ณ นาทีนี้ไม่ขอพูดแล้วนะคะเรื่องไปกับเพื่อนชาย 2-2 #อย่าเบี่ยงประเด็น ดิฉันเน้นเฉพาะกรณีต่อเนื่องที่ผิดศีลผิดธรรม และมีพยานออกมาอย่างต่อเนื่อง เป็นผู้เกี่ยวข้องตัวจริงซึ่งตอนนี้ทุกคนแสดงตัวแล้ว จนน่าจะปฏิเสธลำบาก และหากเป็นจริงเรื่องนี้มันก็รุนแรงเกินรับได้
1. โอตะคุณอยากชอบน้องต่อไปก็ชอบได้ ไม่มีใครมีสิทธิ์ว่า แต่ “อย่าพยายามบิดเบือนความผิดถูก” สิ่งที่คุณกำลังพยายามทำลายคือศีลธรรม และหากวันนึงเกิดเรื่องเลวร้ายกับคุณหรือครอบครัวคุณ คุณจะโทษอะไรไม่ได้ เพราะคุณเคยส่งเสริมค่านิยมแบบนี้ว่าไม่ผิด
2. การให้กำลังใจที่ถูกต้องคือ ให้กำลังใจให้เขาคิดได้ กลับตัว ให้โอกาสเขาได้สำนึกและเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่ใช่ดันทุรังว่าทำอะไรก็ดีงามไปหมด นั่นคือการอวย ไม่ใช่กำลังใจ และการอวยอย่างไร้สำนึกด้วย
3. ในทางกลับกัน การที่พวกแอนตี้ไปละเมิดติดตามพฤติกรรมเขา รวมถึงโพสต์แสดงที่อยู่ ถือเป็นการคุกคาม และไม่ใช่สิ่งที่ควรปล่อยให้มีอยู่ในสังคมนี้ มันคือเรื่องความปลอดภัยของบุคคลที่ไม่ควรละเมิดหรือล้ำเส้นไม่ว่าเค้าจะเป็นใครหรือทำผิดอะไรก็ตาม ควรมีการดำเนินการตามกฎหมายกับคนพวกนี้เช่นกัน อันนี้ถือเป็นภัยสังคมด้วยซ้ำ
4. หากเป็นเรื่องไม่จริง น้องควรแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ปล่อยข่าวทั้งหมด รวมถึงญาติฝั่งคู่กรณีที่ออกมาโพสต์เรื่องราวทั้งหมด คือถ้าไม่จริงต้องดำเนินการค่ะ การนิ่งเฉยสังคมจะยิ่งมองไม่ดีไปถึงครอบครัวด้วย
5. หากสรุปว่าจริงตามหลักฐาน โอตะควรสำนึกและออกมาขอโทษสังคมบ้าง เราเห็นหลายกรณีแล้วที่เหล่าแฟนคลับปกป้องดารา ด่าคนนั้นคนนี้ แถไปเรื่อย กล่าวหาว่าสังคมรุมทำร้ายคนดี แต่พอความจริงปรากฎ คนเหล่านี้ก็หายไป ไม่เคยสำนึกอะไร ไม่เคยกล้ารับผิดชอบการกระทำอย่างที่แสดงออก สังคมเราไม่ควรปล่อยให้เป็นอย่างนี้ คนเราต้องรับผิดชอบการกระทำ ไม่ใช่ถือว่าเรามีสิทธิ์ปกป้องคนที่เรารักโดยไม่ต้องสำนึกอะไรเลย แล้วจะเป็นการกระทำที่ถูกเสมอ
6. หากจริง อฟช เองก็ควรออกมาขอโทษด้วย ที่เคยออกมาโกหกสังคม รวมถึงให้เมมเบอร์คนอื่นๆออกมาช่วยรับหน้าโกหกสังคม เพราะมันคือ value ของบริษัทคุณ ชี้ให้เห็นเลยว่าองค์กรมีค่านิยมธรรมาภิบาลอย่างไร ในการปกป้องคนผิดด้วยเห็นถึงประโยชน์ทางธุรกิจมากกว่าความถูกต้อง
บอกตรงๆว่าตอนนี้ผิดหวังและหมดใจกับ 48 มาก จะอ้างว่าตอนนั้นไม่รู้ก็ไม่ได้หรอก เพราะแม้แต่การแก้ตัวในครั้งนั้น อฟช เองยังจงใจข้ามประเด็นวันที่ 25 เลย คือจงใจเลือกตอบเฉพาะที่หาข้อแถได้ ดังนั้นย่อมแปลว่ารู้อยู่แก่ใจ และรู้มานานแล้ว มันยิ่งทำให้คิดว่ามีมูลความจริงใช่ไหม จึงเบี่ยงประเด็นกัน
เราถึงกับคิดจะถอดใจเลิกตามน้องๆในวง เพราะรับไม่ได้จริงๆกับเรื่องแบบนี้ คือน้องคนอื่นไม่ผิดนะ แต่บริษัทที่มีค่านิยมแบบนี้ มันรับไม่ได้หรอก
ขอให้ทุกความจริงปรากฎ และผู้เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบดังนี้ด้วยค่ะ
**กรณีมัยร่า bnk48 ขอแสดงความเห็นดังนี้ค่ะ**
* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะ1. โอตะคุณอยากชอบน้องต่อไปก็ชอบได้ ไม่มีใครมีสิทธิ์ว่า แต่ “อย่าพยายามบิดเบือนความผิดถูก” สิ่งที่คุณกำลังพยายามทำลายคือศีลธรรม และหากวันนึงเกิดเรื่องเลวร้ายกับคุณหรือครอบครัวคุณ คุณจะโทษอะไรไม่ได้ เพราะคุณเคยส่งเสริมค่านิยมแบบนี้ว่าไม่ผิด
2. การให้กำลังใจที่ถูกต้องคือ ให้กำลังใจให้เขาคิดได้ กลับตัว ให้โอกาสเขาได้สำนึกและเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่ใช่ดันทุรังว่าทำอะไรก็ดีงามไปหมด นั่นคือการอวย ไม่ใช่กำลังใจ และการอวยอย่างไร้สำนึกด้วย
3. ในทางกลับกัน การที่พวกแอนตี้ไปละเมิดติดตามพฤติกรรมเขา รวมถึงโพสต์แสดงที่อยู่ ถือเป็นการคุกคาม และไม่ใช่สิ่งที่ควรปล่อยให้มีอยู่ในสังคมนี้ มันคือเรื่องความปลอดภัยของบุคคลที่ไม่ควรละเมิดหรือล้ำเส้นไม่ว่าเค้าจะเป็นใครหรือทำผิดอะไรก็ตาม ควรมีการดำเนินการตามกฎหมายกับคนพวกนี้เช่นกัน อันนี้ถือเป็นภัยสังคมด้วยซ้ำ
4. หากเป็นเรื่องไม่จริง น้องควรแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ปล่อยข่าวทั้งหมด รวมถึงญาติฝั่งคู่กรณีที่ออกมาโพสต์เรื่องราวทั้งหมด คือถ้าไม่จริงต้องดำเนินการค่ะ การนิ่งเฉยสังคมจะยิ่งมองไม่ดีไปถึงครอบครัวด้วย
5. หากสรุปว่าจริงตามหลักฐาน โอตะควรสำนึกและออกมาขอโทษสังคมบ้าง เราเห็นหลายกรณีแล้วที่เหล่าแฟนคลับปกป้องดารา ด่าคนนั้นคนนี้ แถไปเรื่อย กล่าวหาว่าสังคมรุมทำร้ายคนดี แต่พอความจริงปรากฎ คนเหล่านี้ก็หายไป ไม่เคยสำนึกอะไร ไม่เคยกล้ารับผิดชอบการกระทำอย่างที่แสดงออก สังคมเราไม่ควรปล่อยให้เป็นอย่างนี้ คนเราต้องรับผิดชอบการกระทำ ไม่ใช่ถือว่าเรามีสิทธิ์ปกป้องคนที่เรารักโดยไม่ต้องสำนึกอะไรเลย แล้วจะเป็นการกระทำที่ถูกเสมอ
6. หากจริง อฟช เองก็ควรออกมาขอโทษด้วย ที่เคยออกมาโกหกสังคม รวมถึงให้เมมเบอร์คนอื่นๆออกมาช่วยรับหน้าโกหกสังคม เพราะมันคือ value ของบริษัทคุณ ชี้ให้เห็นเลยว่าองค์กรมีค่านิยมธรรมาภิบาลอย่างไร ในการปกป้องคนผิดด้วยเห็นถึงประโยชน์ทางธุรกิจมากกว่าความถูกต้อง
บอกตรงๆว่าตอนนี้ผิดหวังและหมดใจกับ 48 มาก จะอ้างว่าตอนนั้นไม่รู้ก็ไม่ได้หรอก เพราะแม้แต่การแก้ตัวในครั้งนั้น อฟช เองยังจงใจข้ามประเด็นวันที่ 25 เลย คือจงใจเลือกตอบเฉพาะที่หาข้อแถได้ ดังนั้นย่อมแปลว่ารู้อยู่แก่ใจ และรู้มานานแล้ว มันยิ่งทำให้คิดว่ามีมูลความจริงใช่ไหม จึงเบี่ยงประเด็นกัน
เราถึงกับคิดจะถอดใจเลิกตามน้องๆในวง เพราะรับไม่ได้จริงๆกับเรื่องแบบนี้ คือน้องคนอื่นไม่ผิดนะ แต่บริษัทที่มีค่านิยมแบบนี้ มันรับไม่ได้หรอก
ขอให้ทุกความจริงปรากฎ และผู้เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบดังนี้ด้วยค่ะ