จิตตมาตรคืออะไร?
ฐานะบทบาทและหน้าที่ของอาลยวิชญาณจึงยิ่งใหญ่อลังการดังที่ท่านพรรณนาไว้ว่า “สิ่งที่ถูกรู้ ไม่ได้มีอยู่ต่างหากจากจิตที่รับรู้ ทั้งผู้รู้กับสิ่งที่ถูกรู้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในจิตนั่นเอง จิตเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงเพียงอย่างเดียว และไม่เคยสัมพันธ์กับวัตถุภายนอกเลย โลกภายนอกต่างหากไม่มีอยู่จริง จึงเรียกว่า จิตตมาตร์(mind-only) (Brian Edward Brawn, the Buddha Nature, (Delhi: Motilal Banarsidass, ๑๙๙๑), p. ๒๓๗-๒๗๘, อ้างในกนกวรรณ กรุณาฤทธิโยธิน, ๒๕๖๑ : ๕๑)
“จิตตมาตร” (mind-only) คือ “การคิดปรุงแต่งอันไม่เป็นจริง คือ จิต และเจตสิกอันเป็นไปในไตรภูมิ” หมายความว่า จิตและเจตสิกของคนที่ยังมีกิเลสอยู่ และอยู่ในโลกนี้ อยู่ในสังสารวัฏนี้มีการคิดปรุงแต่งขึ้นมา สิ่งเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นภาพมายาแห่งธรรม มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับแปรเปลี่ยนอยู่ตลอด
จิตมีอยู่จริง แต่วัตถุข้างนอกไม่มีอยู่จริง เพราะข้างนอกเราถือว่าเป็นมายาธรรม ข้างในเราถือว่าเป็นหลักธรรม
"จิตเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงเพียงอย่างเดียว และไม่เคยสัมพันธ์กับวัตถุภายนอกเลย โลกภายนอกต่างหากไม่มีอยู่จริง"
กล่าวถูกต้องเช่นกัน คือ จิตดำรงอยู่ แต่เวลาที่จะสัมผัส เราจะต้องเอาจิตมาสัมผัสกับภายนอก เหมือนกับข้างในจะต้องกดรหัส ถึงจะแปลความหมายออกมา แต่ข้างในจะป้องกันไวรัสไม่ให้ไปยุ่ง เหมือนกับคอมพิวเตอร์ จิตเราไม่มีความสัมพันธ์กับภายนอก ภายนอกก็ไม่มีความสัมพันธ์กับจิต แต่ข้างนอกพยายามโจมตี เอาจิตนี้ไปสัมผัส แล้วบางครั้ังก็โจมตีได้ ถ้าหากว่าโจมตีไม่ได้ก็แสดงว่าไม่มีการก่อกรรมตัวอื่นไปนะสิ หมายความว่า จิตเราไม่มีความสัมพันธ์ข้างนอก เพราะเราเก็บไว้
แล้วรหัสของเรามีความสำคัญกับข้างนอกได้ไหม?
ใครก็ไม่สามารถเข้าไปในจิตของเราได้ กิเลสเองก็ไม่สามารถเข้าไปในจิตของเราได้ หากเราไม่เปิดประตูต้อนรับ
แล้วถ้าหากว่าจิตจะมีความสัมพันธ์กับข้างนอกล่ะ จะทำอย่างไร?
ก็ต้องรู้รหัส ถ้าเรารู้รหัสก็จะสามารถกดข้อมูลออกมาใช้ได้
แล้วจิตของเราจะมีความสัมพันธ์ข้างนอกยังไง?
ก็คือเราเอาข้อมูลของมันออกมาใช้
เหมือนกับน้ำที่อยู่ในกาน้ำของเรา ใครก็ไม่สามารถเอาน้ำไปได้ แต่ถ้าเรารู้จักเทน้ำจากกาน้ำ ก็จะสามารถนำน้ำนั้นไปผสมเป็นน้ำต่างๆ ได้ เช่น น้ำกาแฟ น้ำหวาน น้ำแดง น้ำโค้ก เป็นต้น
ต้องเอาจิตอีกตัวหนึ่งออกมาปรุง ไม่ใช่จิตตัวดั้งเดิม จิตของเราอยู่ข้างใน ภายนอกจากจะเข้ามายุ่งไม่ได้ แต่ถ้าหากว่าเรามีรหัสก็ได้ สามารถเอาจิตข้างในออกมาข้างนอกได้ แต่ข้อมูลข้างนอกไม่สามารถเอาไปเจือจิตข้างในได้ คือ เอาข้อมูลข้างนอกไปเจือข้อมูลจิตประภัสสรไม่ได้ เป็นจิตดั้งเดิมของธรรมชาติไม่ได้ แต่เราสามารถเอาจิตตัวใหม่มาผสมหรือมาปรุงได้
สิ่งที่ประกอบการปรุงแต่ง ได้แก่ ธาตุหรือพลังงานแบ่งเป็น ๔ ประเภทใหญ่ๆ คือ
(๑) พลังงานที่รวมตัวเข้าแล้วทำให้แข็งกระด้าง เรียกว่า ปฐวีพีชะ
(๒) พลังงานที่รวมตัวเข้าแล้วมีลักษณะเอิบอาบ เรียกว่า อาโปพีชะ
(๓) พลังงานที่รวมตัวเข้าแล้วมีลักษณะอบอุ่น เรียกว่า เตโชพีชะ
(๔) พลังงานที่รวมตัวเข้าแล้วมีลักษณะหวั่นไหว เรียกว่า วาโยพีชะ
^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต
จิตตมาตรคืออะไร?
ฐานะบทบาทและหน้าที่ของอาลยวิชญาณจึงยิ่งใหญ่อลังการดังที่ท่านพรรณนาไว้ว่า “สิ่งที่ถูกรู้ ไม่ได้มีอยู่ต่างหากจากจิตที่รับรู้ ทั้งผู้รู้กับสิ่งที่ถูกรู้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในจิตนั่นเอง จิตเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงเพียงอย่างเดียว และไม่เคยสัมพันธ์กับวัตถุภายนอกเลย โลกภายนอกต่างหากไม่มีอยู่จริง จึงเรียกว่า จิตตมาตร์(mind-only) (Brian Edward Brawn, the Buddha Nature, (Delhi: Motilal Banarsidass, ๑๙๙๑), p. ๒๓๗-๒๗๘, อ้างในกนกวรรณ กรุณาฤทธิโยธิน, ๒๕๖๑ : ๕๑)
“จิตตมาตร” (mind-only) คือ “การคิดปรุงแต่งอันไม่เป็นจริง คือ จิต และเจตสิกอันเป็นไปในไตรภูมิ” หมายความว่า จิตและเจตสิกของคนที่ยังมีกิเลสอยู่ และอยู่ในโลกนี้ อยู่ในสังสารวัฏนี้มีการคิดปรุงแต่งขึ้นมา สิ่งเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นภาพมายาแห่งธรรม มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับแปรเปลี่ยนอยู่ตลอด
จิตมีอยู่จริง แต่วัตถุข้างนอกไม่มีอยู่จริง เพราะข้างนอกเราถือว่าเป็นมายาธรรม ข้างในเราถือว่าเป็นหลักธรรม
"จิตเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงเพียงอย่างเดียว และไม่เคยสัมพันธ์กับวัตถุภายนอกเลย โลกภายนอกต่างหากไม่มีอยู่จริง"
กล่าวถูกต้องเช่นกัน คือ จิตดำรงอยู่ แต่เวลาที่จะสัมผัส เราจะต้องเอาจิตมาสัมผัสกับภายนอก เหมือนกับข้างในจะต้องกดรหัส ถึงจะแปลความหมายออกมา แต่ข้างในจะป้องกันไวรัสไม่ให้ไปยุ่ง เหมือนกับคอมพิวเตอร์ จิตเราไม่มีความสัมพันธ์กับภายนอก ภายนอกก็ไม่มีความสัมพันธ์กับจิต แต่ข้างนอกพยายามโจมตี เอาจิตนี้ไปสัมผัส แล้วบางครั้ังก็โจมตีได้ ถ้าหากว่าโจมตีไม่ได้ก็แสดงว่าไม่มีการก่อกรรมตัวอื่นไปนะสิ หมายความว่า จิตเราไม่มีความสัมพันธ์ข้างนอก เพราะเราเก็บไว้
แล้วรหัสของเรามีความสำคัญกับข้างนอกได้ไหม?
ใครก็ไม่สามารถเข้าไปในจิตของเราได้ กิเลสเองก็ไม่สามารถเข้าไปในจิตของเราได้ หากเราไม่เปิดประตูต้อนรับ
แล้วถ้าหากว่าจิตจะมีความสัมพันธ์กับข้างนอกล่ะ จะทำอย่างไร?
ก็ต้องรู้รหัส ถ้าเรารู้รหัสก็จะสามารถกดข้อมูลออกมาใช้ได้
แล้วจิตของเราจะมีความสัมพันธ์ข้างนอกยังไง?
ก็คือเราเอาข้อมูลของมันออกมาใช้
เหมือนกับน้ำที่อยู่ในกาน้ำของเรา ใครก็ไม่สามารถเอาน้ำไปได้ แต่ถ้าเรารู้จักเทน้ำจากกาน้ำ ก็จะสามารถนำน้ำนั้นไปผสมเป็นน้ำต่างๆ ได้ เช่น น้ำกาแฟ น้ำหวาน น้ำแดง น้ำโค้ก เป็นต้น
ต้องเอาจิตอีกตัวหนึ่งออกมาปรุง ไม่ใช่จิตตัวดั้งเดิม จิตของเราอยู่ข้างใน ภายนอกจากจะเข้ามายุ่งไม่ได้ แต่ถ้าหากว่าเรามีรหัสก็ได้ สามารถเอาจิตข้างในออกมาข้างนอกได้ แต่ข้อมูลข้างนอกไม่สามารถเอาไปเจือจิตข้างในได้ คือ เอาข้อมูลข้างนอกไปเจือข้อมูลจิตประภัสสรไม่ได้ เป็นจิตดั้งเดิมของธรรมชาติไม่ได้ แต่เราสามารถเอาจิตตัวใหม่มาผสมหรือมาปรุงได้
สิ่งที่ประกอบการปรุงแต่ง ได้แก่ ธาตุหรือพลังงานแบ่งเป็น ๔ ประเภทใหญ่ๆ คือ
(๑) พลังงานที่รวมตัวเข้าแล้วทำให้แข็งกระด้าง เรียกว่า ปฐวีพีชะ
(๒) พลังงานที่รวมตัวเข้าแล้วมีลักษณะเอิบอาบ เรียกว่า อาโปพีชะ
(๓) พลังงานที่รวมตัวเข้าแล้วมีลักษณะอบอุ่น เรียกว่า เตโชพีชะ
(๔) พลังงานที่รวมตัวเข้าแล้วมีลักษณะหวั่นไหว เรียกว่า วาโยพีชะ
^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต