คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
เรามีประสบการณเฉียดตายเมื่อสองปีที่แล้ว ระหว่างการทำบอลลูนหัวใจ ตอนนั้นเรามีสติรู้ตัวอยู่ รู้อยู่ว่าหมอแยงลวดเข้าไปที่หัวใจแล้ว แต่มองไม่เห็นจอมอนิเตอร์เพราะตัวเซนเซอร์บังจอไว้ ตอนนั้นรู้สึกใจสั่นมากรู้สึกหัวใจเต้นเร็วและแรง แต่ก็อดกลั้นไว้ไม่บอกหมอ ด้วยคิดว่าอีกสักแป้บคงจะทำเสร็จ(เหมือนเส้นแรกที่ใช้เวลาทำประมาณ5นาทีเอง) แต่คราวนี้หมอใช้เวลานานมากขึ้นไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จ ใจก็สั่นมากขึ้นจนคิดว่าน่าจะต้องบอกหมอแล้ว เลยบอกหมอไปว่ารู้สึกใจสั่นมาก หมอก็รับทราบและสั่งทีมงานให้ทำอะไรต่อมิอะไร เราก็ทนทำต่อ วางใจว่าหมอคงช่วยเราได้อยู่แล้ว ที่ไหนได้สักพักก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงมากๆ รู้สึกมือเย็นตีนเย็น รู้สึกเหมือนขี้จะแตก และรู้สึกถึงก้อนพลังงาน(อาจเป็นวิญญาณ)ลมรูปร่างดัมเบลล์กำลังก่อตัวในหัวเหมือนกำลังจะทะลุทะลวงหัวออกไป วินาทีนั้นคิดว่านี่เรากำลังจะตายแน่เลย เราเป็นคนทำสมาธิเป็นอยู่แล้ว วินาทีนั้นเหมือนชั่งน้ำหนักว่า จะตายดีไหม?หรืออยู่ต่อดี ตัดสินใจว่าอยู่ต่อแล้วกัน เลยบอกหมอไปอีกครั้งว่า ผมรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากครับหมอ หมอรับทราบและสั่งงานอะไรต่อมิอะไร แล้วหมอบอกเราว่า เดี๋ยวจะให้ยานอนหลับนะ ถ้าหลับได้ให้หลับเสีย ครับ เราตอบไป ขณะเดียวกันก็ปล่อยวางว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ปล่อยวางสติเพือที่จะหลับ(ความจริงเรามีนิมิตล่วงหน้าว่ายังทำกิจกรรมอยู่ มั่นใจว่าตัวเองยังไม่ตาย) หลังจากนี้ก็ไม่รู้อะไรอีกเลย มารู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนลืมตาปิ้งในห้องพักฟื้น เห็นญาติที่เยี่ยมอยู่ในห้อง ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นตอนลืมตามารับรู้ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหุ่นยนต์ที่เพิ่งซ่อมแซมเสร็จ ประมาณนั้น
(มาทราบทีหลังว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างที่เราหลับไป ตอนที่เราหัวใจจะวายเปรียบเหมือนเครื่องยนต์ที่เร่งเครื่องเร็วเต็มที่แล้วเครื่องก็จะน้อคดาว์นดับไป หมอต้องดับเครื่องยนต์ด้วยการให้ยานอนหลับและอื่นๆ ปรากฏว่าเราต้องใช้ยานอนหลับมากถึงสี่เท่าของคนปรกติ ตอนนั้นหัวใจหยุดเต้นแล้ว ต้องทำPCRซ้ำอีกสองครั้ง หัวใจถึงกลับมาทำงานใหม่ แล้วหมอก็ทำบอลลูนต่อจนเสร็จ เป็นจ้อบที่หมอบอกว่า เหนื่อย.....ขอขอบคุณคุณหมอ อิศรา สันตอรรณพ)
มีอีกประสบการณ์ ที่ จิตไม่รับรู้ว่ามีร่าง ประสบการณ์นี้ได้มาจากการวิปัสสนาปลงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา กับเวทนาที่ปรากฏกับร่างกายที่นั่งสมาธิอยู่ ใช้เวลาต่อเนื่องนานมากถึงสี่ชั่วโมง แล้วตอนที่จิตแยกออกจากร่างแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นคล้ายเป็น ดาวดวงหนึ่งที่ไร้ร่างมีแต่แสงและสุขและอิสรภาพเป็นอนันต์ในเอกภพ
ทั้งสองประสบการณ์ เรายังไมได้”สมองตาย”จริงๆ
น่าคิดว่า ที่สตีเฟน ฮอว์กกื้ง เปรียบว่า คนตายก็เหมือนคอมพิวเตอร์ที่เสีย จะใช่ไหม?
(มาทราบทีหลังว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างที่เราหลับไป ตอนที่เราหัวใจจะวายเปรียบเหมือนเครื่องยนต์ที่เร่งเครื่องเร็วเต็มที่แล้วเครื่องก็จะน้อคดาว์นดับไป หมอต้องดับเครื่องยนต์ด้วยการให้ยานอนหลับและอื่นๆ ปรากฏว่าเราต้องใช้ยานอนหลับมากถึงสี่เท่าของคนปรกติ ตอนนั้นหัวใจหยุดเต้นแล้ว ต้องทำPCRซ้ำอีกสองครั้ง หัวใจถึงกลับมาทำงานใหม่ แล้วหมอก็ทำบอลลูนต่อจนเสร็จ เป็นจ้อบที่หมอบอกว่า เหนื่อย.....ขอขอบคุณคุณหมอ อิศรา สันตอรรณพ)
มีอีกประสบการณ์ ที่ จิตไม่รับรู้ว่ามีร่าง ประสบการณ์นี้ได้มาจากการวิปัสสนาปลงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา กับเวทนาที่ปรากฏกับร่างกายที่นั่งสมาธิอยู่ ใช้เวลาต่อเนื่องนานมากถึงสี่ชั่วโมง แล้วตอนที่จิตแยกออกจากร่างแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นคล้ายเป็น ดาวดวงหนึ่งที่ไร้ร่างมีแต่แสงและสุขและอิสรภาพเป็นอนันต์ในเอกภพ
ทั้งสองประสบการณ์ เรายังไมได้”สมองตาย”จริงๆ
น่าคิดว่า ที่สตีเฟน ฮอว์กกื้ง เปรียบว่า คนตายก็เหมือนคอมพิวเตอร์ที่เสีย จะใช่ไหม?
แสดงความคิดเห็น
จิตที่ออกจากร่างเป็นยังไง
ใครที่มีประสบการณ์ก็ช่วยบอกเล่าเพื่อเป็นวิทยาทานด้วยครับ
ขอบคุณครับ