สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน ก่อนอื่นผมขอเล่าความเป็นมาก่อนนะครับ
ผมและภรรยาเราแต่งกันมาได้ 6 ปีแล้วครับ ซึ่งในระหว่าง 6 ปีนั้นมีเรื่องต่างๆเข้ามาเป็นมรสุมในชีวิตของเรามากๆครับ ก่อนที่เราจะแต่งภรรยาผมเขาเป็นไบโพลาร์+ซึมเศร้าโดยที่เขาไม่รู้ตัวมาก่อน ทีนี้พอเราแต่งงานกันผมก็มักจะเจออารมณ์ของเขาด้วยการด่าทอคำหยาบต่างๆนาๆ (ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่) จนผมเริ่มรู้สึกว่าตัวผมไม่อะไรมาเรื่อยๆ ผมยอมรับนะครับว่าตัวผมก็ไม่ได้จะดีเด่นอะไรแต่เรื่องนึงที่ผมมั่นคือผมไม่เคยนอกใจและยอมเขา ถึงแม้จะมีหลุดบ้างอะไรบ้างแต่สุดท้ายผมก็ยอมเขาครับเพราะรักเขามาก
บ้านผมทำสวนมีเนื้อที่ค่อนข้างเยอะอยู่ที่ภาคเหนือ ผมต้องทนอารมณ์ของเขาต่างๆ ไม่ว่าจะหักหน้าผมต่อหน้าคนงานบ้าง ผมต้องการสังสรรค์กับน้องของผม (ในสวนที่เราอยู่) ที่นานๆมาหาทีในช่วงนั้นก็จะไม่พอใจโวยวายหาว่าผมโกหกแบบนั้นแบบนี้จนทุกคนในครอบครัวผมต้องส่ายหน้ากันหมด โดยเฉพาะพ่อของผม (ผมขอเล่าประวัติก่อนนะครับ) พ่อของผมเป็นคนรักลูกมากๆครับรักจนขนาดเลี้องพวกเราเหมือนไข่ในหิน พอรู้ว่าแฟนผมเป็นแบบนี้แกก็เกลียดภรรยาผมและคอยให้ลูกน้องของแกคอยจับการกระทำของภรรยาผมซึ่งทำให้เราทั้งสองคนนั้นเครียดกันมากๆ (ผมขอยอมรับนะครับว่าส่วนนึงที่แกรู้เป็นเพราะผม เพราะเวลาที่ทะเลาะกันผมก็ปรึกษาแก)
ทีนี้วันที่ทำให้เราทั้งสองคนปวดใจก็มาถึง วันนั้นแฟนผมจะกลับไปเยี่ยมครอบครับที่กรุงเทพฯ พ่อก็สั่งไม่ให้ภรรยาผมเข้ามาเหยียบที่สวนอีก และเราก็ห่างกันเป็นเวลาสองปีครับ ซึ่งในระหว่างเราจะคุยกันทุกๆคืนให้กำลังใจกันมาตลอดและก็มีทะเลาะกันบ้างเพราะเราอยู่กัน จนเมื่อปีที่ผ่านมาผมตัดสินใจที่จะลงไปอยู่กับเขาเพราะเราต่างคนต่างทนไม่ไหวกันแล้ว และตรงนี้แหละครับที่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้น ในระหว่างที่อยู่กับเราก็กลับมามีความสุขกันอีกครั้งแต่เรื่องอารมณ์ของเขาก็จะเป็นเหมือนและบวกกับความอึดอัดที่ผมไปอยู่บ้านที่เหมือนกับว่าต้องให้พ่อแม่เขาเลี้ยงด้วย เราทะเลาะกันเลยตัดสินใจว่าผมจะกลับมาอยู่บ้านของผมเองที่ กทม และจะไปๆมาๆหาเขา
จากนั้นเขาเริ่มมาป่วยอีกทีหนักๆก็ตอนที่เขาได้เข้าไปทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำให้เขาเป็นทุกข์มากๆเนื่องจากผู้บริหารของบริษัทนั้นบวกกับการที่ภรรยาผมเป็นพูดจาขวานผ่าซากและบางครั้งก็ไม่ควบคุมอารมณ์ จนในที่สุดบริษัทนี้ก็หาจุดผิดของเขาและไล่ออกครับ และจากนั้นแฟนผมก็เป็นซึมเศร้าเต็มตัวครับ ซึ่งมีอิทธิพลต่อผมในการใช้ชีวิตการงานของผมมากครับ เวลาที่เขาด่าทอต่างๆนามันให้สมองตื้อคิดไม่ออก และไม่อยากทำอะไรในที่สุด จนผมเริ่มที่จะเป็นเหมือน ผมอารมณ์แปรปวนและว่าตัวเองไม่มีค่าจนเริ่มทำร้ายทุบตีตัวผมเอง โดยคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของผมทั้งหมด ผนวกกับตอนนี้บ้านผมก็กำลังจะล้มละลาย จึงตัดสินใจไปปฏิบัติธรรมที่สถานที่ที่นึง ซึ่งตอนออกมาผมรู้สึกดีมากๆและสามารถปล่อยวางได้หลายๆเรื่อง แต่แล้วก็ต้องมาระเบิดอีกด้วยอารมณ์ของภรรยาผม
เวลาที่ทะเลาะกันเขาก็จะกรี้ดและขู่ทำร้ายตัวเขาเองจนผมไม่กล้าที่จะเลิกกับบวกกับใจก็รัก ล่าสุดนี้ผมเสนอไปว่าขอเลิกคบกันซักพักเพราะไม่อยากจะทำร้ายกันเองและไม่อยากได้ยินคำพูดแย่ของเขาที่จะมาบั่นทอนจิตใจในช่วงเวลาที่แย่อยู่แล้ว ทีนี้แหละครับเป็นเรื่องเลย ด่าผมน่ะเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แต่คราวไปไล่ด่าผมในโพสท์ fb ซึ่งมีทั้งเพื่อน ครอบครัว และลูกค้าต่างชาติที่ผมตีสนิทไว้ พูดตรงๆว่าไม่เคยโกรธเขาขนาดนี้มาก่อน วันก่อนก็โทรบอกให้จำเอาไว้นะว่าผมเป็นคนทิ้งเค้า ผมก็พยายามคุยกับเขาอย่างใจเย็นที่สุด แต่ก็เหมือนเดิมครับ เอาเหตุผลเดิมๆและย้อนเอาสิ่งไม่ดีมาพูดหมด ผมก็ใจเย็น
วันต่อมาเนื่องจากทะเลาะกันคืนก่อนผมรู้สึกสงสารและเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะทำร้ายตัวเองก็เลยโทรไปง้อ สุดท้ายก็จบเหมือนเดิม กรี้ด ขึ้นขึ้นกู ปาข้าวปาของ
ก็เลยต้องการถามเพื่อนๆครับว่าผมควรจะทำอย่างไร ถ้าเป็นแบบนี้
ภรรยาผมเป็นโรคซึมเศร้าอยาเลิกแต่ทำใจไม่ได้เสียที
ผมและภรรยาเราแต่งกันมาได้ 6 ปีแล้วครับ ซึ่งในระหว่าง 6 ปีนั้นมีเรื่องต่างๆเข้ามาเป็นมรสุมในชีวิตของเรามากๆครับ ก่อนที่เราจะแต่งภรรยาผมเขาเป็นไบโพลาร์+ซึมเศร้าโดยที่เขาไม่รู้ตัวมาก่อน ทีนี้พอเราแต่งงานกันผมก็มักจะเจออารมณ์ของเขาด้วยการด่าทอคำหยาบต่างๆนาๆ (ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่) จนผมเริ่มรู้สึกว่าตัวผมไม่อะไรมาเรื่อยๆ ผมยอมรับนะครับว่าตัวผมก็ไม่ได้จะดีเด่นอะไรแต่เรื่องนึงที่ผมมั่นคือผมไม่เคยนอกใจและยอมเขา ถึงแม้จะมีหลุดบ้างอะไรบ้างแต่สุดท้ายผมก็ยอมเขาครับเพราะรักเขามาก
บ้านผมทำสวนมีเนื้อที่ค่อนข้างเยอะอยู่ที่ภาคเหนือ ผมต้องทนอารมณ์ของเขาต่างๆ ไม่ว่าจะหักหน้าผมต่อหน้าคนงานบ้าง ผมต้องการสังสรรค์กับน้องของผม (ในสวนที่เราอยู่) ที่นานๆมาหาทีในช่วงนั้นก็จะไม่พอใจโวยวายหาว่าผมโกหกแบบนั้นแบบนี้จนทุกคนในครอบครัวผมต้องส่ายหน้ากันหมด โดยเฉพาะพ่อของผม (ผมขอเล่าประวัติก่อนนะครับ) พ่อของผมเป็นคนรักลูกมากๆครับรักจนขนาดเลี้องพวกเราเหมือนไข่ในหิน พอรู้ว่าแฟนผมเป็นแบบนี้แกก็เกลียดภรรยาผมและคอยให้ลูกน้องของแกคอยจับการกระทำของภรรยาผมซึ่งทำให้เราทั้งสองคนนั้นเครียดกันมากๆ (ผมขอยอมรับนะครับว่าส่วนนึงที่แกรู้เป็นเพราะผม เพราะเวลาที่ทะเลาะกันผมก็ปรึกษาแก)
ทีนี้วันที่ทำให้เราทั้งสองคนปวดใจก็มาถึง วันนั้นแฟนผมจะกลับไปเยี่ยมครอบครับที่กรุงเทพฯ พ่อก็สั่งไม่ให้ภรรยาผมเข้ามาเหยียบที่สวนอีก และเราก็ห่างกันเป็นเวลาสองปีครับ ซึ่งในระหว่างเราจะคุยกันทุกๆคืนให้กำลังใจกันมาตลอดและก็มีทะเลาะกันบ้างเพราะเราอยู่กัน จนเมื่อปีที่ผ่านมาผมตัดสินใจที่จะลงไปอยู่กับเขาเพราะเราต่างคนต่างทนไม่ไหวกันแล้ว และตรงนี้แหละครับที่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้น ในระหว่างที่อยู่กับเราก็กลับมามีความสุขกันอีกครั้งแต่เรื่องอารมณ์ของเขาก็จะเป็นเหมือนและบวกกับความอึดอัดที่ผมไปอยู่บ้านที่เหมือนกับว่าต้องให้พ่อแม่เขาเลี้ยงด้วย เราทะเลาะกันเลยตัดสินใจว่าผมจะกลับมาอยู่บ้านของผมเองที่ กทม และจะไปๆมาๆหาเขา
จากนั้นเขาเริ่มมาป่วยอีกทีหนักๆก็ตอนที่เขาได้เข้าไปทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำให้เขาเป็นทุกข์มากๆเนื่องจากผู้บริหารของบริษัทนั้นบวกกับการที่ภรรยาผมเป็นพูดจาขวานผ่าซากและบางครั้งก็ไม่ควบคุมอารมณ์ จนในที่สุดบริษัทนี้ก็หาจุดผิดของเขาและไล่ออกครับ และจากนั้นแฟนผมก็เป็นซึมเศร้าเต็มตัวครับ ซึ่งมีอิทธิพลต่อผมในการใช้ชีวิตการงานของผมมากครับ เวลาที่เขาด่าทอต่างๆนามันให้สมองตื้อคิดไม่ออก และไม่อยากทำอะไรในที่สุด จนผมเริ่มที่จะเป็นเหมือน ผมอารมณ์แปรปวนและว่าตัวเองไม่มีค่าจนเริ่มทำร้ายทุบตีตัวผมเอง โดยคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของผมทั้งหมด ผนวกกับตอนนี้บ้านผมก็กำลังจะล้มละลาย จึงตัดสินใจไปปฏิบัติธรรมที่สถานที่ที่นึง ซึ่งตอนออกมาผมรู้สึกดีมากๆและสามารถปล่อยวางได้หลายๆเรื่อง แต่แล้วก็ต้องมาระเบิดอีกด้วยอารมณ์ของภรรยาผม
เวลาที่ทะเลาะกันเขาก็จะกรี้ดและขู่ทำร้ายตัวเขาเองจนผมไม่กล้าที่จะเลิกกับบวกกับใจก็รัก ล่าสุดนี้ผมเสนอไปว่าขอเลิกคบกันซักพักเพราะไม่อยากจะทำร้ายกันเองและไม่อยากได้ยินคำพูดแย่ของเขาที่จะมาบั่นทอนจิตใจในช่วงเวลาที่แย่อยู่แล้ว ทีนี้แหละครับเป็นเรื่องเลย ด่าผมน่ะเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แต่คราวไปไล่ด่าผมในโพสท์ fb ซึ่งมีทั้งเพื่อน ครอบครัว และลูกค้าต่างชาติที่ผมตีสนิทไว้ พูดตรงๆว่าไม่เคยโกรธเขาขนาดนี้มาก่อน วันก่อนก็โทรบอกให้จำเอาไว้นะว่าผมเป็นคนทิ้งเค้า ผมก็พยายามคุยกับเขาอย่างใจเย็นที่สุด แต่ก็เหมือนเดิมครับ เอาเหตุผลเดิมๆและย้อนเอาสิ่งไม่ดีมาพูดหมด ผมก็ใจเย็น
วันต่อมาเนื่องจากทะเลาะกันคืนก่อนผมรู้สึกสงสารและเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะทำร้ายตัวเองก็เลยโทรไปง้อ สุดท้ายก็จบเหมือนเดิม กรี้ด ขึ้นขึ้นกู ปาข้าวปาของ
ก็เลยต้องการถามเพื่อนๆครับว่าผมควรจะทำอย่างไร ถ้าเป็นแบบนี้