
ปู่วอเรน ย้ำอยู่เสมอว่า ในโลกธุรกิจ กระจกมองหลัง มักชัดเจนกว่ากระจกหน้ารถ
นักลงทุนต่างพยายามรวมรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่ตนสนใจนำเข้ามาวิเคราะห์และสรุปออกมาเป็นคำทำนายอนาคตของบริษัท หากพบว่ามีโอกาสที่จะทำกำไรจึงตัดสินใจลงทุน
น่าเสียดายที่ข้อมูลที่เราหามาได้นั้น ที่มั่นใจว่าถูกต้องแน่ ๆ ส่วนใหญ่มักเป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการ ภาวะเศรษฐกิจ กิจกรรมของคู่แข่งขัน พฤติกรรมของผู้บริโภค หรือ แม้กระทั้ง ปริมาณซื้อขายและราคาล่าสุดของหุ้นตัวนั้น
ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับอนาคตนั้นเป็นเรื่องของการคาดการณ์ทั้งสิ้น เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าข้อมูลอนาคตนั้นจะถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์ไปได้
การลงทุนจึงเหมือนการพยายามขับรถไปข้างหน้า โดยกระจกหน้ารถนั้นมัว ๆ เห็นภาพได้ไม่ค่อยชัด มีเพียงกระจกมองหลังที่ใสแจ๋ว สะท้อนเส้นทางที่เราขับผ่านมาได้อย่างชัดเจน
แต่ถึงกระนั้น ถ้ารักจะลงทุน เราก็จำต้องตัดสินใจเข้าเกียร์เดินหน้าออกไป
สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนพอจะทำได้ก็คือ ตระหนักขึ้นปัญหาข้อนี้อยู่เสมอ เขาจึงต้องฝึกฝนการขับรถให้ชำนาญ เข้าใจระบบกลไกของรถที่ตนเลือกขับ และเลือกใช้เส้นทางที่น่าจะปลอดภัยมาก ๆ และเลียนรู้ที่จะบริหารหรือกระจายความเสี่ยง เขาต้องมีความพร้อมสำหรับอุบัติเหตุ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ เขาจึงต้องเลือกทำประกันหรือ Margin of Safetyไว้ให้เหมาะสม
และที่ลืมไม่ได้ก็คือ อย่าได้เผลอคิดว่าเส้นทางที่รออยู่ข้างหน้านั้นจะเหมือนเส้นทางที่เคยผ่านมาเสมอไป
ปล. ก็มีบางมุมที่เห็นเพิ่มเติมขึ้นมาจากปู่บ้าง ในถนนบางเส้นที่เราขับเป็นประจำ มันก็พอจะพอจำเส้นทางได้บ้าง พอเดาได้บ้างว่าข้างหน้าจะมีหลุม มีบ่อหรือไม่ กระจกมองหลังก็คืออดีต ซึ่งบางทีก็คาดการ์ณอนาคตได้บ้างเช่นเดียวกัน สำคัญก็แต่ อย่าเชื่อสิ่งที่เคยเห็นมากเกินไปเพราะมันอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอด และสำคัญที่สุดคืออารมณ์ เพราะถ้าคิดว่ารู้ ก็อาจนำพาหายนะมาได้เช่นเดียวกันเพราะความประมาท
บทความดีๆเพื่อพัฒนามุมมองที่มีต่อการลงทุนจากปู่ครับ
ปู่วอเรน ย้ำอยู่เสมอว่า ในโลกธุรกิจ กระจกมองหลัง มักชัดเจนกว่ากระจกหน้ารถ
นักลงทุนต่างพยายามรวมรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่ตนสนใจนำเข้ามาวิเคราะห์และสรุปออกมาเป็นคำทำนายอนาคตของบริษัท หากพบว่ามีโอกาสที่จะทำกำไรจึงตัดสินใจลงทุน
น่าเสียดายที่ข้อมูลที่เราหามาได้นั้น ที่มั่นใจว่าถูกต้องแน่ ๆ ส่วนใหญ่มักเป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการ ภาวะเศรษฐกิจ กิจกรรมของคู่แข่งขัน พฤติกรรมของผู้บริโภค หรือ แม้กระทั้ง ปริมาณซื้อขายและราคาล่าสุดของหุ้นตัวนั้น
ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับอนาคตนั้นเป็นเรื่องของการคาดการณ์ทั้งสิ้น เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าข้อมูลอนาคตนั้นจะถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์ไปได้
การลงทุนจึงเหมือนการพยายามขับรถไปข้างหน้า โดยกระจกหน้ารถนั้นมัว ๆ เห็นภาพได้ไม่ค่อยชัด มีเพียงกระจกมองหลังที่ใสแจ๋ว สะท้อนเส้นทางที่เราขับผ่านมาได้อย่างชัดเจน
แต่ถึงกระนั้น ถ้ารักจะลงทุน เราก็จำต้องตัดสินใจเข้าเกียร์เดินหน้าออกไป
สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนพอจะทำได้ก็คือ ตระหนักขึ้นปัญหาข้อนี้อยู่เสมอ เขาจึงต้องฝึกฝนการขับรถให้ชำนาญ เข้าใจระบบกลไกของรถที่ตนเลือกขับ และเลือกใช้เส้นทางที่น่าจะปลอดภัยมาก ๆ และเลียนรู้ที่จะบริหารหรือกระจายความเสี่ยง เขาต้องมีความพร้อมสำหรับอุบัติเหตุ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ เขาจึงต้องเลือกทำประกันหรือ Margin of Safetyไว้ให้เหมาะสม
และที่ลืมไม่ได้ก็คือ อย่าได้เผลอคิดว่าเส้นทางที่รออยู่ข้างหน้านั้นจะเหมือนเส้นทางที่เคยผ่านมาเสมอไป
ปล. ก็มีบางมุมที่เห็นเพิ่มเติมขึ้นมาจากปู่บ้าง ในถนนบางเส้นที่เราขับเป็นประจำ มันก็พอจะพอจำเส้นทางได้บ้าง พอเดาได้บ้างว่าข้างหน้าจะมีหลุม มีบ่อหรือไม่ กระจกมองหลังก็คืออดีต ซึ่งบางทีก็คาดการ์ณอนาคตได้บ้างเช่นเดียวกัน สำคัญก็แต่ อย่าเชื่อสิ่งที่เคยเห็นมากเกินไปเพราะมันอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอด และสำคัญที่สุดคืออารมณ์ เพราะถ้าคิดว่ารู้ ก็อาจนำพาหายนะมาได้เช่นเดียวกันเพราะความประมาท