หมายเหตุ: กระทู้นี้ระบายในมุมมองของคนเป็นลูกนะคะ
หมายเหตุ2: ตั้งชื่อผิด (ขออภัยพิมพ์ในมือถือ) ต้องเป็น โดนพ่อแม่ไล่ออกบ้าน ไม่ใช่โอนนะคะ
ปูพื้นฐานหลายๆด้านก่อนนะคะ
-พักหลังมาเราไม่อยากกลับบ้านค่ะ รู้สึกกลับไปแล้วไม่อบอุ่น เริ่มเป็นช่วงปี3จะขึ้นปี4 พอจะกลับ(ในความคิด แบบว่าอาทิตย์นี้หยุด กลับบ้านบ้างดีกว่า) พ่อแม่จะโทรมาช่วงตอนเย็นเสมอ สอบถามสารทุกข์สุกดิบ จะมีประโยคประมาณนี้เสมอ
อยู่ที่ไหน—อยู่บ้านแฟน (พ่อแม่รู้ พ่อแม่แฟนรู้และยินดี)
ทำอะไร—กินข้าวเย็นค่ะ พ่อพี่เขาชวนมา
ดีเนอะ บ้านเราไม่เคยมากิน เขาคงเลี้ยงดูดี
เราเลยอารมณ์เสียไม่กลับบ้านค่ะ ในความคิดเราคืออยากให้กลับก็พูดดีๆ ไม่ต้องประชดก็ได้ พอโดนพูดแบบนี้ ประมาณนี้บ่อยๆมันรู้สึกเสียใจ และตอนกลับบ้านไป บ้านเราเป็นร้านขายของ พ่อแม่จะให้เราเฝ้าร้าน (เฝ้ามาแต่เด็ก ปกติ) แล้วก็จะออกไปข้างนอก แม่ชอบไปสวน ไปตลาดพูดคุยกับคนอื่น พ่อไปกินเหล้าบ้านเพื่อนๆ เพราะเป็นหมู่บ้านเล็กๆเลยสนิมกัน เราเลยรู้สึกว่า กลับมาทำไม?
-เรื่องเรียน เราไม่ได้อยากตั้งใจเรียนคะ แต่ตอนแรกเราดันอ่านหนังสือ ใช่ค่ะ เราดันอ่านหนังสือ เพราะตื่นเต้นกับการเข้ามหาลัย เราไม่สนใจเรื่องเรียน แต่ก็ไม่ถีงกับติด ร มส 0 เกรดมัทธยมปานกลาง แล้วทีนี้เข้ามหาลัย ตื่นเต้นไง เป็นเด็กใหม่ ไฟกำลังมี อ่านหนังสือแล้วดันท็อปทุกวิชา เอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อแม่เพราะอยากให้เขาชม เขาก็ชมปกติ แต่พอหลังๆมาเราเริ่มหมดไฟค่ะ (มาตรวจทีหลังรู้ว่าเป็นโรคซึมเศร้า ตอน ปี4 เพราะความคิดฆ่าตัวตายตลอด) พอเริ่มหมดไฟ การอ่านหนังสือคือความทรมานของเรามาก พ่อแม่ก็ชอบโทรมาว่าสอบหรอ พยายามเข้านะ พ่อแม่’เชื่อ’ว่าลูกต้องได้ท็อปอีก ลูกเก่งจะตาย นี่ข้างบ้าน(อีกละ)เขาก็ชมว่าลูกเก่ง —-มันเลยกดดันให้เราอ่านหนังสือคะ และท็อปมาตลอด เกรด 3.8x พลาดวิชาสังคม D+ (ตอนประมาณปี2)เพราะอาจารย์บอกข้อสอบผิด ได้ D+ทั้งคลาส ถามเพื่อนมาแล้ว
คราวนี้เกียรตินิยมอันดับ1คือปลิวไปเลยค่ะ อม่ก็บอกกับเราว่าไม่เป็นไร แต่แม่เชื่อว่าลูกแม่ทำได้ดีกว่านี้ เราก็แบบ ได้เกรด A มาตลอด แม่จะเอาดีกว่านี้อีกหรอ
-เรากู้ กยศ ค่ะ และเอาเงินเก็บไว้หากเดือนไหนที่บ้านไม่พอจ่าย และที่เรางงมากคือเขาลดค่าขนมเรา (บ้านเราฐานนะกลางๆนะคะ พอมีพอใช้)
ปี1ให้อาทิตย์ละ1500 ไม่รวมค่าหอ ค่าครีม ค่าอุปกรณ์เครื่องใช้ ค่าอื่นๆ
ปี 2 ลดเหลืออาทิตย์ละ 1000 ด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องส่งเงินให้พี่ชายแท้ๆของเรา ซึ่งภรรยาเขาคบอดลูก เป็นอะไรที่ วดฟ มากเลยค่ะ เราถามเลยนะคะว่าถ้าไม่มีเงินเลี้ยงจะมีลูกทำไม แล้วได้คำตอบมาว่า ก็หลานตัวเอง ให้ไปจะอะไรนักหนา โตมาหล่นมันอาจจะเลี้ยงเราก็ได้ —กรอกต่อยู่สิบตลบแล้ววางสายเลยค่ะ
และนี่คือเหตุผลที่เรากู้ กยศ ส่วนหนึ่งเพราะครอบครัวให้เอาเงินที่ กยศ โอนมาให้ไปทบกับที่เขาหักไปจ่ายค่านมหลาน ผ้าอ้อม ของใช้ บลาๆๆ แต่เรางกค่ะ เราได้มาก็เก็บไว้ จากนั้นแม่มาถามยืม เราก็ให้ไปคิดว่าเขาคงลำบาก มารู้ทีหลังว่าเอาไปให้คนอื่นยืม และไม่คืนเราเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาจ่ายให้เรามาเยอะแล้ว + ทะเลาะกันเรื่องรับปริญญา
มาถึงตอนพีค คือแม่ทักมาบอกว่าเป็นพังผืดที่หลัง อาจจะต้องผ่าตัด เราเลยบอกว่างั้นไม่รับปริญญาแล้ว เก็บเงิบไว้รักษาดีกว่า แม่ก็โวยวายว่าจะให้รับ มันจำเป็นนะ (ก็งงว่าตำเป็นยังไง แต่รู้แหละว่าอยากได้รูปไปอวดชาวบ้าน เพราะตอนพี่เราจบก็รอบหนึ่งละ แทบประกาศบ้านพ่อหลวง)
ก็ทะเลาะกัน สักพักก็ดีกัน แต่มีคำหนึ่งที่เขาพูดกับเราคือ
ไม่คิดว่าลูกเขาจะมีความคิดแบบนี้ เสียใจมากที่ลูกคิดแบบนี้—ไม่รับปริญญาเนี่ยนะ?
มาพีคที่เราไปทำเรื่องจบที่มหาลัย (เรามาทำงานต่างจังหวัดใกล้ๆ ไป-กลับระหว่าง ม. 8ชม)
ก่อนไป—บอกแม่ว่าไป พน นะ ก็โอเค
วันไปทำเรื่อง—ผ่านไปด้วยดี แต่ตกดึกเราทะเลาะกับแฟน เขาเลยขับรถมาหา มารับเราตอนเครียกันเสร็จ(อันนี้ยอมใจมาก ขับมาตอนเที่ยงคืน ถึงที่ รร เราตอนตี3-4) คุยกันว่ากลับเลยละกัน เพราะตั๋วรถ พน เต็ม
เช้าวันต่อมา— ขับรถไปได้ครึ่งทาง แม่ทักว่าจะมาหาที่ ม. เราส่งรูปไปว่าอยู่กลางทางแล้ว จะกลับคอนโแล้ว แม่ก็บึ้มใส่ หาว่าเราติดเพื่อน(แฟน) บอกว่ารับปริญญาไม่ต้องเอาพ่อแม่ไปนะ เอาเพื่อนเธอไป แล้วก็บอกให้เราไปเอาชื่ออกจากทะเบียนบ้าน ไปเปลี่ยนนามสกุล
เราก็โอเค ก็ได้ เอาที่แม่สบายใจ เลยขอเงินที่แม่ยืมคืนไป แม่บอกไม่ให้ เพราะให้มาเยอะแล้ว
แล้วก็ให้พ่อไลน์มาด่าซ้ำว่า ควาย เอิ่ม...ตอนนี้ขาดการติดต่อมา 2-3เดือนแล้ว
ตอนนี้ที่เรางงคือ เรากลับคอนโดเพื่อไปทำงานต้อ เขาหาว่าเราไม่เอาเขา แต่ตอนกลางคืนที่โทรถามสารทุกสุกดิบกลับไม่บอกว่าจะมาที่ ม. มาบอกตอนเราออกมาแล้ว พอเราออกมาก็โวยวาย แล้วก็ยาวแบบงงๆ
มาระบายให้ฟังค่ะ ว่าทุกครอบครัวไม่ได้อบอุ่นเสมอไป พ่อแม่ดูแลเราดีค่ะ แต่เราไม่รู้สึกอบอุ่นหรือคุ้นเคยกับท่านเลย รู้สึกไม่ดีพอเท่าพี่ชาย
เราเคยถามนะคะก่อนขึ้นปี1 ว่าทำไมให้เงินเราน้อย แล้วตอนสมัยพี่เรียนทำไมได้เยอะ เพราะเราเป็นคนโอนเงินให้(พ่อแม่ทำไม่เป็น) เรารู้ยอดเงินหมด แม่ตอบว่า พี่ต้องเลี้ยงสาวค่ะ(พี่ชายเราค่อยข้างเจ้าชู้ จากการที่พา ผญ มาบ้านบ่อยๆ) เราก็เงิบ...พอมาคิดตอนไปปรึษาจิตแพทย์ ถึงกับอิหยั่งว่ะเลยค่ะ 555
ที่จริงมีแชทที่คุยกันอยู่ แต่เป็นภาษาเหนือ ลงรูปไม่ได้เพราะไม่ได้ยืนยันตัวตน เลยเล่าให้ฟังคร่าวๆในมุมมองของเราค่ะ ไม่ได้จะโทษท่านซะหมดนะคะ เพราะเราเองก็ดื้อแหละ เราชอบอยู่คนเดียวไม่ชอบให้ใครมายุ่ง ชอบแต่งนิยาย ฟังเพลง พอมีคนมารุกลล้ำ หรือบอกว่าทำไปทำไม ทำแล้วได้อะไรมันก็จะหงุดหงิด เราก็จะประชดโดยการไม่ตอบไลน์ ไม่รับมือถือ อะไรประมาณนี้
อีกเรื่องคือพ่อแม่อยากให้เรากับพี่เป็นข้าราชการมาก ซึ่งเราไม่อินกับการทำงานตามคำสั่ง หรือตามระบบ เราทำตามอารมณ์ แต่ถ้าจะให้ทำ ทำได้นะคะ แต่งานออกมาห่วยแน่นอน และตอนทำเราจะหงุดหงิดมาก ห้ามเข้าใกล้เลย ไม่งั้นเหวี่ยง และด้วยความอยากให้เราเป็นเขาก็จะถามตลอดว่าได้ตามเรื่องสอบมั้ย เขามีเปิดสอบ ไปสอบดูมั้ย ถ้าตั้งแต่เรียนไม่จบยันเรียนจบ และตำแหน่งที่ให้ไปสอบก็พวกธุรการ ซึ่งเราเรียนออกแบบ มันคนละอัน เราก็อธิบายแล้วเขาก็ตอบว่าลองดูก่อน อาจจะติด ใครๆก็ไปกัน
โอ้ยยยยยยยยย
จริงๆมีอีกหลายเริ่องนะคะ แต่เราลืม มันเป็นอาการอะไรก็ไม่รู้ ชอบลืมถ้าไม่ฝังใจ คิดว่าอสจจะเกี่ยวกับสารเคมีในสมองที่เป็นด้วย (มีความรู้มาแชร์กันหน่อยนะคะ)
ตอนนี้จอจบก่อน เพราะไมเกรนยิ่งขึ้น 555 กินชาไข่มุกแปป
โอนพ่อแม่ไล่ออกบ้ารเพราะไม่รับปริญญา5555
หมายเหตุ2: ตั้งชื่อผิด (ขออภัยพิมพ์ในมือถือ) ต้องเป็น โดนพ่อแม่ไล่ออกบ้าน ไม่ใช่โอนนะคะ
ปูพื้นฐานหลายๆด้านก่อนนะคะ
-พักหลังมาเราไม่อยากกลับบ้านค่ะ รู้สึกกลับไปแล้วไม่อบอุ่น เริ่มเป็นช่วงปี3จะขึ้นปี4 พอจะกลับ(ในความคิด แบบว่าอาทิตย์นี้หยุด กลับบ้านบ้างดีกว่า) พ่อแม่จะโทรมาช่วงตอนเย็นเสมอ สอบถามสารทุกข์สุกดิบ จะมีประโยคประมาณนี้เสมอ
อยู่ที่ไหน—อยู่บ้านแฟน (พ่อแม่รู้ พ่อแม่แฟนรู้และยินดี)
ทำอะไร—กินข้าวเย็นค่ะ พ่อพี่เขาชวนมา
ดีเนอะ บ้านเราไม่เคยมากิน เขาคงเลี้ยงดูดี
เราเลยอารมณ์เสียไม่กลับบ้านค่ะ ในความคิดเราคืออยากให้กลับก็พูดดีๆ ไม่ต้องประชดก็ได้ พอโดนพูดแบบนี้ ประมาณนี้บ่อยๆมันรู้สึกเสียใจ และตอนกลับบ้านไป บ้านเราเป็นร้านขายของ พ่อแม่จะให้เราเฝ้าร้าน (เฝ้ามาแต่เด็ก ปกติ) แล้วก็จะออกไปข้างนอก แม่ชอบไปสวน ไปตลาดพูดคุยกับคนอื่น พ่อไปกินเหล้าบ้านเพื่อนๆ เพราะเป็นหมู่บ้านเล็กๆเลยสนิมกัน เราเลยรู้สึกว่า กลับมาทำไม?
-เรื่องเรียน เราไม่ได้อยากตั้งใจเรียนคะ แต่ตอนแรกเราดันอ่านหนังสือ ใช่ค่ะ เราดันอ่านหนังสือ เพราะตื่นเต้นกับการเข้ามหาลัย เราไม่สนใจเรื่องเรียน แต่ก็ไม่ถีงกับติด ร มส 0 เกรดมัทธยมปานกลาง แล้วทีนี้เข้ามหาลัย ตื่นเต้นไง เป็นเด็กใหม่ ไฟกำลังมี อ่านหนังสือแล้วดันท็อปทุกวิชา เอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อแม่เพราะอยากให้เขาชม เขาก็ชมปกติ แต่พอหลังๆมาเราเริ่มหมดไฟค่ะ (มาตรวจทีหลังรู้ว่าเป็นโรคซึมเศร้า ตอน ปี4 เพราะความคิดฆ่าตัวตายตลอด) พอเริ่มหมดไฟ การอ่านหนังสือคือความทรมานของเรามาก พ่อแม่ก็ชอบโทรมาว่าสอบหรอ พยายามเข้านะ พ่อแม่’เชื่อ’ว่าลูกต้องได้ท็อปอีก ลูกเก่งจะตาย นี่ข้างบ้าน(อีกละ)เขาก็ชมว่าลูกเก่ง —-มันเลยกดดันให้เราอ่านหนังสือคะ และท็อปมาตลอด เกรด 3.8x พลาดวิชาสังคม D+ (ตอนประมาณปี2)เพราะอาจารย์บอกข้อสอบผิด ได้ D+ทั้งคลาส ถามเพื่อนมาแล้ว
คราวนี้เกียรตินิยมอันดับ1คือปลิวไปเลยค่ะ อม่ก็บอกกับเราว่าไม่เป็นไร แต่แม่เชื่อว่าลูกแม่ทำได้ดีกว่านี้ เราก็แบบ ได้เกรด A มาตลอด แม่จะเอาดีกว่านี้อีกหรอ
-เรากู้ กยศ ค่ะ และเอาเงินเก็บไว้หากเดือนไหนที่บ้านไม่พอจ่าย และที่เรางงมากคือเขาลดค่าขนมเรา (บ้านเราฐานนะกลางๆนะคะ พอมีพอใช้)
ปี1ให้อาทิตย์ละ1500 ไม่รวมค่าหอ ค่าครีม ค่าอุปกรณ์เครื่องใช้ ค่าอื่นๆ
ปี 2 ลดเหลืออาทิตย์ละ 1000 ด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องส่งเงินให้พี่ชายแท้ๆของเรา ซึ่งภรรยาเขาคบอดลูก เป็นอะไรที่ วดฟ มากเลยค่ะ เราถามเลยนะคะว่าถ้าไม่มีเงินเลี้ยงจะมีลูกทำไม แล้วได้คำตอบมาว่า ก็หลานตัวเอง ให้ไปจะอะไรนักหนา โตมาหล่นมันอาจจะเลี้ยงเราก็ได้ —กรอกต่อยู่สิบตลบแล้ววางสายเลยค่ะ
และนี่คือเหตุผลที่เรากู้ กยศ ส่วนหนึ่งเพราะครอบครัวให้เอาเงินที่ กยศ โอนมาให้ไปทบกับที่เขาหักไปจ่ายค่านมหลาน ผ้าอ้อม ของใช้ บลาๆๆ แต่เรางกค่ะ เราได้มาก็เก็บไว้ จากนั้นแม่มาถามยืม เราก็ให้ไปคิดว่าเขาคงลำบาก มารู้ทีหลังว่าเอาไปให้คนอื่นยืม และไม่คืนเราเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาจ่ายให้เรามาเยอะแล้ว + ทะเลาะกันเรื่องรับปริญญา
มาถึงตอนพีค คือแม่ทักมาบอกว่าเป็นพังผืดที่หลัง อาจจะต้องผ่าตัด เราเลยบอกว่างั้นไม่รับปริญญาแล้ว เก็บเงิบไว้รักษาดีกว่า แม่ก็โวยวายว่าจะให้รับ มันจำเป็นนะ (ก็งงว่าตำเป็นยังไง แต่รู้แหละว่าอยากได้รูปไปอวดชาวบ้าน เพราะตอนพี่เราจบก็รอบหนึ่งละ แทบประกาศบ้านพ่อหลวง)
ก็ทะเลาะกัน สักพักก็ดีกัน แต่มีคำหนึ่งที่เขาพูดกับเราคือ
ไม่คิดว่าลูกเขาจะมีความคิดแบบนี้ เสียใจมากที่ลูกคิดแบบนี้—ไม่รับปริญญาเนี่ยนะ?
มาพีคที่เราไปทำเรื่องจบที่มหาลัย (เรามาทำงานต่างจังหวัดใกล้ๆ ไป-กลับระหว่าง ม. 8ชม)
ก่อนไป—บอกแม่ว่าไป พน นะ ก็โอเค
วันไปทำเรื่อง—ผ่านไปด้วยดี แต่ตกดึกเราทะเลาะกับแฟน เขาเลยขับรถมาหา มารับเราตอนเครียกันเสร็จ(อันนี้ยอมใจมาก ขับมาตอนเที่ยงคืน ถึงที่ รร เราตอนตี3-4) คุยกันว่ากลับเลยละกัน เพราะตั๋วรถ พน เต็ม
เช้าวันต่อมา— ขับรถไปได้ครึ่งทาง แม่ทักว่าจะมาหาที่ ม. เราส่งรูปไปว่าอยู่กลางทางแล้ว จะกลับคอนโแล้ว แม่ก็บึ้มใส่ หาว่าเราติดเพื่อน(แฟน) บอกว่ารับปริญญาไม่ต้องเอาพ่อแม่ไปนะ เอาเพื่อนเธอไป แล้วก็บอกให้เราไปเอาชื่ออกจากทะเบียนบ้าน ไปเปลี่ยนนามสกุล
เราก็โอเค ก็ได้ เอาที่แม่สบายใจ เลยขอเงินที่แม่ยืมคืนไป แม่บอกไม่ให้ เพราะให้มาเยอะแล้ว
แล้วก็ให้พ่อไลน์มาด่าซ้ำว่า ควาย เอิ่ม...ตอนนี้ขาดการติดต่อมา 2-3เดือนแล้ว
ตอนนี้ที่เรางงคือ เรากลับคอนโดเพื่อไปทำงานต้อ เขาหาว่าเราไม่เอาเขา แต่ตอนกลางคืนที่โทรถามสารทุกสุกดิบกลับไม่บอกว่าจะมาที่ ม. มาบอกตอนเราออกมาแล้ว พอเราออกมาก็โวยวาย แล้วก็ยาวแบบงงๆ
มาระบายให้ฟังค่ะ ว่าทุกครอบครัวไม่ได้อบอุ่นเสมอไป พ่อแม่ดูแลเราดีค่ะ แต่เราไม่รู้สึกอบอุ่นหรือคุ้นเคยกับท่านเลย รู้สึกไม่ดีพอเท่าพี่ชาย
เราเคยถามนะคะก่อนขึ้นปี1 ว่าทำไมให้เงินเราน้อย แล้วตอนสมัยพี่เรียนทำไมได้เยอะ เพราะเราเป็นคนโอนเงินให้(พ่อแม่ทำไม่เป็น) เรารู้ยอดเงินหมด แม่ตอบว่า พี่ต้องเลี้ยงสาวค่ะ(พี่ชายเราค่อยข้างเจ้าชู้ จากการที่พา ผญ มาบ้านบ่อยๆ) เราก็เงิบ...พอมาคิดตอนไปปรึษาจิตแพทย์ ถึงกับอิหยั่งว่ะเลยค่ะ 555
ที่จริงมีแชทที่คุยกันอยู่ แต่เป็นภาษาเหนือ ลงรูปไม่ได้เพราะไม่ได้ยืนยันตัวตน เลยเล่าให้ฟังคร่าวๆในมุมมองของเราค่ะ ไม่ได้จะโทษท่านซะหมดนะคะ เพราะเราเองก็ดื้อแหละ เราชอบอยู่คนเดียวไม่ชอบให้ใครมายุ่ง ชอบแต่งนิยาย ฟังเพลง พอมีคนมารุกลล้ำ หรือบอกว่าทำไปทำไม ทำแล้วได้อะไรมันก็จะหงุดหงิด เราก็จะประชดโดยการไม่ตอบไลน์ ไม่รับมือถือ อะไรประมาณนี้
อีกเรื่องคือพ่อแม่อยากให้เรากับพี่เป็นข้าราชการมาก ซึ่งเราไม่อินกับการทำงานตามคำสั่ง หรือตามระบบ เราทำตามอารมณ์ แต่ถ้าจะให้ทำ ทำได้นะคะ แต่งานออกมาห่วยแน่นอน และตอนทำเราจะหงุดหงิดมาก ห้ามเข้าใกล้เลย ไม่งั้นเหวี่ยง และด้วยความอยากให้เราเป็นเขาก็จะถามตลอดว่าได้ตามเรื่องสอบมั้ย เขามีเปิดสอบ ไปสอบดูมั้ย ถ้าตั้งแต่เรียนไม่จบยันเรียนจบ และตำแหน่งที่ให้ไปสอบก็พวกธุรการ ซึ่งเราเรียนออกแบบ มันคนละอัน เราก็อธิบายแล้วเขาก็ตอบว่าลองดูก่อน อาจจะติด ใครๆก็ไปกัน
โอ้ยยยยยยยยย
จริงๆมีอีกหลายเริ่องนะคะ แต่เราลืม มันเป็นอาการอะไรก็ไม่รู้ ชอบลืมถ้าไม่ฝังใจ คิดว่าอสจจะเกี่ยวกับสารเคมีในสมองที่เป็นด้วย (มีความรู้มาแชร์กันหน่อยนะคะ)
ตอนนี้จอจบก่อน เพราะไมเกรนยิ่งขึ้น 555 กินชาไข่มุกแปป