ดิฉันเป็นพุทธศาสนิกชนค่ะ อายุ 24ปี ครอบครัวและบรรพบุรุษก็เป็นพุทธศาสนิกชน
รอบกายดิฉันผู้คนส่วนมากเป็นพุทธศาสนิกชน แน่นอนว่าดิฉันไม่เคยได้รับสิ่งเร้าใดๆจากศาสนาคริสต์เลย แต่ดิฉันก็แทบไม่ได้ศึกษาศาสนาพุทธเลย หลักคำสอน พิธีกรรมทางศาสนา ก็แทบจะไม่ค่อยรู้ ยิ่งโตมา ก็ยิ่งแล้วใหญ่ ทำแต่งานจนไม่ได้ร่วมกิจกรรมทางศาสนาอย่างชาวพุทธทั่วไป เจอพระก็ไหว้ตามปกติ แม่ให้ใส่บาตรก็ใส่ และรับพรอย่างชาวพุทธทำกัน
แต่จุดเริ่มต้นของความศรัทธาในศาสนาคริสต์ มันเกิดในช่วงที่ดิฉันมีความทุกข์ในใจสะสม มันทุกข์ใจมาก มากจนมันไม่มีที่พึ่งทางใจแล้ว ในช่วงนั้นไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร รู้แค่ว่ามันอยากหลุดพ้นจากความรู้สึกนั้น ทั้งความกังวล ความคาดหวัง
ยอมรับว่ามาจากเรื่องความรักเป็นส่วนใหญ่
ดิฉันเป็นที่พึ่งทางใจให้คนอื่นได้ดี แต่ตรงข้ามกัน ดิฉันเองกลับไม่มีที่พึ่งทางใจเลย แม้แต่แม่ดิฉันเอง ดิฉันก็ไม่กล้าที่จะบอกและปรึกษา
มันจึงเป็นสาเหตุให้ดิฉันค้นไปเจอหลักคำสอนในศาสนาคริสต์แล้วดิฉันก็นึกถึงพระเยซูท่าน เหมือนมีแรงดลใจให้มันรู้สึกว่าฉันต้องเข้ามาศึกษาคำสอนนี้ ฉันได้ยินมาว่า ถ้าอยากศึกษาให้ลึกซึ้ง ให้ไปที่โบสถ์ แต่ช่วงนี้ดิฉันยังไม่มีเวลามากพอ เพราะเป็นช่วงงานยุ่ง ฉันเลยได้แค่ค้นหา Holy Bible ในกูเกิ้ล และกำลังสั่งซื้อเป็นรูปเล่มมาอ่านและศึกษา
ก่อนหน้านี้ฉันไปขอคำปรึกษาจากพี่ที่ทำงาน ที่เขาเคยนับถือศาสนาพุทธและเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์
แต่ฉันกลับได้คำตอบว่า อย่าเลย ถ้าไม่อยากมาสับสนเหมือนที่เขาเคยเป็น เขาไม่อยากให้ดิฉันต้องสับสนในการเลือกนับถือศาสนา 😔 การสนทนาจึงจบลงแค่นั้น
แต่หลังจากนั้น มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันละความคิดในการศึกษาหลักคำสอน ฉันยังคงค้นหาเรื่อยๆ มันไม่ใช่เรื่องเสียหายใช่ไหมคะ
ฉันเองก็มนุษย์คนหนึ่งที่อยากมีที่พึ่งทางใจ อยากมีแนวทางที่ฉันปฏิบัติแล้วสบายใจ แม้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่บรรพบุรุษนับถือกันก็ตาม
เมื่อที่พึ่งทางใจกลายเป็นคำสอนของศาสนาคริสต์
รอบกายดิฉันผู้คนส่วนมากเป็นพุทธศาสนิกชน แน่นอนว่าดิฉันไม่เคยได้รับสิ่งเร้าใดๆจากศาสนาคริสต์เลย แต่ดิฉันก็แทบไม่ได้ศึกษาศาสนาพุทธเลย หลักคำสอน พิธีกรรมทางศาสนา ก็แทบจะไม่ค่อยรู้ ยิ่งโตมา ก็ยิ่งแล้วใหญ่ ทำแต่งานจนไม่ได้ร่วมกิจกรรมทางศาสนาอย่างชาวพุทธทั่วไป เจอพระก็ไหว้ตามปกติ แม่ให้ใส่บาตรก็ใส่ และรับพรอย่างชาวพุทธทำกัน
แต่จุดเริ่มต้นของความศรัทธาในศาสนาคริสต์ มันเกิดในช่วงที่ดิฉันมีความทุกข์ในใจสะสม มันทุกข์ใจมาก มากจนมันไม่มีที่พึ่งทางใจแล้ว ในช่วงนั้นไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร รู้แค่ว่ามันอยากหลุดพ้นจากความรู้สึกนั้น ทั้งความกังวล ความคาดหวัง
ยอมรับว่ามาจากเรื่องความรักเป็นส่วนใหญ่
ดิฉันเป็นที่พึ่งทางใจให้คนอื่นได้ดี แต่ตรงข้ามกัน ดิฉันเองกลับไม่มีที่พึ่งทางใจเลย แม้แต่แม่ดิฉันเอง ดิฉันก็ไม่กล้าที่จะบอกและปรึกษา
มันจึงเป็นสาเหตุให้ดิฉันค้นไปเจอหลักคำสอนในศาสนาคริสต์แล้วดิฉันก็นึกถึงพระเยซูท่าน เหมือนมีแรงดลใจให้มันรู้สึกว่าฉันต้องเข้ามาศึกษาคำสอนนี้ ฉันได้ยินมาว่า ถ้าอยากศึกษาให้ลึกซึ้ง ให้ไปที่โบสถ์ แต่ช่วงนี้ดิฉันยังไม่มีเวลามากพอ เพราะเป็นช่วงงานยุ่ง ฉันเลยได้แค่ค้นหา Holy Bible ในกูเกิ้ล และกำลังสั่งซื้อเป็นรูปเล่มมาอ่านและศึกษา
ก่อนหน้านี้ฉันไปขอคำปรึกษาจากพี่ที่ทำงาน ที่เขาเคยนับถือศาสนาพุทธและเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์
แต่ฉันกลับได้คำตอบว่า อย่าเลย ถ้าไม่อยากมาสับสนเหมือนที่เขาเคยเป็น เขาไม่อยากให้ดิฉันต้องสับสนในการเลือกนับถือศาสนา 😔 การสนทนาจึงจบลงแค่นั้น
แต่หลังจากนั้น มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันละความคิดในการศึกษาหลักคำสอน ฉันยังคงค้นหาเรื่อยๆ มันไม่ใช่เรื่องเสียหายใช่ไหมคะ
ฉันเองก็มนุษย์คนหนึ่งที่อยากมีที่พึ่งทางใจ อยากมีแนวทางที่ฉันปฏิบัติแล้วสบายใจ แม้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่บรรพบุรุษนับถือกันก็ตาม