แนะนำตัวประหลาดของ ‘กีเยร์โม เดล โตโร’ ชายผู้หลงใหลในรูปลักษณ์ที่แตกต่าง

Posted On 8 August 2019 Prepanod Nainapat 




กีเยร์โม เดล โตโร (Guillermo del Toro) เป็นผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ และคนเขียนบท ชาวเม็กซิโก ที่คนดูภาพยนตร์หลายคนน่าจะจดจำผลงานของเขาได้จากการสร้างโลกแฟนตาซีที่มีทิวทัศน์อันเป็นเอกลักษณ์ และมีสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่โดดเด่น

กล่าวกันว่าที่ชายผู้นี้ตั้งใจเนรมิตสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์ทั่วไปจะเรียกขานว่า ‘สัตว์ประหลาด’ นั้น มาจากความชื่นชอบการ์ตูนและภาพยนตร์แนวสยองขวัญมาตั้งแต่วัยเด็ก ผสมปนเปกับประสบการณ์ส่วนตัวของ กีเยร์โม เดล โตโร ที่เคยให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่า ตัวเขานั้นมีโอกาสได้เจอพบเจอเรื่องราวทั้งที่โหดร้าย และเหนือธรรมชาติมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ทำให้เขามีภาพที่น่ากลัวอยู่ภายในหัวของเขาไม่น้อย และเมื่อเขาได้มีโอกาสสร้างภาพยนตร์ของตัวเอง เขาจึงนำเอาสิ่งที่พบเห็นมาสร้างเป็นภาพที่ยากจะหาใครมาสร้างซ้ำได้

ในเร็วๆ นี้ ภาพยนตร์เรื่อง ‘Scary Stories To Tell In The Dark’ ที่ กีเยร์โม เดล โตโร เป็นโปรดิวเซอร์กับร่วมเขียนบทกำลังจะเข้าฉาย ในขณะเดียวกันเขาก็กำลังง่วนอยู่กับการสร้างภาพยนตร์สต็อปโมชั่น ‘Pinocchio’ (พิน็อคคิโอ) ที่หลายคนคาดว่าคงไม่ออกมาเป็นเรื่องราวใสๆ แบบนิทานหรือการ์ตูนที่เคยรับชมกัน

ด้วยเหตุนี้เราจึงอยากจะพูดถึงเหล่าสิ่งมีชีวิตประหลาดที่ กีเยร์โม เดล โตโร มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ หรือ ปรับปรุงรายละเอียดของตัวละครสิ่งมีชีวิตประหลาดให้มีเรื่องราวในตัวของพวกมันเอง และทำใหหลายคนจดจำสัตว์ประหลาดเหล่านั้นได้ แม้จะดูหนังจบไปนานแล้วก็ตามที

Judas Breed จากภาพยนตร์ Mimic

แมลงพิสดารที่เกิดจากการนำเอาแมลงสาบมาดัดแปลงใส่ DNA ของ ปลวก กับ ตั๊กแตน มารวมกัน จนกลายเป็นแมลงพันธ์ Judas ที่ในตอนแรกนั้นถูกสร้างมาเพื่อใช้กำจัดแมลงสาปที่ปล่อยเชื้อโรคร้าย และจะสูญพันธ์ในช่วงเวลาสั้นๆ เพราะถูกดัดแปลงให้มีอายุขัยที่ไม่มากนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป แมลงดังกล่าวก็วิวัฒนาการตัวเองจนสามารถแพร่พันธุ์ได้ มีอายุขัยยาวนานขึ้น

และเหยื่อของเหล่า Judas ไม่หยุดแค่แมลงกันเอง แต่เริ่มกินมนุษย์เป็นอาหาร ทำให้พวกมันวิวิฒนาการด้วยการยืนตัวตรง แล้วห่อปีกตัวเองจนดูเหมือนมนุษย์ใส่โค้ทยาว ก่อนจะลากผู้โชคร้ายไปเก็บไว้ในรังของพวกมัน และทำให้มนุษย์ผู้สร้างมันขึ้นมาต้องกลับมาฆ่าล้างพันธุ์อีกครั้ง

ความจริงแล้ว สัตว์ประหลาดตัวนี้อาจถือว่าไม่ใช่ผลงานการสร้างของตัว กีเยร์โม เดล โตโร ด้วยตัวคนเดียวเลยเสียทีเดียว เพราะตัวภาพยนตร์ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของ เดวิด เอ. โวลไฮม์ (Donald A. Wollheim) แต่ กีเยร์โม ได้ร่วมกับทีมงานสร้างภาพยนตร์ทำการปรับเปลี่ยนดีไซน์ของสัตว์ประหลาดตัวนี้ให้เข้ากับภาพที่เขาอยากนำเสนอบนจอภาพยนตร์ และคงต้องยอมรับว่าแมลงสาบยักษ์มาเดินเนียนกับผู้คนมันเป็นอะไรที่ชวนขนลุกจริงๆ

และภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ กีเยร์โม เดล โตโร ได้พบกับ ดั๊ก โจนส์ (Doug Jones) นักแสดงที่มีร่างกายผอมบางและชำนาญการใส่ชุดเอฟเฟคท์พิเศษ เลยทำให้นักแสดงท่านนี้ได้ร่วมงานกับ กีเยร์โม เดล โตโร อีกหลายต่อหลายครั้ง




Santi จากภาพยนตร์ The Devil’s Backbone

Santi คือผีเด็กชายที่ปรากฏตัวอยู่ภายในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าชาย ท่าทางภายนอกของผีตนนี้ มีหน้าซีดเซียว บนศีรษะด้านซ้ายมีรอยร้าวที่เห็นได้ชัดเจน และมีเลือดไหลย้อนแรงโน้มถ่วง พร้อมกับเสื้อผ้าที่ดูคล้ำหมองจากการจมน้ำมาอย่างยาวนา ที่มองผ่านๆ อย่างไร ก็รู้สึกน่ากลัวอยู่ทุกการเคลื่อนไหว

ผู้ที่เห็นผีของเด็กชายตนนี้บ่อยครั้งที่สุดก็คือ เด็กชาย Carlos ที่เพิ่งมาอาศัยอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ได้มานาน ด้วยความที่ Carlos ไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้มากนัก ทำให้เขารู้สึกระแวง Santi อย่างมาก แต่ภายหลังเรื่องก็ค่อยๆ เฉลยว่า ตัว Santi นั้นไม่ได้มีเป้าหมายที่น่ากลัว แต่เขายังวนเวียนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ เพื่อทำความเข้าใจว่าใครเป็นคนสังหารเขา

ที่มาของผี และเรื่องราวส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ มาจากประสบการณ์ของกีเยร์โม เดล โตโร เอง แม้ว่าตัวของผี Santi นั้นจะไม่มีอะไรพิสดารมากนัก ถ้าเทียบกับเหล่าสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดจากภาพยนตร์เรื่องอื่น แต่ก็มีรายละเอียดหลายอย่างที่ตัวผู้กำกับคนนี้ตั้งใจจะใส่เข้าไป อาทิ สถานที่ที่ผี Santi จะปรากฏตัวนั้น มักจะมี ‘รอยคราบน้ำ’ วนเวียนอยู่เสมอ และลักษณะภายนอกกับการเคลื่อนไหวของ Santi ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ซาดาโกะ จากภาพยนตร์ ‘The Ring’ ของประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง




Reapers จากภาพยนตร์ Blade II

Reapers คือแวมไพร์ที่ได้รับไวรัสดัดแปลงพันธุกรรมของตัวเอง โดยมีเป้าหมายที่จะเอาชนะแสงอาทิตย์ที่เป็นจุดอ่อนสำคัญ แต่การพัฒนานั้นไม่สำเร็จผล แม้ว่าจะทำให้ร่างกายของแวมไพร์ทนทานต่ออาวุธเงิน กับกระเทียม และทำให้ผู้ได้รับไวรัสดัดแปลงพันธุกรรม กลายเป็น Reapers ที่ทรงพลังแทน

ภายนอกของ Reapers มักจะเป็นแวมไพร์หัวล้าน ดูมีความกระหายเลือดกว่าปกติ และมีจุดเด่นที่ชัดเจนก็คือ เวลาที่เหล่า Reapers จะดูดเลือด ปากของแวมไพร์จะอ้าออกในลักษณะที่เปิดกรามล่างแล้วใช้ลิ้นที่กลายเป็นกล้ามเนื้อที่เข้มแข็งมากพอที่จะสูบเลือดจากมนุษย์และแวมไพร์ ได้อย่างง่ายดาย

กิลเยอร์โม เดล โตโร มีโอกาสได้กำกับภาพยนตร์ที่ดัดแปงลงจากการ์ตูนของ Marvel มาตั้งแต่ช่วงปีค.ศ. 2002 และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็บ่งบอกได้ดีว่า ถึงตัวผู้กำกับท่านนี้จะต้องทำงานกับตัวละครที่มีมาก่อนแล้ว เขาก็ยังหาทางใส่ความสร้างสรรค์ของตัวเองลงไปได้ แม้ว่าบทของภาพยนตร์ภาคนี้ จะมี เดวิด เอส โกเยอร์ (David S. Goyer) เป็นผู้เขียนและสร้างตัวละคร Reapers แต่ตัวผู้กำกับก็มาร่วมออกแบบลักษณะของกลุ่มตัวละครดังกล่าว รวมไปถึงเครื่องแต่งกายของตัวละครหลักตัวอื่นด้วย




Angel Of Death จากภาพยนตร์ Hellboy II : The Golden Army

Hellboy เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่ผู้กำกับ กีเยร์โม เดล โตโร มีโอกาสได้ดัดแปลงหนังสือการ์ตูนให้มาเป็นภาพยนตร์คนแสดง และถึงหนังจะมีตัวละครจำนวนมากให้เลือกใช้งานจากต้นฉบับ แต่สุดท้ายก็มีสิ่งมีชีวิตพิสดารที่ผู้กำกับท่านนี้เพิ่มเติมเข้าไปจากไอเดียของตัวเองอยู่ด้วยเช่นกัน และสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ Angel Of Death

Angel Of Death ในภาพยนตร์ Hellboy มีลักษณะผิดแผกจากภาพลักษณ์ของเทวทูตที่ควรจะมีรูปโฉมงดงาม แต่กลับมาท่าทางเหมือนโครงกระดูกที่มาพร้อมปีกสองคู่ บนใบหน้านั้นไม่มีดวงตา และมีลักษณะด้านบนของศีรษะคล้ายแผ่นป้ายหลุมศพ กับช่วงปากที่เหมือนร่างเนื้อติดกระดูกจนเห็นฟันชัดเจน ดวงตาที่อาจจะไม่อยู่บนหน้าก็จริง แต่บนปีกนั้นจะมีดวงตาอยู่ถึงหกคู่ ที่ขยับและเฝ้ามองทุกสิ่งอย่างได้ไม่ต่างกับดวงตาปกติที่คุ้นเคย

Angel Of Death หรือ เทวทูตแห่งความตาย เป็นหนึ่งในไอเดียของกีเยร์โม เดล โตโร ที่คิดเอาไว้มานานแล้วและเนื่องจากเนื้อเรื่องของหนัง Hellboy II ต้องการให้เทวทูตตนนี้มาตอบรับตัวละคร Hellboy ที่แม้จะต่อสู้ปกป้องโลก แต่ก็เป็นตัวแทนจากนรก ดังนั้นตัวเทวทูตที่ดูแลความเป็นตายของ Hellboy จึงมีลักษณะแบบเทวทูตจากนรกมากกว่ามาจากสวรรค์




Faun จากภาพยนตร์ Pan’s Labyrinth

Faun คือสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในเขาวงกตหิน และเป็นผู้ทดสอบเด็กหญิง Ofelia ที่ตัวของเขาเชื่อว่าเป็นเจ้าหญิง Moanna เจ้าหญิงแห่งโลกใต้พิภพที่ขึ้นมานโลกและกลายเป็นวิญญาณที่กลับมาเกิดใหม่ ลักษณะภายนอกของ Fuan นั้นถ้ามองจากใบหน้าแล้วจะชวนนึกถึง แกะ กับ แพะ ผสมกัน

แต่มีโครงหน้าแบบมนุษย์ ดวงตามีสีขาวขุ่น ร่างกายนั้นมีเหมือนเป็นส่วนผสมระหว่างรากไม้กับหิน ส่วนขานั้นมีความคล้ายแกะกับแพะเช่นเดียวกับใบหน้า เจ้าตัวพกกระเป๋าสะพายข้างที่เก็บของหลายชิ้น กับกล่องไว้เก็บแฟรี่ และสภาวะร่างกายของ Faun นั้นจะดูอ่อนเยาว์มากขึ้น เมื่อ Ofelia ผ่านบทดสอบแต่ละบท

ที่เราใช้คำว่า Faun ในการพูดถึงสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดตนนี้ ก็เพราะว่า ตัวชื่อภาพยนตร์ดั้งเดิมในภาษาสเปนคือ El Laberinto Del Fauno (เขาวงกตของ Faun) แต่มีการปรับชื่อเป็น Pan’s Labyrinth ในประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาสเปน เพราะตัวผู้กำกับ กีเยร์โม เดล โตโร เห็นว่า Pan จะเป็นชื่อที่คุ้นเคยมากกว่าสำหรับคนในประเทศอื่นๆ

แม้ว่าตัว Faun ในภาพยนตร์จะมีความแตกต่างจาก Pan ที่อยู่ในปกรณัมของกรีก หรือ Peter Pan ก็ตามที และตัว Faun ในภาพยนตร์นั้น แม้ว่าจะแสดงความหลงรักในตัวของ Ofelia หรือ Moanna แต่ตัวผู้กำกับระบุว่า Faun นั้นไม่ใช่ตัวละครที่เป็นคนดี หรือคนร้าย แต่เป็นตัวละครที่ทำหน้าที่ทดสอบ Ofelia เท่านั้น

ที่มาที่ไปของ Faun นั้นมาจากสิ่งที่ กีเยร์โม เดล โตโร ระบุว่า เป็นสิ่งที่เขาเคยเจอตอนสมัยเด็กๆ ที่เขาระบุว่า เวลาที่ไปอยู่บ้านของตายาย (หรือปู่ย่า) ทุกเที่ยงคืนเขาจะเจอสัตว์ประหลาด Faun ออกมาจากนาฬิกาเรือนเก่าของที่บ้านของตายายเขานั่นเอง




The Pale Man จากภายพนตร์ Pan’s Labyrinth

สัตว์ประหลาดที่หลับใหลอยู่ภายในเขาวงกตหิน ที่ Ofelia ต้องเผชิญหน้า ลักษณะภายนอกของมันนั้นมาพร้อมกับเรือนกายสีขาวซีด ผิวหนังเหี่ยวย่นชวนให้ระลึกถึงคนชรา บนศีรษะมีรูจมูกที่ชัดเจน ปากที่พร้อมอ้าเพื่อเขมือบบางสิ่ง แต่กลับไม่มีดวงตาบนใบหน้านั้น แต่เมื่อใดที่มีเด็กเข้ามาลิ้มลองของกินที่ดูสดฉ่ำอยู่บนโต๊ะ สัตว์ประหลาดตนนี้จะหยิบจับเอาลูกตาไปประกอบบนลงเบ้าตาที่อยู่บนอุ้งมือ และเอามันมาทาบบนหน้าเพื่อจ้องมองเหยื่ออันโอชะ ของโปรดที่สัตว์ประหลาดตนนี้ชื่นชอบก็คือเด็กชาวมนุษย์นัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าสัตว์ประหลาดตนนี้จะไม่กินสิ่งมีชีวิตอื่น ดังที่ในภาพยนตร์ได้แสดงว่าสิ่งมีชีวิตตนนี้คว้าเอาแฟรี่มารับประทานดุจอาหารว่างเช่นกัน

แม้ว่า The Pale Man จะปรากฏตัวอยู่บนจอภาพยนตร์อยู่ไม่กี่นาที แต่ลักษณะภายนอกกับการกระทำของสัตว์ประหลาดตนนี้ก็ทำให้หลายคนจดจำมันได้อย่างแม่นยำ ไม่เว้นแม้แต่ สตีเฟน คิง (Stephen King) นักเขียนนิยายสยองนามอุโฆษที่รับชมภาพยนตร์ Pan’s Labyrinth พร้อมกับตัวผู้กำกับกีเยร์โม เดล โตโร ซึ่งจากที่ตัวผู้กำกับชาวเม็กซิโกเล่าเปรียบเปรย ในช่วงที่ The Pale Man ปรากฏตัวนั้น สตีเฟน คิง ถึงกับกรีดร้องด้วยท่าทีที่ชวนให้รับรางวัลออสการ์

ที่มาของสัตว์ประหลาดตัวนี้ มาจากภาพวาด ‘Saturn Devouring His Son’ ของศิลปิน ฟรันซิสโก โกยา (Francisco Goya) ณ ตอนแรก ตัว กีเยร์โม เดล โตโร ออกแบบให้เป็นสัตว์ประหลาดผิวย่นน่ากลัวใกล้เคียงกับภาพวาด ก่อนจะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ด้วยการเอาแนวคิดจากภูตพรายของญี่ปุ่น Te No Me (เทะโนะเมะ – ตาที่มือ) ที่มีดวงตาอยู่บนฝ่ามือมาผสมในภายหลัง เพื่อให้เข้าวิสัยทัศน์ของผู้กำกับที่เชื่อว่าสัตว์ประหลาดที่มีความเปลี่ยนแปลงนั้นดูน่ากลัวกว่า และมันก็ออกมาน่ากลัวเกิดคาดจริงๆ


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่