คำเตือนเนื้อหานี้เป็นเฉพาะบางคนเท่านั้น ไม่ได้เหมารวมทุกคน สนุกสนานเฮฮา ไม่แนะนำให้ซีเลือด อุ๊ย! บ่แม่น ซีเรียสนะคะ
เครดิตภาพจากเน็ต เพจ วิถีบ้านนา ค่ะ
เดือนนี้ก็เข้าสี่ปีเต็มพอดีที่กานต์มาทำงานในเมืองกรุง งานดีเงินดีทำให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น มีเงินส่งทางบ้าน ดูแลพ่อแม่ ส่งน้องเรียน บ่แม่นๆ! อุ้ย ไม่ใช่ๆแล้วจะดราม่าไปไหน มีเงินส่งให้พ่อแม่ทุกเดือน ส่วนน้องพ่อแม่ก็หาเงินส่งต่อไป กานต์เรียนจบแล้วไม่สนติ้วอะไรแล้ว
ในที่ทำงานหรือประชากรในกรุงเทพมีผู้คนมากมายหลายภูมิภาคมาอยู่รวมกัน เหนือ ใต้ อิสาน ออก ตก แต่เอ๊ะ ที่กานต์ประสบพบเจอทำไมเจอแต่คนอิสานด้วยกันหว่า
เฮ้... ข้อยคนสารคามเว้ย ฮ้วย... กาฬสินธุ์ตั้วนิ พุ้นน่ะ...สกลนคร
อย่างกับกรุงเทพมหานครถูกคนอิสานยึดครอบครองไว้อย่างนั้นแหละ ไม่ใช่ๆ! คนภาคอื่นก็มี ในที่ทำงานกานต์ มีเหนือ มีใต้ อิสานรวมกัน แต่เอในการสนทนากันรู้สึกว่าจะใช้ภาษาบ้านกานต์เป็นภาษาส่วนใหญ่ คนใต้พูดอิสานจะดูแปลกๆนิดนึง เหนือก็พอได้ ภาษาคล้ายๆกัน
เออะ! พี่ต้าเดินชนโต๊ะทำงาน นี่รู้เลยมาจากไหน แค่อุทานคำเดียวก็บ่งบอกถึงภูมิลำเนาได้แล้ว ถ้าคนๆนั้นอยู่ที่เดียวกันนะ
“อุ้ยไม่ใช่” พี่ต้าเอามือปิดปากทำหน้าตกใจทำตาล็อกแล็กๆ เดินกลับไปชนโต๊ะอีกรอบ “โอ้ย” รอบนี้แหละใช้ได้โอเค เพื่อนในที่ทำงานหัวเราะชอบใจกันใหญ่ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แค่ทำให้มันมีบรรยากาศสนุกสนานก็แค่นั้น พี่ต้าแกสายฮาประจำออฟฟิศ
มันกลายเป็นเรื่องสนุกไปแล้ว สำหรับเพื่อนร่วมงานด้วยกัน แม้กระทั้งหัวหน้าก็เป็นไปกับเขา แหงอยู่แล้วก็นั่งทำงานด้วยกัน แต่จะไปพูดแบบนี้กับ ผจก กับผู้หลักผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ ต้องใช้เป็นภาษากลาง ภาษาทางการ
กานต์ก็มีหลุดบ้างนะ แต่จะรู้ว่าตอนไหนควรเล่น ตอนไหนควรจริงจัง ผู้ใหญ่คนไหนพูดได้พูดไม่ได้ มีบางคนที่กานต์สงสัยว่า เขาตั้งใจพูดแบบนั้น หรือแคดแลดออกมาเอง อุ้ยไม่ใช่! เผลอพูดออกมาเอง
แนวทางจะพิสูจน์ว่าใครเป็นใคร ใครอยู่ภูมิภาคเดียวกันกับเรา ง่ายนิดเดียว ถ้าเราพูดตกภาษาถิ่นเขาจะขำทันที นั้นแหละแปลว่าไอ้คุณเมริงก็มาจากที่เดียวกันกับตรู ไม่ต้องมาขำเลย
ถ้าพูดไทยแล้วตกลาว ตกเหนือ ตกใต้ มันยังพอให้อภัย แต่พูดตกพยัญชนะนี่กานต์รำคาญหูมาก อยากรู้ว่าตั้งใจพูดหรือลืมตัว
“ไม่ฉนใจ
ไม่สนใจ “ เฮ้อรักษายาก จะไปตำหนิเขาก็ไม่ได้ เพื่อนๆกันทั้งนั้น ทำๆเป็นไม่ใส่ใจไป หรือมันจะกลายเป็นภาษาวิบัติไปแล้ว มันเป็นแฟร์ชั่น หรือเทรนไปแล้วหรือป่าว
กานต์ณดานั่งเคาะปากกาเล่น ตามองออกไปข้างนอกออฟฟิศ มองทะลุกระจกใสๆออกไปยังตลาดฝั่งตรงข้าม คนที่สังเกตคงคิดว่ากานต์กำลังนั่งคิดว่าจะกินอะไรดีเที่ยงนี้ เพราะมองออกไปยังตลาด ก็มองตรงอ่ะ ตลาดมันอยู่ตรงหน้า จะให้มองข้างก็ตาเหล่กันพอดีส่วนหูก็ฟังเพื่อนที่ทำงานคุยกัน
พูดดีๆไม่ได้หรือไง ไทยคำอิสานคำไม่พอยังออกเสียงคำเพี้ยนอีก ฟังแล้วขัดๆหูจริงๆเลย กานต์คิดในใจ ไม่อยากได้ยิน แต่ออฟฟิศเล็กแค่นี้เอง พนักงานก็มีไม่กี่คน สายงานมั่นคงนะ ฝากฝีฝากไข้ในชีวิตนี้ได้ ถ้าไม่ลาออกไปเป็นนายตัวเองก่อน
“น้องกานต์” เสียงเรียกมาจากข้างหลัง ทำให้กานต์หลุดออกจากภวังค์
“จ้า ว่าจังใดคะ” กานต์หันไปมอง ว๊ายตายแล้ว
“ค่ะพี่ปอง” การรีบเปลี่ยนใช้คำที่สุภาพทันที
“อยู่ที่ทำงานก็ใช้ภาษาให้มันถูกต้องนะ ที่นี่ไม่ใช่บ้าน ไม่ใช่สถานที่ส่วนตัว เผื่อลูกค้ามาได้ยินเข้ามันจะไม่น่าเชื่อถือ” น่านว่าตั้วถืกจ่มเลย อุ้ยไม่ใช่! โดนบ่นเลย ความตัวเองก็คนบุรีรัมย์ หืย!
“ค่ะ แฮ่ๆ” กานต์ฝืนยิ้ม
“อ่ะ ให้เสร็จภายในวันนี้ เพราะพรุ่งนี้และอีกสามวันน้องต้องไปอบรม เดี๋ยวแก้ไม่เสร็จทันส่งลูกค้า”
มันคืองาน! มันคืองานๆที่ต้องแก้ เอ้าพ่อใหญ่อันนิคือมาใช้คนยามสิกินข้าวเที่ยงสู กานต์บ่นในใจ แต่ก็ต้องทำ งานคือเงิน เงินคืองาน ทำมาตั้งนานทำไมมีแต่งาน ไม่มีเงิน
น้ำตาจิไหล
ที่กานต์เล่าเรื่องนี้กานต์แค่ฉงฉัย บ่แม่นโอ้ยน้อปากหนิ! จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาตบปากตัวเองหนึ่งที แค่สงสัยว่าทำไมต้องพูดแบบนี้กัน ตั้งใจหรือเผลอตัว มันไพเราะตรงไหน มันเหมือนคนสำมะแจะนิ ไม่ต้องไปหาความหมายนะว่า สำมะแจะคืออะไร!
คิดไม่ตกจริงๆ ทำงานที่นายสั่งดีกว่า แก้งานอีกแล้ว แก้ตลอด งานไหนไม่แก้ไม่ใช่กานต์ทำ เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะถึงเวลากินข้าวแล้ว เอ๊ะ! หรือเอาไว้ทำตอนบ่ายดี พอคิดได้ดังนั้นแล้ว กานต์ก็วางทุกอย่างลง นั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ หมุนซ้ายหมุนขวา ให้มันพังไปเลย บอสจะได้ซื้อตัวใหม่ให้สักที มือก็หยิบมือถือขึ้นมาส่องพันทิป หาอ่านนิยายเล่นดีกว่า
สักพักนาฬิกาที่ติดอยู่ผนังออฟฟิศ เข็มสั้นเข็มยาวชี้ไปที่เล็ขสิบสองตรงกันพอดีเป๊ะ เป็นนิมิตหมายว่าถึงเวลากินข้าวแล้ว
“น้องกานต์ป่ะเราหาแนวกินข้าว”
“พี่แพนเฮาสิกินข้าวกับอะไรดี”
“ย่างหาซื้อแถวๆตลาดนี่แหละ”
สองเกลวชวนคอกันเดินมุ่งหน้าไปยังตลาดสด ที่อยู่ตรงข้ามออฟฟิศ หาอะไรง่ายๆกินประทังชีวิตไป จะหาของที่อร่อยๆกินแถวนี้ยากมาก เพราะฉะนั้นมีอะไรกินก็กินๆไปเถอะ อย่าเรื่องมาก
ทันใดนั้นมีมดแดงสามตัว พ่อแม่ลูกไต่ออกมาขนเศษขนม ที่กานต์ณดากินหล่นไว้ ลืมปัดทิ้ง นิสัยไม่ดีจริงยายคนนี้ กินเสร็จแล้วไม่เก็บทำความสะอาดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อย มดตัวลูกพูดขึ้น (
พูดภาษามด)
ส่วนมดตัวแม่ได้ยินเสียงที่กานต์บ่นในใจ และพูดออกมาเมื่อสักคู่กับเพื่อนสาว จึงพูดขึ้นว่า
“ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง พวกสองสาวสวยเอ้ย พร้อมส่ายหัว ตัวเองก็พูดไทยปนลาวยังมีหน้าไปว่าคนอื่นอีก “
“แม่ช่างเขา เรารีบขนขนมไปไว้บ้านเราให้เร็วเถอะ เดี๋ยวพวกสองสาวสวยมันกลับมา มันบี้เราตายก่อนนะ”
เมื่อสามพ่อแม่ลูกมดพูดจบก็พากันรีบขนเศษขนมไปไว้ที่บ้านมดของตัวเองอย่างเร่งรีบ เหมือนกลัวว่าจะถูกบี้ตายยังไงยังงั่น
จบ....
อิสานพลัดถิ่น
คำเตือนเนื้อหานี้เป็นเฉพาะบางคนเท่านั้น ไม่ได้เหมารวมทุกคน สนุกสนานเฮฮา ไม่แนะนำให้ซีเลือด อุ๊ย! บ่แม่น ซีเรียสนะคะ
เครดิตภาพจากเน็ต เพจ วิถีบ้านนา ค่ะ
เดือนนี้ก็เข้าสี่ปีเต็มพอดีที่กานต์มาทำงานในเมืองกรุง งานดีเงินดีทำให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น มีเงินส่งทางบ้าน ดูแลพ่อแม่ ส่งน้องเรียน บ่แม่นๆ! อุ้ย ไม่ใช่ๆแล้วจะดราม่าไปไหน มีเงินส่งให้พ่อแม่ทุกเดือน ส่วนน้องพ่อแม่ก็หาเงินส่งต่อไป กานต์เรียนจบแล้วไม่สนติ้วอะไรแล้ว
ในที่ทำงานหรือประชากรในกรุงเทพมีผู้คนมากมายหลายภูมิภาคมาอยู่รวมกัน เหนือ ใต้ อิสาน ออก ตก แต่เอ๊ะ ที่กานต์ประสบพบเจอทำไมเจอแต่คนอิสานด้วยกันหว่า
เฮ้... ข้อยคนสารคามเว้ย ฮ้วย... กาฬสินธุ์ตั้วนิ พุ้นน่ะ...สกลนคร
อย่างกับกรุงเทพมหานครถูกคนอิสานยึดครอบครองไว้อย่างนั้นแหละ ไม่ใช่ๆ! คนภาคอื่นก็มี ในที่ทำงานกานต์ มีเหนือ มีใต้ อิสานรวมกัน แต่เอในการสนทนากันรู้สึกว่าจะใช้ภาษาบ้านกานต์เป็นภาษาส่วนใหญ่ คนใต้พูดอิสานจะดูแปลกๆนิดนึง เหนือก็พอได้ ภาษาคล้ายๆกัน
เออะ! พี่ต้าเดินชนโต๊ะทำงาน นี่รู้เลยมาจากไหน แค่อุทานคำเดียวก็บ่งบอกถึงภูมิลำเนาได้แล้ว ถ้าคนๆนั้นอยู่ที่เดียวกันนะ
“อุ้ยไม่ใช่” พี่ต้าเอามือปิดปากทำหน้าตกใจทำตาล็อกแล็กๆ เดินกลับไปชนโต๊ะอีกรอบ “โอ้ย” รอบนี้แหละใช้ได้โอเค เพื่อนในที่ทำงานหัวเราะชอบใจกันใหญ่ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แค่ทำให้มันมีบรรยากาศสนุกสนานก็แค่นั้น พี่ต้าแกสายฮาประจำออฟฟิศ
มันกลายเป็นเรื่องสนุกไปแล้ว สำหรับเพื่อนร่วมงานด้วยกัน แม้กระทั้งหัวหน้าก็เป็นไปกับเขา แหงอยู่แล้วก็นั่งทำงานด้วยกัน แต่จะไปพูดแบบนี้กับ ผจก กับผู้หลักผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ ต้องใช้เป็นภาษากลาง ภาษาทางการ
กานต์ก็มีหลุดบ้างนะ แต่จะรู้ว่าตอนไหนควรเล่น ตอนไหนควรจริงจัง ผู้ใหญ่คนไหนพูดได้พูดไม่ได้ มีบางคนที่กานต์สงสัยว่า เขาตั้งใจพูดแบบนั้น หรือแคดแลดออกมาเอง อุ้ยไม่ใช่! เผลอพูดออกมาเอง
แนวทางจะพิสูจน์ว่าใครเป็นใคร ใครอยู่ภูมิภาคเดียวกันกับเรา ง่ายนิดเดียว ถ้าเราพูดตกภาษาถิ่นเขาจะขำทันที นั้นแหละแปลว่าไอ้คุณเมริงก็มาจากที่เดียวกันกับตรู ไม่ต้องมาขำเลย
ถ้าพูดไทยแล้วตกลาว ตกเหนือ ตกใต้ มันยังพอให้อภัย แต่พูดตกพยัญชนะนี่กานต์รำคาญหูมาก อยากรู้ว่าตั้งใจพูดหรือลืมตัว
“ไม่ฉนใจ ไม่สนใจ “ เฮ้อรักษายาก จะไปตำหนิเขาก็ไม่ได้ เพื่อนๆกันทั้งนั้น ทำๆเป็นไม่ใส่ใจไป หรือมันจะกลายเป็นภาษาวิบัติไปแล้ว มันเป็นแฟร์ชั่น หรือเทรนไปแล้วหรือป่าว
กานต์ณดานั่งเคาะปากกาเล่น ตามองออกไปข้างนอกออฟฟิศ มองทะลุกระจกใสๆออกไปยังตลาดฝั่งตรงข้าม คนที่สังเกตคงคิดว่ากานต์กำลังนั่งคิดว่าจะกินอะไรดีเที่ยงนี้ เพราะมองออกไปยังตลาด ก็มองตรงอ่ะ ตลาดมันอยู่ตรงหน้า จะให้มองข้างก็ตาเหล่กันพอดีส่วนหูก็ฟังเพื่อนที่ทำงานคุยกัน
พูดดีๆไม่ได้หรือไง ไทยคำอิสานคำไม่พอยังออกเสียงคำเพี้ยนอีก ฟังแล้วขัดๆหูจริงๆเลย กานต์คิดในใจ ไม่อยากได้ยิน แต่ออฟฟิศเล็กแค่นี้เอง พนักงานก็มีไม่กี่คน สายงานมั่นคงนะ ฝากฝีฝากไข้ในชีวิตนี้ได้ ถ้าไม่ลาออกไปเป็นนายตัวเองก่อน
“น้องกานต์” เสียงเรียกมาจากข้างหลัง ทำให้กานต์หลุดออกจากภวังค์
“จ้า ว่าจังใดคะ” กานต์หันไปมอง ว๊ายตายแล้ว
“ค่ะพี่ปอง” การรีบเปลี่ยนใช้คำที่สุภาพทันที
“อยู่ที่ทำงานก็ใช้ภาษาให้มันถูกต้องนะ ที่นี่ไม่ใช่บ้าน ไม่ใช่สถานที่ส่วนตัว เผื่อลูกค้ามาได้ยินเข้ามันจะไม่น่าเชื่อถือ” น่านว่าตั้วถืกจ่มเลย อุ้ยไม่ใช่! โดนบ่นเลย ความตัวเองก็คนบุรีรัมย์ หืย!
“ค่ะ แฮ่ๆ” กานต์ฝืนยิ้ม
“อ่ะ ให้เสร็จภายในวันนี้ เพราะพรุ่งนี้และอีกสามวันน้องต้องไปอบรม เดี๋ยวแก้ไม่เสร็จทันส่งลูกค้า”
มันคืองาน! มันคืองานๆที่ต้องแก้ เอ้าพ่อใหญ่อันนิคือมาใช้คนยามสิกินข้าวเที่ยงสู กานต์บ่นในใจ แต่ก็ต้องทำ งานคือเงิน เงินคืองาน ทำมาตั้งนานทำไมมีแต่งาน ไม่มีเงิน น้ำตาจิไหล
ที่กานต์เล่าเรื่องนี้กานต์แค่ฉงฉัย บ่แม่นโอ้ยน้อปากหนิ! จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาตบปากตัวเองหนึ่งที แค่สงสัยว่าทำไมต้องพูดแบบนี้กัน ตั้งใจหรือเผลอตัว มันไพเราะตรงไหน มันเหมือนคนสำมะแจะนิ ไม่ต้องไปหาความหมายนะว่า สำมะแจะคืออะไร!
คิดไม่ตกจริงๆ ทำงานที่นายสั่งดีกว่า แก้งานอีกแล้ว แก้ตลอด งานไหนไม่แก้ไม่ใช่กานต์ทำ เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะถึงเวลากินข้าวแล้ว เอ๊ะ! หรือเอาไว้ทำตอนบ่ายดี พอคิดได้ดังนั้นแล้ว กานต์ก็วางทุกอย่างลง นั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ หมุนซ้ายหมุนขวา ให้มันพังไปเลย บอสจะได้ซื้อตัวใหม่ให้สักที มือก็หยิบมือถือขึ้นมาส่องพันทิป หาอ่านนิยายเล่นดีกว่า
สักพักนาฬิกาที่ติดอยู่ผนังออฟฟิศ เข็มสั้นเข็มยาวชี้ไปที่เล็ขสิบสองตรงกันพอดีเป๊ะ เป็นนิมิตหมายว่าถึงเวลากินข้าวแล้ว
“น้องกานต์ป่ะเราหาแนวกินข้าว”
“พี่แพนเฮาสิกินข้าวกับอะไรดี”
“ย่างหาซื้อแถวๆตลาดนี่แหละ”
สองเกลวชวนคอกันเดินมุ่งหน้าไปยังตลาดสด ที่อยู่ตรงข้ามออฟฟิศ หาอะไรง่ายๆกินประทังชีวิตไป จะหาของที่อร่อยๆกินแถวนี้ยากมาก เพราะฉะนั้นมีอะไรกินก็กินๆไปเถอะ อย่าเรื่องมาก
ทันใดนั้นมีมดแดงสามตัว พ่อแม่ลูกไต่ออกมาขนเศษขนม ที่กานต์ณดากินหล่นไว้ ลืมปัดทิ้ง นิสัยไม่ดีจริงยายคนนี้ กินเสร็จแล้วไม่เก็บทำความสะอาดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อย มดตัวลูกพูดขึ้น (พูดภาษามด)
ส่วนมดตัวแม่ได้ยินเสียงที่กานต์บ่นในใจ และพูดออกมาเมื่อสักคู่กับเพื่อนสาว จึงพูดขึ้นว่า
“ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง พวกสองสาวสวยเอ้ย พร้อมส่ายหัว ตัวเองก็พูดไทยปนลาวยังมีหน้าไปว่าคนอื่นอีก “
“แม่ช่างเขา เรารีบขนขนมไปไว้บ้านเราให้เร็วเถอะ เดี๋ยวพวกสองสาวสวยมันกลับมา มันบี้เราตายก่อนนะ”
เมื่อสามพ่อแม่ลูกมดพูดจบก็พากันรีบขนเศษขนมไปไว้ที่บ้านมดของตัวเองอย่างเร่งรีบ เหมือนกลัวว่าจะถูกบี้ตายยังไงยังงั่น
จบ....