เศรษฐกิจแย่ไม่มีจริง ที่จริงคือเราเองที่ไม่ปรับตัว?

วันนี้มีโอกาสได้ไปกินข้าวกับเพื่อน ได้ยินประโยคนี้มาอีกที คนที่บอกมาทำอาชีพตกแต่งภายในบอกว่าทุกวันนี้รับงานไม่ทันแล้ว ส่วนตัวเราทำอาชีพค้าขายมีหน้าร้านและพยายามปรับตัวไปขายออนไลน์ หน้าร้านยอดขายลดลงไปครึ่งนึง ส่วนในออนไลน์ขายไปก็ไม่ค่อยได้อะไร เพราะคนในออนไลน์ขายกันถูกมากจนไม่ค่อยเห็นกำไรเท่าไหร่ เลยอยากรู้ว่าคนทำอาชีพอื่นคิดเห็นกันว่าอย่างไร
#แท็กผิดขออภัย

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
คำว่าปรับตัว ผมว่ามันใช้ได้กับคนที่มีเงินแล้ว มีทุนสำรองที่จะเริ่มต้นใหม่ หรือ กระจายความเสี่ยงไปหมดแล้ว  และพูดอะไรก็ไม่ต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเองเพราะตัวเองได้รับผลกระทน้อย หรือ อาจจะไม่ได้เลย
ผมเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้เดือนร้อนเรื่องนี้แต่อยากแชร์มุมมอง

มองไปรอบตัว เศรษฐกิจโลกเป็นอย่างไรครับ ตีกันรุนแรง อยากจะคว่ำโต๊ะล้างไพ่กัน เยอรมันที่ว่าแข็งๆยังถดถอย ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าขนาดรัฐบาลกำลังร่อแร่เหมือนกัน  มันก็คงไม่แปลกที่หลายคนก็คงเป็นเหมือนกัน การปรับตัวทุกคนทำอยู่แล้วเพื่อเอาชีวิตรอด แต่ การหาช่องทางธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จมันก็เหมือนหาเพชรในตม
ทุกคนทำธุรกิจ มีสำเร็จมีล้มเหลว คนที่มองเห็นโอกาสเท่านั้นถึงจะรอด ถึงจะสำเร็จ
แต่วิสัยทัศน์มันมาจากประสบการณ์ ความรู้ ล้วนๆ รวมๆไปถึงโอกาสที่มองไม่เห็นที่เข้ามา ซึ่งมันไม่สามารถมีกันได้ทุกคน บางคนพยายามแค่ไหนก็หาไม่เจอ  และถ้ามีกันได้ทุกคน ทั้งโลกคงไม่มีคนจน คงมีแต่คนที่เท่าเทียมกัน

ผมอยากจะแนะนำ จขกท ว่าอะไรที่คนทำเยอะๆอย่าไปทำ ส่วนอะไรที่ผลิตได้เองต้องพยายามให้คนอื่นทำเลียนแบบไม่ได้
และถ้าทำอาชีพรับมาขายไปสินค้าธรรมดาๆ อยากให้เลิก เพราะคงต้องชนกับจีน คู่แข่งระดับพระกาฬ
ป.ล อีกเรื่องคือ รัฐบาลตอนนี้ค่อนข้างรีดภาษีแทบทุกทาง แต่นโยบายแต่ละอย่างที่จะเอาเงินพวกเราไปลงนี่บอกตรงๆว่ารับไม่ได้ มันไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้นเลย แถมมันจะพังขึ้นไปอีก
ความคิดเห็นที่ 49
ให้นึกถึงบ่อปลา ที่มีคนเอาอาหารปลามาโปรยตรงสะพาน

อาหารมันไม่ได้หายไปไหน แต่มันกระจุกตัว และจะมีเฉพาะปลาตัวใหญ่เท่านั้น ที่ได้อาหาร

สำหรับปลาตัวเล็กที่ปกติกินอึของปลาตัวใหญ่ต่ออีกที หรือ ปรับตัวไปกินอึ ก็จะไม่มีปัญหา

ปัญหาจะเกิดกับปลาตัวเล็กที่ไม่ปรับตัว

สิ่งที่จะเกิดต่อไป คือ ปลาตัวใหญ่ ก็จะใหญ่ขึ้น และ Too big to let it die

ปลาตัวเล็กที่ไม่ปรับตัวไปกินอึ จะตายก่อน

จากนั้น ปลาที่ปรับตัวไปกินอึ จะเริ่มลำบาก เพราะ อึ มีเท่าเดิม แต่ ปลาที่มากินอึ มีเยอะขึ้น

ในที่สุด ปลาเล็กทุกตัวที่เหลืออยู่ ก็จะกลายเป็น อาหารปลาตัวใหญ่ ไม่ก็ตายไป

และเพราะ ปลาตัวใหญ่ Too big to be fail ดังนั้น คนดูแลบ่อ ก็จะบำรุงแต่ปลาตัวใหญ่ ต่อไป

แล้วไปเอาปลาตัวเล็ก จากบ่ออื่น มาปล่อยแทน จะได้มีตัวกินอึ รักษาวัฏจักของบ่อให้สมดุล

ปัญหาจึงไม่ได้แก้ ที่ให้ปลาตัวเล็ก ปรับตัว แต่แก้ที่ คนให้อาหาร ต้องหว่าน อาหารให้ทั่วบ่อ

ขึ้นรถเมล์ร้อน 10 บาท ยังบ่นได้ จ่ายเงินซื้อข้าวแกงแพงขึ้น 5 บาท ก็ยังบ่น
แล้วทำไมจ่ายภาษี VAT 7%, ภาษีต่างๆ มากมาย เยอะแยะกว่านั้น จะบ่นเรื่องนี้แบบนี้ไม่ได้
คนที่หากินกับพนักงาน Office, ข้าราชการ จะยังไม่เจอ ปัญหา เพราะ ที่สุดแล้ว คนเราก็ต้องกินต้องใช้ และคนกลุ่มนี้ ยังไม่รู้สึกถึงปัญหา
จนถึงจุดๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นจุดหมายต่อไป ที่ค่าครองชีพทุกอย่างแพงไปหมด กระทั่ง คนกลุ่มนี้ก็กระทบ
ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะยังคิดแบบเดิมอยู่หรือเปล่าว่าให้ปรับตัว
ความคิดเห็นที่ 10
ประชาชนเอาตัวรอดได้เองเป็นเรื่องดี

แต่รัฐบาลมีหน้าที่ซัพพอร์ทคนที่ไม่พร้อมขนาดนั้น
ไม่ว่าจะไม่พร้อมด้วยความรู้ ความสามารถ โอกาส หรืออื่นๆ

ซัพพอร์ทคนที่ไม่พร้อม สนับสนุนคนที่พร้อมให้ก้าวไปได้ไกล
ถ้าประชาชนต้องดิ้นรนกันเอาเองหมด รอดก็ดี ไม่รอดก็ตายไปเอง ก็ไม่ต้องมีระบบสภามาช่วย
ความคิดเห็นที่ 8
เงินยังคงหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเหมือนเดิม    เพียงแต่ทิศทางที่เม็ดเงินจะไปรวมตัวกันมากๆมันมีแค่บางส่วน     อยู่ที่ว่าคุณจะสามารถจับกระแสและปรับเปลี่ยนตัวเองเข้าไปอยู่ในภาคส่วนที่เม็ดเงินมารวมตัวกันได้รึเปล่า
ความคิดเห็นที่ 22
สลิ่มที่ไหนจะบอกว่าเศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี สภาวะทางการเมืองปัจจุบันมีส่วนทำให้เป็นเช่นนี้กันละครับ
เพราะแบบนั้นก็เท่ากับยอมรับว่าตัวเองพลาด และมีส่วนทำคนอื่นลำบากอ่ะดิ
ใครว่าไม่ดีเขาก็ต้องร้อนตัว เถียงคอเป็นเอ็นอยู่แล้ว

เศรษฐกิจยังดีเว๊ยย ยังดี
พวกอ่อนไม่ปรับตัว
อย่ามาโทษพวกเรานะพวกแก

แต่ผมนี่ขออนุญาติด่าเต็มๆละ  
เสียงคุณตะพาบกว่าเหรอ?...หนอยยแน่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่