[CR] [##REVIEW##] Hobbs & Shaw (2019) เร็ว... แรงทะลุนรก: ฮ็อปปส์ แอนด์ ชอว์ | มันส์แบบโม้ๆ [ไร้ส้มป่อย]

     ผมไม่รู้นะว่าทำไมผมถึงต้องแกว่งเท้าหาเสี้ยนด้วย เพราะถ้าผมเขียนถึงมันในแง่ดี ก็มักจะมีคนส่วนน้อยมาบอกว่าผมเขียนอวยไปรึเปล่า หรือถ้าผมเขียนถึงมันในแง่ลบ ก็มักจะมีคนส่วนน้อยมาบอกว่าทำไมต้องคิดเยอะ ฉะนั้นในการเขียนรีวิวเรื่องนี้ ผมขอใช้ฟิลลิ่งของคนๆ นึงที่ชอบดูหนังเฟรนไชส์นี้นะครับ ผมชอบหนังทุกภาคเลย ส่วนตัวผมชอบภาค Fate of Furious มากที่สุด เพราะผมชอบในความพอดิบพอดีของหนัง ปริมาณการโม้มันค่อนข้างโอเค แต่ปริมาณของดราม่าก็โอเคเช่นกัน ส่วนภาคนี้ ผมว่ายังสู้ภาค 7 กับ 8 ไม่ได้ แต่ว่าปริมาณของความมันส์ ผมว่าสูสีกับภาค 5 แบบพอฟัดพอเหวี่ยงเลยครับ
    เรื่องราวของภาคนี้หลังจากภาค 8 The Fate of the Furious โดยตัวแทน DSS ของ ลุค ฮอบส์ และอดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ SAS หันมาเป็นทหารรับจ้าง เด็คการ์ด ชอว์ ชายสองคนที่ไม่ชอบกันมากถูกบังคับให้รวมตัวกันเพื่อหยุดยั้งภัยคุกคามใหม่ๆ ผู้ก่อการร้ายต่างชาติที่ได้รับการพัฒนาทางพันธุกรรมซึ่งสร้างไวรัสมรณะที่สามารถคุกคามเผ่าพันธุ์มนุษย์ จากนั้น ฮอบส์และชอว์ ต้องจัดตั้งทีมของตัวเองเพื่อช่วยเผ่าพันธุ์มนุษย์และโลกทั้งโลกให้ได้

     หนังสนุกครับ สนุกแบบโม้ๆ ตามฉบับ Fast & Furious นั่นแหละครับ มีแอคชั่น มีระเบิด มีรถเท่ห์ๆ มีสาวสุดฮ็อต ผมว่า David Leitch ทำหน้าที่กำกับหนังได้ดีเลย(ผลงานเก่าๆ ของพี่แกอย่าง Atomic Blonde กับ Deadpool 2 ก็สนุกครับ แนะนำเลย) ผมว่าหนังสนุกกว่าภาค 1, 2, 3, 4 สนุกสูสีภาค 5 และสนุกกว่าภาค 6 เล็กน้อย แต่ยังไม่เด็ดเท่าภาค 7 กับ 8
     อย่างแรกที่ผมชอบเลยคือ หนังใช้งานตัวละคร Hobbs กับ Shaw ได้สมน้ำสมเนื้อดี บทพูดจิกกัดกันของสองคนนี้ค่อนข้างฮาและเรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้ตลอดทั้งเรื่อง ส่วนตัวละครอื่นๆ ก็มาสมทบและเซอร์ไพร์สได้ดีทำให้หนังดูมีอะไรน่าสนใจทั้งเรื่องเลย และก็เป็นการขยายจักรวาลให้กว้างขึ้นอีกด้วย

     อย่างต่อมาที่ผมชอบก็คือฉากแอคชั่นอันสุดโม้ที่เป็นลายเส้นของเฟรนไชส์นี้ไปแล้ว แน่นอนครับว่าถึงแม้มันจะโม้จนไร้ความสมจริงขนาดไหน แต่มันโม้แล้วสนุกครับ โม้แล้วบันเทิงจนลืมไปเลยว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในโลกแห่งความจริง555 ผมว่าคิวฉากแอคชั่นในภาคนี้ค่อนข้างลงตัวเท่าภาค 5 เลย ทุกฉากดูแล้วสนุกตามมุมกล้อง สนุกตามการตัดต่อ และสนุกตามดนตรี ซึ่ง Tyler Bates ประพันธ์ดนตรีออกมาได้ถูกจังหวะครับ ผมค่อนข้างชอบกว่าภาคที่แล้วนะที่ดนตรีประกอบมันยังไม่ลงตัวนัก ผมว่าภาคนี้โอเคขึ้นมากเลย

     และผมว่าจุดที่ผมว่าภาคนี้ทำได้ดีเหมือนเดิมก็คือ "ถึงแม้หนังจะหลุดโลกมากขนาดไหน แต่ผมว่าหนังวกกลับมาแล้วจบได้น่าประทับใจ" ครับ จุดนี้ผมว่าทางผกก. เขาน่าจะตั้งใจนะ เพราะไหนๆ ปล่อยของไปหมดแล้ว ก็ให้มันจบแบบธรรมดาเลยดีกว่า ยกตัวอย่างในภาค 7 ที่จบได้น่าประทับใจมากๆ นั่นคือจบโดยเป็นการส่ง Paul Walker ไปสู่สุขติ ส่วนภาค 8 ก็จบเป็นภาพที่น่าประทับใจเช่นกัน ผมว่าภาคนี้ก็เป็นแบบนั้นครับ จบได้ดี ทำให้ผมยิ้มตามได้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ีแล้วครับ

     ผมว่าแฟนๆ Fast & Furious น่าจะชอบกันนะครับ หนังมีองค์ประกอบของความเป็นฟาสต์ครบ ทั้งฉากแอคชั่นที่มันส์(แบบโม้) รถสวยๆ สาวฮ็อตๆ และเรื่องราวของครอบครัวที่ยังแข็งแรงเช่นเดิม ถึงแม้นี่อาจจะไม่ใช่ฟาสต์ภาคที่ดีที่สุด แต่ถ้าผมชอบขนาดนี้ ไม่แนะนำก็บ้าแล้วครับ

คะแนนเฉลี่ยรวม : 8/10

เรตหนัง : หนังดีที่ควรดู