ฝรั่งวิเคราะห์ ส่งมอบพื้นที่ช้า สร้างปัญหาใหญ่ไฮสปีดเชื่อมสนามบิน

ระหว่างที่กำลังรอการตกลงเรื่องการส่งมอบพื้นที่ สำหรับพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง ผู้ชนะการประมูล ที่คาดว่าน่าจะทันลงนามสัญญาได้ในเดือนกันยายน

วันนี้บางกอกโพสต์ ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ศุภชัย เจียรวนนท์ ที่มีความมั่นใจมากขึ้นในการดำเนินโครงการนี้ โดยกล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการใหญ่และใหม่มากสำหรับเครือซีพี จึงมีความท้าทายมากมายที่มาพร้อมกับความเสี่ยงมหาศาล ทำให้ต้องใส่ใจทุกรายละเอียดในทุก ๆ ขั้นตอน อย่างในด้านการบริหารจัดการ นอกจากร่วมมือกับพันธมิตรแล้ว ยังต้องประสานงานกับอีกหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

คุณศุภชัยบอกว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งใช้งบลงทุนสูงถึงกว่า 220,000 ล้านบาทนั้น ใช้ระยะเวลายาวนานในการพัฒนา และยากที่จะตอบได้ว่าจะสามารถคืนทุนได้เมื่อไร


สำหรับด้านความเสี่ยงของโครงการ คุณแอนดรูว์ กัลแบรนด์สัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ บริษัท เจแอลแอล ประเทศไทย จำกัด แสดงความเห็นว่า หนึ่งในหลาย ๆ ความเสี่ยงที่สำคัญของโครงการรถไฟความเร็วสูง ก็คือเรื่องของการเวนคืนที่ดินตามแนวเขตเส้นทางที่รถไฟพาดผ่าน ซึ่งหากร.ฟ.ท.เจ้าของที่ดินมีปัญหาเรื่องการส่งมอบพื้นที่ทั้งหมดที่ต้องให้ซีพีนำไปดำเนินการ หรือถ้าไม่สามารถเวนคืนได้ภายในปีหรือสองปี ก็อาจทำให้โครงการล่าช้ากว่ากำหนดได้ ซึ่งนั่นหมายถึง ต้นทุนการดำเนินโครงการที่เพิ่มขึ้น

คุณแอนดรูว์ บอกด้วยว่า โครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญส่วนใหญ่ทั่วโลก จะระบุรายละเอียดในเงื่อนไขของสัญญาหากโครงการมีความล่าช้า ดังนั้นสัญญาโครงการในไทยก็ควรจะระบุแบบเดียวกันด้วย อย่างไรก็ตาม ทุกบริษัทที่ซื้อซองประมูลโครงการนี้ไปต่างรู้อยู่แล้วว่า รถไฟจะไม่มีวันทำกำไร แต่การพัฒนาพื้นที่มักกะสันให้ประสบความสำเร็จมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงจะช่วยให้คุ้มค่ากับการลงทุน ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้เป็นทำเลที่ดี ตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่ก็มีปัญหาเรื่องทางเข้า-ออก ที่ต้องปรับปุรงให้ดีกว่าปัจจุบัน เพราะมีความแออัดยัดเยียดมาก

โครงการลักษณะนี้ในหลายประเทศทั่วโลกจะหารายได้จากหลายแหล่ง นอกเหนือจากค่าโดยสารแล้ว รายได้ส่วนใหญ่จะมาจากการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งพื้นที่มักกะสันที่ร.ฟ.ท.ให้เอกชนผู้ชนะการประมูลเช่าพัฒนาเชิงพาณิชย์ เป็นเวลา 50 ปี ครอบคลุม 140 ไร่ ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์มักกะสัน จะทำให้ร.ฟ.ท.มีค่าเช่าประมาณกว่า 55,000 ล้านบาท ขณะที่ค่าเช่าที่ดินในส่วนของศรีราชา จะอยู่ที่ประมาณ 530 ล้านบาท โดยทางซีพีมีแผนให้บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้พัฒนาในรูปแบบของมิกซ์ยูส ที่มีทั้งอาคารสำนักงาน ศูนย์ประชุม โรงแรม รีเทล ที่อยู่อาศัย และพื้นที่สีเขียว เป็นต้น

ที่ผ่านมามีความห่วงใยว่า ปริมาณผู้โดยสารจะต่ำกว่าประมาณการณ์ แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพราะโครงการนี้มีศักยภาพสูงในด้านการขนส่ง และจะสามารถนำพาความเจริญไปยังอุตสาหกรรมด้านอื่น ๆ ของประเทศ เช่นเรื่องของสนามบิน ท่าเรือน้ำลึก การวิจัยและพัฒนา นิคมอุตสาหกรรม นวัตกรรม เมืองอัจฉริยะ

สอดคล้องกับความเห็นของกลุ่มซีพี ที่แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงรอบด้านที่อาจเกิดขึ้น แต่ก็มีความมั่นใจว่า ความสำคัญของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คือ การพัฒนาที่มีความหมายมากกว่าการลงทุน โดยจะก่อให้เกิดการพัฒนาเมือง ซึ่งจะกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจ ไปสู่ชุมชนและสังคม ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศได้ประโยชน์ เช่น ประโยชน์ด้านการจ้างงานและเทคโนโลยีจากการเข้ามาลงทุนของต่างประเทศ

-----------------------------
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่