ที่เคยเห็นมาหลายๆที่ เวลาที่มีใครต้องการบวช ทางวัดก็ให้ไปท่องคำขานนาคให้ขึ้นใจ จำได้เป็นอันจบ เสร็จแล้วก็มาบวช
เรื่องวินัยพระ หลายๆวัดก็ไม่ได้ใส่ใจจะสอนให้ผู้ต้องการจะบวชได้รู้ก่อนครองผ้าเหลือง บางคนบวช 10-20 วัน ไม่รู้วินัยพระเลยก็มี ที่บวชมา ก็ไม่รู้ว่าเผลอทำปาราชิกไปหรือเปล่า บวชมาแทนที่จะได้บุญ แทนที่ชีวิตหลังการบวชจะเจริญ กลับได้อะไรไม่รู้ ชีวิตหลังบวชจะล่มจมหรือเปล่าไม่รู้
เรื่องของการสอนวินัยพระที่พอจะเห็น ก็ตอนที่อยู่ในงานบวช พระอุปัชฌาย์จะสอนข้อห้าม 4 อย่างแก่ผู้บวชใหม่
-ห้ามเสพลักทรัพย์ -ห้ามเสพเมถุน -ห้ามฆ่าคน
-ห้ามพูดอวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตน
แต่การสอนในช่วงบรรยากาศงานบวช พระที่บวชใหม่จะฟังจะรับรู้ได้ซักแค่ไหน ดูท่าพระผู้บวชใหม่จะฟังผ่านๆมากกว่า จิตของพระน่าจะล่องลอยอยู่ในบรรยากาศงานบวชมากกว่า คำพูดพระอุปัชฌาย์หลายคำก็คงเป็นเพียงลมผ่านหู น้อยนักที่พระที่อยู่ในพิธีบวชจะใส่ใจจำคำสอนอุปัชฌาย์
เรื่องวินัยพระควรเรียนรู้มาตั้งแต่ก่อนบวช ก่อนครองผ้าเหลือง เพื่อที่การเป็นพระจะได้ผิดพลาดน้อยที่สุด
แต่สมัยนี้ เท่าที่เห็นมาจะให้พระบวชใหม่ รอเรียนวินัยพระตอนเรียนนักธรรมตรีเลย ซึ่งก่อนที่พระจะได้เรียนนักธรรมตรี หากว่าพระได้ทำอาบัติปาราชิกไป จะถือว่าพระต้องอาบัติปาราชิกหรือเปล่า
ทุกวันนี้ไม่ได้มีข้อยกเว้นนะว่า "พระที่บวชใหม่นั้นหากยังไม่ได้เรียนนักธรรมตรี เมื่อได้กระทำปาราชิกแล้ว ให้ยกเว้นแก่การปรับอาบัติปาราชิกได้"
เพราะฉะนั้นการเรียนวินัยพระที่คนส่วนมากคิดว่า ค่อยเรียนตอนเรียนนักธรรมตรีก็ได้ เป็นวิธีคิดที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง
สิ่งที่ถูกต้องของการเรียนวินัยพระ คือ ต้องศึกษามาให้รู้ระดับหนึ่งก่อนบวช และต้องรู้ชัดเจนในข้อปาราชิกและสังฆาทิเสสชนิดผู้ต้องการบวชท่องปากเปล่าได้
ที่พูดมาก็คงอยู่ที่นโยบายแต่ละวัดว่าใส่ใจเรื่องพระวินัยมากน้อยแค่ไหน จะเอาเรื่องการสอนพระวินัยไปทำไปสานต่อให้เกิดผลอย่างไร หากแต่ละวัดมีพระผู้ใหญ่ที่สอนวินัยได้ละเอียด ชี้ให้คุณและโทษของการรักษาพระวินัยได้ พระพุทธศาสนาคงอยู่อย่างมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองกว่านี้ล่ะ
ทุกวันนี้ วิธีการฝึกอบรมเรียนรู้วินัยพระค่อนข้างอ่อนไปมั้ย ถึงได้มีพระที่กล้าทำผิดวินัยหนักๆมากกว่าแต่ก่อน
เรื่องวินัยพระ หลายๆวัดก็ไม่ได้ใส่ใจจะสอนให้ผู้ต้องการจะบวชได้รู้ก่อนครองผ้าเหลือง บางคนบวช 10-20 วัน ไม่รู้วินัยพระเลยก็มี ที่บวชมา ก็ไม่รู้ว่าเผลอทำปาราชิกไปหรือเปล่า บวชมาแทนที่จะได้บุญ แทนที่ชีวิตหลังการบวชจะเจริญ กลับได้อะไรไม่รู้ ชีวิตหลังบวชจะล่มจมหรือเปล่าไม่รู้
เรื่องของการสอนวินัยพระที่พอจะเห็น ก็ตอนที่อยู่ในงานบวช พระอุปัชฌาย์จะสอนข้อห้าม 4 อย่างแก่ผู้บวชใหม่
-ห้ามเสพลักทรัพย์ -ห้ามเสพเมถุน -ห้ามฆ่าคน
-ห้ามพูดอวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตน
แต่การสอนในช่วงบรรยากาศงานบวช พระที่บวชใหม่จะฟังจะรับรู้ได้ซักแค่ไหน ดูท่าพระผู้บวชใหม่จะฟังผ่านๆมากกว่า จิตของพระน่าจะล่องลอยอยู่ในบรรยากาศงานบวชมากกว่า คำพูดพระอุปัชฌาย์หลายคำก็คงเป็นเพียงลมผ่านหู น้อยนักที่พระที่อยู่ในพิธีบวชจะใส่ใจจำคำสอนอุปัชฌาย์
เรื่องวินัยพระควรเรียนรู้มาตั้งแต่ก่อนบวช ก่อนครองผ้าเหลือง เพื่อที่การเป็นพระจะได้ผิดพลาดน้อยที่สุด
แต่สมัยนี้ เท่าที่เห็นมาจะให้พระบวชใหม่ รอเรียนวินัยพระตอนเรียนนักธรรมตรีเลย ซึ่งก่อนที่พระจะได้เรียนนักธรรมตรี หากว่าพระได้ทำอาบัติปาราชิกไป จะถือว่าพระต้องอาบัติปาราชิกหรือเปล่า
ทุกวันนี้ไม่ได้มีข้อยกเว้นนะว่า "พระที่บวชใหม่นั้นหากยังไม่ได้เรียนนักธรรมตรี เมื่อได้กระทำปาราชิกแล้ว ให้ยกเว้นแก่การปรับอาบัติปาราชิกได้"
เพราะฉะนั้นการเรียนวินัยพระที่คนส่วนมากคิดว่า ค่อยเรียนตอนเรียนนักธรรมตรีก็ได้ เป็นวิธีคิดที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง
สิ่งที่ถูกต้องของการเรียนวินัยพระ คือ ต้องศึกษามาให้รู้ระดับหนึ่งก่อนบวช และต้องรู้ชัดเจนในข้อปาราชิกและสังฆาทิเสสชนิดผู้ต้องการบวชท่องปากเปล่าได้
ที่พูดมาก็คงอยู่ที่นโยบายแต่ละวัดว่าใส่ใจเรื่องพระวินัยมากน้อยแค่ไหน จะเอาเรื่องการสอนพระวินัยไปทำไปสานต่อให้เกิดผลอย่างไร หากแต่ละวัดมีพระผู้ใหญ่ที่สอนวินัยได้ละเอียด ชี้ให้คุณและโทษของการรักษาพระวินัยได้ พระพุทธศาสนาคงอยู่อย่างมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองกว่านี้ล่ะ