมีครอบครัวมาแล้วมีลูกมาแล้วและมันสามารถทำให้หลายหลายคนเชื่อว่าการที่เรารู้จักคนคนหนึ่งผ่านทางโซเชียลมันก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดีมันอยู่ที่ว่าเราจะเจอคนแบบไหนแต่ในแบบของเราคือเราเจอคนที่ดีและรักเราจริงก็เลยเป็นโชคดีของเราไป ที่ทำให้เรามาเจอคนดีๆแบบเค้าคนนี้