คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 39
อ่านแล้วอึ้ง ... แม่คนนึง จะด่าลูกได้ขนาดนี้
แม่คนนั้นทิ้งลูกไปตอนเด็กเล็กมาก วันที่พ่อเค้าตาย ทิ้งไว้ในบ่อขี้หมา (ทั้งที่รู้ว่า นั่นคือบ่อขี้หมา)
... เพื่อเอาตัวเองรอด (และวันนี้ ถ้าคิดย้อนกลับไป ก็จะทำแบบเดิม)
... แล้ววันนี้ คิดว่า เด็กนั่นจะเติบโตเป็นคนดี มีคุณภาพดีในสังคม ได้
เด็กเล็ก2คน พ่อตาย แม่ทิ้ง อยู่กับครอบครัวขี้ๆ ... OMG
(3ปีสำหรับเด็กเล็ก ถือว่าต่างวัยมาก) ต่างคนต่างหาทางรอดชีวิต
คนนึงก้มหน้ารับชะตากรรมทื่อๆ คนนึงหาทางรอดด้วยการสอพลอ
..กับการเลี้ยงดูต่างกัน และเป่าหูดราม่าสารพัด
10ปีผ่านไป เอากลับมาเยียวยาเป็นคนดีได้1คน ตั้ง50% โชคดียิ่งกว่าถูกหวยซะอีกนะคะ
___________
อย่าให้คนเล็ก อ่านกระทู้นี้เด็ดขาด ... ทุบทิ้งทำลายเค้าซ้ำซาก
ลูกคนโตจะไม่ปลื้มคุณได้ยังไง ก็ชีวิตเค้าจิ๊บอ๋ายขนาดนั้น มาอยู่กับคุณแล้วชีวิตดีขึ้นเยอะ
ลูกคนเล็กจำเป็นต้องสอพลอปลิ้นปล้อน เพื่อเอาชีวิตรอด .. ไม่ต่างกับคุณที่หนีไปเอาชีวิตรอด
คำพูดคุณ ช่างเปรียบเทียบ เด็กสองคน .. คุณติติติ ด้วยภาษาแห่งการจับผิด จนน่าขนลุก
... มันแสดงทัศนคติ ซึ่งเป็นการกระทืบลูกคนเล็กซ้ำอีกครั้ง จมดินเลยค่ะ
ถ้าจะมีตัวอย่างของ การรักลูกไม่เท่ากัน ... นี่ชัดเจนที่สุด
คุณเป็นคนที่เต็มไปด้วยการคาดหวังค่ะ ... แม้ไม่ได้หวังให้รักให้เลี้ยงดู แต่คุณหวังให้เป็นคนดี มีคุณภาพ สอนปรับกลับมาได้
ซึ่งมันจะเป็นไปได้ไง เมื่อปู้ยี้ปู้ยำขนาดนั้นในวัยเด็ก .. คุณทิ้งเค้าไว้ในบ่อขรี้ นานนับ10ปีเลยนะคะ
เด็กกินขรี้มา จะกลายเป็นทองได้ง่ายๆ ได้ยังไงคะ
วันนี้ คุณจึงต้องใช้ พลังงานขั้นสูงสุด 1,000,000เท่าของแม่ทั่วไป เพื่อเยียวยาดัดเค้ากลับมา
.. และนี่คือความรับผิดชอบของคุณ ผลของการเลือกของคุณเองในวันนั้น
... ถ้าคุณคิดว่า มันสร้างมูลค่าคุ้มมากที่ออกไปสร้างตัว และยอมเสี่ยงทิ้งลูกไว้ในกองขรี้
คุณก็ต้องใช้สรรพมูลค่าที่สร้างมานั้น ชดเชยทดแทนล้างขรี้ที่ติดเค้ามาค่ะ แล้วเลี่ยมทองใหม่ ดั่งใจคุณ ตามบรรทัดฐานคุณ
เราเห็นนะคะ ว่าคุณเป็นคนมีคุณภาพมาก และมีทิศทางที่ดีมากๆ
แต่การพาเด็กไปหาจิตแพทย์ โดยเค้าไม่เปิดใจ ..ไม่มีประโยชน์เลยค่ะ
คุณแม่นั่นแหล่ะ ที่ต้องไปปรึกษาจิตแพทย์เด็ก เพื่อหาทาง"จูนกับลูก" หาวิธีปรับพฤติกรรมและความคิดเค้า พร้อมปรับทัศนคติคุณแม่ด้วยค่ะ
.. นี่คือความรับผิดชอบที่แม่ต้องทำ แก้ไขสิ่งที่คุณได้พลาดไป
... อย่าเอาเค้าไปโยนทิ้งอีกครั้ง ให้ครอบครัวนั้น หรือเขวี้ยงทิ้งไว้ในสังคม
หรือเลี้ยงเป็นเทวดาใจปีศาจ ที่รอดูดกินเป็นภาระเป็นอันตรายต่อคนอื่นบนโลก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.. อย่ามองเค้าแบบอคติ อย่าปฎิบัติกับเค้าผิดวิธี อย่าขยี้หัวใจเค้าซ้ำ อย่าหมดหวัง อย่าผลิตปัญหาสังคม ..แต่ช่วยปรับเค้าอย่างถูกวิธี ให้เข้าที่
เราก็พอเข้าใจนะคะ ว่าคนเรามีความจำเป็นต้องตัดสินใจวันนั้น
... แต่วันนี้ คุณต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่คุณเลือก .. อย่าปล่อยมาสร้างปัญหาสังคม
แม่คนนั้นทิ้งลูกไปตอนเด็กเล็กมาก วันที่พ่อเค้าตาย ทิ้งไว้ในบ่อขี้หมา (ทั้งที่รู้ว่า นั่นคือบ่อขี้หมา)
... เพื่อเอาตัวเองรอด (และวันนี้ ถ้าคิดย้อนกลับไป ก็จะทำแบบเดิม)
... แล้ววันนี้ คิดว่า เด็กนั่นจะเติบโตเป็นคนดี มีคุณภาพดีในสังคม ได้
เด็กเล็ก2คน พ่อตาย แม่ทิ้ง อยู่กับครอบครัวขี้ๆ ... OMG
(3ปีสำหรับเด็กเล็ก ถือว่าต่างวัยมาก) ต่างคนต่างหาทางรอดชีวิต
คนนึงก้มหน้ารับชะตากรรมทื่อๆ คนนึงหาทางรอดด้วยการสอพลอ
..กับการเลี้ยงดูต่างกัน และเป่าหูดราม่าสารพัด
10ปีผ่านไป เอากลับมาเยียวยาเป็นคนดีได้1คน ตั้ง50% โชคดียิ่งกว่าถูกหวยซะอีกนะคะ
___________
อย่าให้คนเล็ก อ่านกระทู้นี้เด็ดขาด ... ทุบทิ้งทำลายเค้าซ้ำซาก
ลูกคนโตจะไม่ปลื้มคุณได้ยังไง ก็ชีวิตเค้าจิ๊บอ๋ายขนาดนั้น มาอยู่กับคุณแล้วชีวิตดีขึ้นเยอะ
ลูกคนเล็กจำเป็นต้องสอพลอปลิ้นปล้อน เพื่อเอาชีวิตรอด .. ไม่ต่างกับคุณที่หนีไปเอาชีวิตรอด
คำพูดคุณ ช่างเปรียบเทียบ เด็กสองคน .. คุณติติติ ด้วยภาษาแห่งการจับผิด จนน่าขนลุก
... มันแสดงทัศนคติ ซึ่งเป็นการกระทืบลูกคนเล็กซ้ำอีกครั้ง จมดินเลยค่ะ
ถ้าจะมีตัวอย่างของ การรักลูกไม่เท่ากัน ... นี่ชัดเจนที่สุด
คุณเป็นคนที่เต็มไปด้วยการคาดหวังค่ะ ... แม้ไม่ได้หวังให้รักให้เลี้ยงดู แต่คุณหวังให้เป็นคนดี มีคุณภาพ สอนปรับกลับมาได้
ซึ่งมันจะเป็นไปได้ไง เมื่อปู้ยี้ปู้ยำขนาดนั้นในวัยเด็ก .. คุณทิ้งเค้าไว้ในบ่อขรี้ นานนับ10ปีเลยนะคะ
เด็กกินขรี้มา จะกลายเป็นทองได้ง่ายๆ ได้ยังไงคะ
วันนี้ คุณจึงต้องใช้ พลังงานขั้นสูงสุด 1,000,000เท่าของแม่ทั่วไป เพื่อเยียวยาดัดเค้ากลับมา
.. และนี่คือความรับผิดชอบของคุณ ผลของการเลือกของคุณเองในวันนั้น
... ถ้าคุณคิดว่า มันสร้างมูลค่าคุ้มมากที่ออกไปสร้างตัว และยอมเสี่ยงทิ้งลูกไว้ในกองขรี้
คุณก็ต้องใช้สรรพมูลค่าที่สร้างมานั้น ชดเชยทดแทนล้างขรี้ที่ติดเค้ามาค่ะ แล้วเลี่ยมทองใหม่ ดั่งใจคุณ ตามบรรทัดฐานคุณ
เราเห็นนะคะ ว่าคุณเป็นคนมีคุณภาพมาก และมีทิศทางที่ดีมากๆ
แต่การพาเด็กไปหาจิตแพทย์ โดยเค้าไม่เปิดใจ ..ไม่มีประโยชน์เลยค่ะ
คุณแม่นั่นแหล่ะ ที่ต้องไปปรึกษาจิตแพทย์เด็ก เพื่อหาทาง"จูนกับลูก" หาวิธีปรับพฤติกรรมและความคิดเค้า พร้อมปรับทัศนคติคุณแม่ด้วยค่ะ
.. นี่คือความรับผิดชอบที่แม่ต้องทำ แก้ไขสิ่งที่คุณได้พลาดไป
... อย่าเอาเค้าไปโยนทิ้งอีกครั้ง ให้ครอบครัวนั้น หรือเขวี้ยงทิ้งไว้ในสังคม
หรือเลี้ยงเป็นเทวดาใจปีศาจ ที่รอดูดกินเป็นภาระเป็นอันตรายต่อคนอื่นบนโลก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.. อย่ามองเค้าแบบอคติ อย่าปฎิบัติกับเค้าผิดวิธี อย่าขยี้หัวใจเค้าซ้ำ อย่าหมดหวัง อย่าผลิตปัญหาสังคม ..แต่ช่วยปรับเค้าอย่างถูกวิธี ให้เข้าที่
เราก็พอเข้าใจนะคะ ว่าคนเรามีความจำเป็นต้องตัดสินใจวันนั้น
... แต่วันนี้ คุณต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่คุณเลือก .. อย่าปล่อยมาสร้างปัญหาสังคม
ความคิดเห็นที่ 35
เราไม่คิดว่าการอ่านกระทู้นี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรนะ หนำซ้ำยังอาจทำให้เรื่องราวและความสัมพันธ์ของคุณกับเขาแย่ลงไปอีก เพราะกระทู้นี้คือหลักฐานว่า แม่ไม่เชื่อเขา แม่ไม่สนใจเขาแต่สนใจคนอื่น
คุณแม่ต้องปรับทัศนคติใหม่ก่อน ที่คุณทำอยู่นั้นดีแล้ว แต่ไม่เหมาะกับสถานการณ์
คุณจะสอนอย่างไรก็ได้ ถ้าความสัมพันธ์ของลูกกับคุณอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ตอนนี้ ไม่ใช่
คุณกำลังเปรียบเทียบเขากับลูกอีกคน = ผลักเขาออกห่างจากคุณมากขึ้นไปอีก
สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ หยุดคาดหวังว่าเขาจะต้องเป็นอย่างที่คุณต้องการ
คุณทิ้งเขาในตอนที่เขาบอบบางที่สุด พอกลับมาก็ดึงดันจะให้เขาเป็นอย่างที่คุณต้องการ แบบนี้มัน ผิด!!
จะบอกว่าแค่อยากให้เป็นคนดี คิดได้ ไอ้คำว่าเป็นคนดี มีสำนึกนี่แหละ คือความอยากของคุณ
คุณบอกคุณทำมาหลายวิธี ถามว่า ไปพบจิตแพทย์กันสักครั้งหรือยัง?
ถ้ายังไม่เคยไปพบจิตแพทย์ ก็รีบไปโดยด่วนค่ะ เคสนี้คุณแม่เอาไม่อยู่แล้ว เกินความสามารถแล้ว
ย้ำอีกที ไปพบจิตแพทย์กันทั้งบ้านเลย คุณก็ด้วย สมควรไปพบจิตแพทย์มากกว่าใครเลยค่ะ
สิ่งที่คุณทำตอนนี้ไม่ต่างจากการเอามีดมาจี้เขาแล้วบอกว่า "หยุด โยนสิ่งไม่ดีออกไปซะ แล้วหัดเป็นคนดีๆบ้าง"
เขาก็คงคิดนะว่า ทีตอนนี้เกิดอยากจะมาสั่งสอน ตอนนั้นทำไมไม่อยู่สอน ทำไมตอนนั้นถึงทิ้งเขาไป
มันเหมือนคุณถีบเขาลงกองขี้ควาย ผ่านไปสิบปีก็มาบอกว่า ขี้ควายบนตัวลูกมันเหม็นจัง โยนมันทิ้งไปที ดูพี่เค้าซิ ยังอาบน้ำปะแป้งใหม่ได้ แต่คุณแม่ก็ลืมไปว่าถีบลงบ่อขี้ควายคนละบ่อ บ่อของพี่ชายไม่เหม็นเท่าเลยยังพออาบน้ำปะแป้งใหม่ได้
แต่ของคนเล็ก โดนถีบลงไปจนมิดหัว โงหัวก็แทบไม่ขึ้น กว่าจะโผล่หัวขึ้นมาได้ก็มีแต่ขี้ควายกรังๆติดเต็มตัว
แม่ก็เพียรบอก แกะออกอย่างนี้สิ ทำอย่างนี้สิ แต่ไม่รู้เลยว่า แกะทีเขาก็เจ็บที เพราะมันเกาะไปถึงกระดูก ไม่ใช่เกาะแค่ผิวหนัง แล้วใครมันจะไปอยากแกะขี้ควายออกกันเล่า?!
มันไม่ดี ก็รู้แหละว่าไม่ดี แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายและจิตใจไปแล้ว
ตอนที่เขาโดนถีบลงบ่อขี้ เขาเจ็บปวดแค่ไหน ร้องไห้แค่ไหน คิดถึงแม่แค่ไหน แม่รู้บ้างไหม? แม่คิดว่ามันง่ายเหรอกับการต้องโยนความรู้สึกทั้งหมดทิ้งไปแล้วทำทุกอย่างที่แม่บอกว่ามันเลว มันไม่ดี เพื่อมีชีวิตรอด
เราบอกเลย คุณไม่เข้าใจเขาสักนิด ไม่เข้าใจเลย และไม่ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นด้วย
คุณบอกว่าบ้านเราไม่มีความลับ ถามว่าความลับมันสำคัญนักเหรอสำหรับเขา? ไม่สำคัญเลย คุณเองก็ไม่มีความสำคัญกับเขาเช่นกัน
คุณบอกว่าคุณทำมาหลายวิธี คุณเคยอ่าน เลี้ยงลูกให้ได้ดี 100 ตอน ของคุณหมอประเสริฐหรือยัง ไปหาอ่านนะคะ แล้วจะรู้ว่าคุณพลาดอะไรไปในตอนที่ทิ้งเขาไป
เขาขาดทั้งความยับยั้งชั่งใจ ขาดการควบคุมตนเอง ขาดความนับถือ เคารพตนเอง แม่ไม่มีจริง ไม่มีสายสัมพันธ์
เขาไม่มีอะไรเลย
คุณแม่ต้องปรับทัศนคติใหม่ก่อน ที่คุณทำอยู่นั้นดีแล้ว แต่ไม่เหมาะกับสถานการณ์
คุณจะสอนอย่างไรก็ได้ ถ้าความสัมพันธ์ของลูกกับคุณอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ตอนนี้ ไม่ใช่
คุณกำลังเปรียบเทียบเขากับลูกอีกคน = ผลักเขาออกห่างจากคุณมากขึ้นไปอีก
สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ หยุดคาดหวังว่าเขาจะต้องเป็นอย่างที่คุณต้องการ
คุณทิ้งเขาในตอนที่เขาบอบบางที่สุด พอกลับมาก็ดึงดันจะให้เขาเป็นอย่างที่คุณต้องการ แบบนี้มัน ผิด!!
จะบอกว่าแค่อยากให้เป็นคนดี คิดได้ ไอ้คำว่าเป็นคนดี มีสำนึกนี่แหละ คือความอยากของคุณ
คุณบอกคุณทำมาหลายวิธี ถามว่า ไปพบจิตแพทย์กันสักครั้งหรือยัง?
ถ้ายังไม่เคยไปพบจิตแพทย์ ก็รีบไปโดยด่วนค่ะ เคสนี้คุณแม่เอาไม่อยู่แล้ว เกินความสามารถแล้ว
ย้ำอีกที ไปพบจิตแพทย์กันทั้งบ้านเลย คุณก็ด้วย สมควรไปพบจิตแพทย์มากกว่าใครเลยค่ะ
สิ่งที่คุณทำตอนนี้ไม่ต่างจากการเอามีดมาจี้เขาแล้วบอกว่า "หยุด โยนสิ่งไม่ดีออกไปซะ แล้วหัดเป็นคนดีๆบ้าง"
เขาก็คงคิดนะว่า ทีตอนนี้เกิดอยากจะมาสั่งสอน ตอนนั้นทำไมไม่อยู่สอน ทำไมตอนนั้นถึงทิ้งเขาไป
มันเหมือนคุณถีบเขาลงกองขี้ควาย ผ่านไปสิบปีก็มาบอกว่า ขี้ควายบนตัวลูกมันเหม็นจัง โยนมันทิ้งไปที ดูพี่เค้าซิ ยังอาบน้ำปะแป้งใหม่ได้ แต่คุณแม่ก็ลืมไปว่าถีบลงบ่อขี้ควายคนละบ่อ บ่อของพี่ชายไม่เหม็นเท่าเลยยังพออาบน้ำปะแป้งใหม่ได้
แต่ของคนเล็ก โดนถีบลงไปจนมิดหัว โงหัวก็แทบไม่ขึ้น กว่าจะโผล่หัวขึ้นมาได้ก็มีแต่ขี้ควายกรังๆติดเต็มตัว
แม่ก็เพียรบอก แกะออกอย่างนี้สิ ทำอย่างนี้สิ แต่ไม่รู้เลยว่า แกะทีเขาก็เจ็บที เพราะมันเกาะไปถึงกระดูก ไม่ใช่เกาะแค่ผิวหนัง แล้วใครมันจะไปอยากแกะขี้ควายออกกันเล่า?!
มันไม่ดี ก็รู้แหละว่าไม่ดี แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายและจิตใจไปแล้ว
ตอนที่เขาโดนถีบลงบ่อขี้ เขาเจ็บปวดแค่ไหน ร้องไห้แค่ไหน คิดถึงแม่แค่ไหน แม่รู้บ้างไหม? แม่คิดว่ามันง่ายเหรอกับการต้องโยนความรู้สึกทั้งหมดทิ้งไปแล้วทำทุกอย่างที่แม่บอกว่ามันเลว มันไม่ดี เพื่อมีชีวิตรอด
เราบอกเลย คุณไม่เข้าใจเขาสักนิด ไม่เข้าใจเลย และไม่ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นด้วย
คุณบอกว่าบ้านเราไม่มีความลับ ถามว่าความลับมันสำคัญนักเหรอสำหรับเขา? ไม่สำคัญเลย คุณเองก็ไม่มีความสำคัญกับเขาเช่นกัน
คุณบอกว่าคุณทำมาหลายวิธี คุณเคยอ่าน เลี้ยงลูกให้ได้ดี 100 ตอน ของคุณหมอประเสริฐหรือยัง ไปหาอ่านนะคะ แล้วจะรู้ว่าคุณพลาดอะไรไปในตอนที่ทิ้งเขาไป
เขาขาดทั้งความยับยั้งชั่งใจ ขาดการควบคุมตนเอง ขาดความนับถือ เคารพตนเอง แม่ไม่มีจริง ไม่มีสายสัมพันธ์
เขาไม่มีอะไรเลย
ความคิดเห็นที่ 15
ผมจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของคุณนะครับ
เเละที่ผมเขียนอาจจะไม่ถูกใจคุณผมไม่ได้มีเจตนาเเบบนั้นเลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ลองปรึกษาจิตเเพทย์ดูครับ เล่าเหตุการณ์ให้เขาฟัง ยังไงเอาใจช่วยนะครับ
เเละที่ผมเขียนอาจจะไม่ถูกใจคุณผมไม่ได้มีเจตนาเเบบนั้นเลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ลองปรึกษาจิตเเพทย์ดูครับ เล่าเหตุการณ์ให้เขาฟัง ยังไงเอาใจช่วยนะครับ
ความคิดเห็นที่ 31
เท่าที่อ่านผมว่าการแก้ปัญหาต้องเริ่มจากคุณแม่ปรับทัศนคติตัวเองก่อนดีกว่าครับ ว่าตกลงรักลูกตัวเองขนาดไหน เพราะเด็กเติบโตมาแบบนี้คุณจะไปโทษคนอื่นว่าเลี้ยงลูกคุณให้นิสัยแย่อย่างโน้นนี้ไม่ได้ สิบกว่าปีคุณแทบไม่ได้ดูแลเขาเลย ปล่อยให้โตกับคนอื่น แล้วมาบอกว่าลูกมีปัญหา ลองย้อนกลับไปตอนเขายังอ่อนต่อโลก ตัวเองไปอยู่ไหนมาครับ แล้วมาโทษว่านี่นั่นไม่ดี ผมว่าเขาโตมาได้ขนาดนี้โดยที่ไม่มีใครสั่งสอนให้ดี ไม่ไปเป็นโจร เด็กติดยา หรือเด็กเร่ร่อน ถือว่าเป็นโชคดีขนาดไหนแล้วครับ ถ้าคุณแม่รักเขาจริงๆก็ควรคอยหาวิธีปรับปรุงคอยสอนคอยให้กำลังใจเขา เด็กอายุแค่ 20 ต้นๆยังพอที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและนิสัยได้ สิ่งแรกคือต้องเปลี่ยนทัศนะคติคุณแม่ก่อนเลยครับ
แสดงความคิดเห็น
จะทำอย่างไรดี เมื่อลูกเป็นคนไร้จิตสำนึก และ ไร้ความสามาถ
และขอขอบคุณ ตวามเห็นในเชิงสร้างสรรค์ของบางท่าน ที่ออกความเห็นโดยผ่านการกลั่นกรองด้วยชอบแล้ว ยุติธรรม เป็นกลาง และให้กำลังใจกับบางท่านที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันขอให้ท่านผ่านพ้นอุปสรรค์นี้ไปได้ ขอเป็นกำลังใจให้อีกแรงค่ะ