กาลครั้งหนึ่ง ณ ฮ่องกง

โซดา+น้ำแข็งพร้อมไหมคะ? ขอเหล้า เอ๊ย ขอเล่าสู่กันฟังไว้ตรงนี้คร่าวๆ นะคะ อ่านให้สนุกและนึกภาพตามไปขำๆ ค่ะ สาวแว่น

แม่ลูกสายเที่ยวอย่างเราวางแผนไปฉลองวันแม่กันช่วงวันหยุดยาว 10-12 สิงหาคม ที่ผ่านมา โรงเรียนก็หยุด ออฟฟิศแม่ก็หยุด โปรแกรมลงตัว.. บินบ่ายๆ กับสายการบินหรูๆ วันเสาร์ กลับคืนวันจันทร์เพื่อไปทำงานเช้า จองไว้ยาวตั้งแต่ต้นปีค่ะ บอกเลย ราคาไม่แพง

พอใกล้วันเดินทาง ข่าวการประท้วงที่ฮ่องกงเริ่มหนัก พนักงานดิสนีย์แลนด์ยังมีการยืนประท้วงในสวนสนุก ลูกสาวเลยบอกว่า ขอไม่ไปได้ไหม กลัวไฟลท์ยกเลิก..แม่เข้าใจแหละ นางกลัวขาดเรียน กลัวครูว่า แต่ด้วยความที่จ่ายเงิน จองตั๋ว จองโรงแรม ทุกอย่างไว้หมดแล้วกับบริษัททัวร์ แม่เลยตัดสินใจเดินหน้าคนเดียว (ก็ได้วะ)
 
ไม่ได้เกรียน ไม่ได้บ้าบิ่น ทั้งกรุ๊ปมีกัน 22 คน หยุดยาวทั้งที เสี่ยงเป็นเสี่ยงกันค่ะ 

ก่อนเดินทาง ไกด์โทรมานัด เราก็ถามว่าสถานการณ์น่ากลัวไหม เขาก็บอกว่าเพิ่งกลับมา โอเคอยู่ ส่วนตัว เราเองไม่กลัวเลยนะเพราะตอนไปฝรั่งเศสปีที่แล้ว ก็เจอเหตุการณ์ประท้วง เรารู้ว่าทางบริษัททัวร์จากไทยและที่ปลายทางมีการประสานงานกัน ตรวจสอบความปลอดภัยหน้างานก่อนจะพาลูกทัวร์ไปอยู่แล้ว เพราะถ้าเกิดโดนลูกหลงไป มันไม่คุ้ม เขาไม่พาเราไปวิ่งฝ่ากระสุนหรอก #เรื่องเที่ยวเราจริงจัง

เดินทางไปตามปกติค่ะ สวยๆ (เดี๋ยวจะให้ลงภาพดูในลำดับต่อไป) ถึงสนามบินฮ่องกง เห็นผู้ชุมนุมนั่งเรียงรายในโถงผู้โดยสารขาเข้า เหมือนมารอรับศิลปินเกาหลีเวลามาบ้านเรา ไกด์แนะนำไว้แล้วว่าให้ลากกระเป๋าเดินผ่านปกติ แล้วก็แนะนำไม่ให้ลูกทัวร์ใส่เสื้อสีดำ/ขาว

โปรแกรมเที่ยวเป็นไปตามแพลนค่ะ ได้ไหว้พระขอพร โรงแรมดีมาก อาหารอร่อยมาก ช้อปปิ้งสนุกมาก ดิสนีย์แลนด์คนน้อย แม่เข้าเฝ้าเจ้าหญิง ส่งคลิปมาให้ลูกสาวที่เมืองไทย นางภูมิใจว่าแม่หาเจ้าหญิงเจอด้วย ฮา

ตัดภาพมาวันกลับค่ะ

ข้าพเจ้านั่งรถไฟใต้ดินมุ่งหน้าสนามบินเพื่อไปเจอคณะทัวร์ตามเวลานัดหมาย เตรียมตัวเช็คอิน สายการบิน Emirates ซึ่งขึ้นชื่อด้านการตรงต่อเวลา บริการ และความปลอดภัย (จากประสบการณ์ของ จขกท)

ยังไม่ทันถึงสนามบิน ไกด์โทรมาว่าเที่ยวบินยกเลิก ให้มาเจอที่จิมซาจุ่ยแทน คืนนั้น บริษัททัวร์จองโรงแรมในย่านนั้นให้พัก ขณะเดียวกัน ข่าวทั่วโลกออกว่า สนามบินฮ่องกงประกาศยกเลิกสายการบินขาออกทั้งหมด เราก็โอเค พรุ่งนี้ว่ากันใหม่

นึกดีใจที่ลูกสาวไม่ได้มาด้วย ไม่งั้นนางนอยด์หนักแน่นอน อีแม่คงรู้สึกผิด

ถ้าเป็นสถานการณ์อื่น ก็จะบอกลูกว่า หาไฟลท์อื่นกลับได้สบายมาก ใกล้นิดเดียว บินสองชั่วโมงเอง แต่ครั้งนี้ ต่อให้มีเงิน ก็กลับไม่ได้เพราะสนามบินปิด

คุณแม่พักเอาแรง ชิลๆๆ วันรุ่งขึ้นอิสระช้อปได้อีกจนถึงสี่โมงเย็น แล้วไปสนามบินเพื่อเช็คอิน (EK 385 ออกจากฮ่องกง 21.30 น) ก่อนจะออกรถ บริษัททัวร์แจ้งไกด์ว่าผู้ชุมนุมมาปิด Terminal 2 ที่เราจะไปแล้ว เอาไงดี? Facepalm

พวกเราชาวคณะขอเดินหน้าค่ะ ให้รถบัสไปจอดใกล้ที่สุดแล้วเดินก็ได้ (#อยากกลับบ้าน) เพราะเที่ยวบินไม่ได้ยกเลิก เข้ามาถึงเคาน์เตอร์ G รีบต่อแถว เห็นได้ชัดว่าเจ้าหน้าที่สายการบินโหลดกระเป๋า ให้ boarding pass ผู้โดยสารแต่ละคนเร็วมาก แถวก็เดินหน้า อีก 5 คนจะถึงคิวเราอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่สนามบินเดินมาบอกว่า ขอโทษที่ต้องหยุดการ check in ไว้ตรงนี้ แล้วก็ปิดทุกเคาน์เตอร์จ้าา บร๊ะเจ้าโจ๊ก

เรานึกในใจคนที่ได้ boarding pass แล้วโชคดีเนอะ ได้กลับชัวร์ ปรากฎว่า ได้ boarding pass ก็ไปไม่ถึง ตม (ตรวจคนเข้าเมือง) เพราะผู้ประท้วงนั่งจับจองพื้นที่ขวางเต็มทางเดินเข้า เราเห็นผู้โดยสารชาวต่างชาติคนหนึ่งพยายามเดินลัดเลาะผ่านเข้าไป ปรากฎว่าผู้ประท้วงพาลุกขึ้นยืนส่งเสียงโหวกเหวก ณ ตอนนั้น เราก็ถอยมาตั้งหลัก มือจับกระเป๋า เกาะกลุ่มค่ะ

บอกได้แค่ว่า ในสนามบิน ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเลยสักนาย ยิ่งเย็นย่ำ ผู้ประท้วงมีจำนวนเยอะขึ้น พร้อมกับอุปกรณ์ประกอบฉากที่เพิ่มขึ้น เช่น ป้ายขนาดใหญ่ ใบปลิว และมีการเดินมาแจกขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มให้กับพวกเราด้วย มีกล้องโทรทัศน์และนักข่าวประปราย

มีเสียงตะโกน รับ-ส่งพลังระหว่างกันกึกก้อง มีการปรบมือดังเมื่อสนามบินประกาศยกเลิกการเช็คอินและให้ผู้โดยสารออกจากอาคาร บางทีก็มีการฉายไฟหรือยิงเลเซอร์จนเราก็บอกไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

(มารู้ทีหลังว่า หลายเที่ยวบินกลับกรุงเทพฯ แม้ผู้โดยสารสามารถเช็คอิน ผ่าน ตม เข้าไปแล้ว เที่ยวบินก็ไม่ออกอยู่ดี ต้องตกค้างอยู่ในนั้น)

สภาพข้าพเจ้าตอนนั้นคือ มีน้ำดื่มติดตัว 1 ขวด ส้ม 2 ผล ลูกอม 1 ห่อ ทิชชูเปียก พาวเวอร์แบงค์ (ของคนอื่น) และโทรศัพท์มือถือพร้อมเน็ต ชาร์จเต็ม เล็งบันไดหนีไฟสำหรับเข้าไปหลบแก๊สน้ำตาเรียบร้อย ถ้าเกิดเหตุ

ท้ายสุด ทุ่มกว่าแล้ว เคาน์เตอร์เช็คอินก็ไม่เปิด (คือ ต่อให้เปิดก็คงไม่ทันการแล้ว) ไกด์ติดต่อหารถบัสและจองโรงแรมใหม่ให้เราอีกคืน ถอยทัพค่ะ
ผู้ร่วมทริปหลายคนเริ่มตีโพยตีพาย มากมายก่ายกอง จะให้เปลี่ยนสายการบิน เปลี่ยนเวลาบิน จะนั่งเรือไปมาเก๊า จะไปเสินเจิ้น ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นทางเลือกที่ จขกท คิดว่าไม่ "เวิร์ก" เท่าไหร่ เห็นใจหัวหน้าทัวร์และไกด์ท้องถิ่นมาก

คือ เราจองตั๋วไป-กลับแบบเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้มากนัก เส้นทางบิน Emirates ของเราคือบิน ดูไบ-กรุงเทพฯ-ฮ่องกง วันละเที่ยวเดียวเท่านั้น เวลามันกำหนดมาตั้งแต่ดูไบแล้ว 

ไปเสินเจิ้น คือ ต้องมีวีซ่าจีน เราไม่มี
นั่งเรือไปมาเก๊า..ไฟลท์ที่บินจากมาเก๊า ณ ตอนนั้นคือต้องไปผ่านไทเป ต้องใช้วีซ่าจีนเช่นกัน เราไม่มี
ส่วนแอร์เอเชียที่บินตรงจากมาเก๊ามาบ้านเรา จะมีที่ว่างอีกครั้งวันที่ 16 สิงหาคม

คืนนั้น สายการบิน Emirates เที่ยวบิน EK 385 เดินทางออกจากฮ่องกงสู่กรุงเทพฯ ได้ตามปกติ ไฟลท์ไม่ยกเลิก แต่เราเช็คอินไม่ได้ แงๆๆ

ทางเลือกที่มีคือ ต้องตั้งต้นใหม่พรุ่งนี้กับการเช็คอิน ด้วยความหวัง ไกด์บอกจะพาออกจากโรงแรมมานั่งรอกันตั้งแต่ 9 โมงเลย ฮา กลยุทธ์นี้เข้าท่าค่ะ ลองดูว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง

ณ ตอนนี้เราโอเค เพราะอย่างน้อยก็มีรถรับส่ง มีโรงแรมให้พัก (โรงแรมมีอาหารเช้าด้วย) และก็พักฟรี ทางบริษัททัวร์ออกค่าใช้จ่ายให้หมด ถ้าถึงสนามบินเช้า ก็ยิ่งโอเคใหญ่ เพราะผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นนักศึกษาละอ่อนเสียส่วนใหญ่ ยังไม่มาจับจองพื้นที่ในโถงผู้โดยสาร

พวกเราก็มายืน/นั่งรอที่เคาน์เตอร์ G กันตั้งแต่เช้า คณะทัวร์ไทยอื่นที่ประสบชะตากรรมแบบเราก็คิดแบบเดียวกัน แถวก็ยาวเฟื้อยหน่อย รอไปลุ้นไปว่าเคาน์เตอร์จะเปิดเร็วไหม จะได้รีบเข้าไป ตม ให้ได้ เหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป ก็สุดคาดเดา ตั้งวงรอไป

ระหว่างนั้น เราเริ่มค้นหาเที่ยวบินที่บินจากฮ่องกงไปกรุงเทพฯ ก่อนเวลาสามทุ่ม (นึกภาพการสวมเสื้อผ้าชุดเดิมมา 3 วันและเราไม่อยากใส่เป็นวันที่ 4 + ผมเผ้าไม่ได้สระ) เริ่มไม่ค่อยอยากเสี่ยงรอ เพราะกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยและไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะแรงขึ้นหรือไม่ ถ้าต้องซื้อตั๋วเองเพื่อออกจากที่นี่ให้ได้เร็วที่สุด น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า (และแพงอีกหน่อย)

..ปรากฎว่าทุกเที่ยวบินที่ว่า ไม่เปิดให้จองหรือซื้อออนไลน์ได้แล้ว ทั้งการบินไทย ไทยสไมล์ บางกอกแอร์เวย์

ถึงเวลาขอความช่วยเหลือครับ.. ส่งข้อความบอกคุณหัวหน้าที่เมืองไทยให้ช่วยเช็คกับ Travel Agent ของออฟฟิศให้หน่อยค่ะ เราให้เหตุผลว่า เพื่อความปลอดภัยของเราเอง เราจะไม่รอไฟลท์เย็น เพราะเราไม่รู้ว่าจะเช็คอินสำเร็จไหม พี่แกเลยยกหูประสานงาน รูดบัตรเครดิตซื้อตั๋วกลับของสายการบิน Cathay Pacific ออกจากฮ่องกงตอน 16.50 น ให้เรา กราบงามๆ ไว้ ณ ที่นี่

ได้ E-ticket ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แจ้งหัวหน้าทัวร์ขอแยกวง พุ่งไปเคาน์เตอร์ C เพื่อเช็คอิน รับ boarding pass มือไม้สั่น เดินตัวปลิวจ้ำผ่าน ตม และ ตรวจสอบความปลอดภัย

รอให้ขึ้นหมายเลขประตูขึ้นเครื่องบนจอและประกาศให้ขึ้นเครื่องแบบระทึกมาก เพราะไม่รู้สถานการณ์ด้านนอกเป็นยังไงแล้ว ทุกอย่างยังเป็นไปได้ เที่ยวบินล่าช้าไปอีกชั่วโมงกว่า

พอได้ยินสายการบินประกาศให้ขึ้นเครื่องจริงๆ น้ำตาเอ่อทีเดียว ปกติเที่ยวเสร็จจะไม่อยากบินกลับเลย แบบว่า..ทำไมเวลาผ่านไปเร็วจัง ต้องกลับไปทำงานแล้วเหรอ แต่ครั้งนี้ Let me go..let me go ปล่อยชั้นกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ

สำหรับสายการบิน โรงแรม และ ที่เที่ยว เดี๋ยวรีวิวให้ฟังจนครบค่ะ ไม่มีสูญเปล่า

ขอบคุณหลักสูตรความปลอดภัยเบื้องต้นและความปลอดภัยขั้นสูงที่ออฟฟิศบังคับเรียน ซึ่งทำให้เราไม่ได้ตื่นตระหนก (panic) มีสติ (และสตางค์) ติดตัวอยู่เสมอค่ะ

ทุกการเดินทางคือประสบการณ์จริงๆ ค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่