คาถาเงินล้าน แต่เดิมก็คือ คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้า ในสมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค


ต่อมาในสมัย หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง (ลูกศิษย์ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค)
พระพุทธเจ้า หลายพระองค์ ท่านทรงให้คาถาเพิ่มเติมขึ้นมาอีก คาถาจึงยาวขึ้น
อานิสงส์ก็คือ ขจัดปัดเป่าอุปสรรค มีลาภไม่ขาดสาย เร่งลาภให้เร็วขึ้น มีความคล่องตัวในทุกๆอย่าง (บางครั้งมีคนเรียกคาถานี้ว่า คาถาทรัพย์งอก)

การท่องคาถาเงินล้าน เป็นการทำให้ชีวิตของคุณคล่องตัว ปัดเป่าอุปสรรค
พอทำอะไรคล่องตัวไปหมด จึงทำให้ การค้าขาย หรือ การทำงาน จึงประสบความสำเร็จ คุณจึงรวยได้เอง
และถ้าเป็นทรัพย์สินที่งอกมา ก็มาจากสัมมาอาชีวะ หรือจากทานบารมีของคุณเอง หรือมาจากคนที่เขาเต็มใจให้ทานกับคุณเอง คุณจึงรวยได้เอง
ไม่ใช่ไปแย่งชิงใครเขามา หรือ มีใครดลบันดาลให้อะไรคุณมาโดยที่คุณไม่ได้ลงทุนทำอะไร (ต้องปรับความเข้าใจในตรงจุดนี้เสียใหม่)


พระพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ สะสมบารมีมาทุกด้าน โดยเฉพาะ ทานบารมี แต่ละพระองค์สะสมทานบารมีมามากมายมหาศาล
คาถาที่พระพุทธเจ้า หลายๆพระองค์ "มาให้พรเอาไว้เองในเรื่องลาภ" จึงมีอานิสงส์มากมายมหาศาล (ย้ำว่าพระพุทธเจ้ามาให้พรเอง)
แต่ตอนที่สวดพระคาถานี้ คุณจะต้องทำจิตให้สะอาด ไม่โลภ ยิ่งจิตสะอาดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีผลมากเท่านั้น
(ยิ่งจิตสะอาดถึงขั้นฌาน ก็จะยิ่งมีผลมาก ก็จะให้ผลเร็วมาก) (ผมมีประสบการณ์ในเรื่องนี้หลายครั้ง แต่ห่วงกลัวว่าจะมีคนมาปรามาสพระ จึงไม่เล่า)



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(หมายเหตุ) เนื่องจากคนในบอร์ดศาสนานี้ ถูกสอนอย่างผิดๆต่อกันมาว่า การเข้านิพพานก็คือดวงจิตดับสูญหายไปหมดไม่มีเหลือ (คตินิพพานสูญ)
คนที่เข้าใจผิดแบบนี้ จึงต่อต้านทุกๆเรื่องราวใดๆ ถ้ามีการบอกว่า พระสงฆ์ในยุคปัจจุบันสามารถติดต่อกับพระพุทธเจ้าที่เข้านิพพานไปแล้วได้
(เพราะคิดว่าการเข้านิพพาน ก็คือการที่จิตดับสูญหายไปหมด จึงไม่ควรที่จะติดต่อใครได้อีก) จึงนับว่าเป็นการเสียโอกาสไปอย่างยิ่ง

ความจริงแล้ว การเข้านิพพาน ก็คือ กิเลสดับ ไม่ใช่ดวงจิตหายดับสูญ
พวกเขาจึงไม่เชื่อว่าจะมีเหตุการณ์ที่พระพุทธเจ้าในอดีต หรือพระปัจเจกพุทธเจ้าในอดีต มาให้พรเอาไว้เองในเรื่องลาภ (พวกเขาจึงต่อต้านพระคาถานี้)