[กระทู้ตามรอยอนิเม] แด่ความทรงจำของเคียวอนิ อนิเมเปื้อนยิ้มและความอบอุ่น Lucky Star และ Maidragon

กระทู้นี้ขอตั้งขึ้นแด่ผู้กำกับ ทาเคโมโตะ ยาสุฮิโระ และทีมงานเกียวโตอนิเมชั่นที่เสียชีวิตทุกคน ด้วยความเคารพรักอย่างสุดซึ้ง

ไม่รู้จะเกริ่นอะไรครับ สองอาทิตย์ผ่านไปแล้วก็ยังอึ้งๆ อยู่ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริงๆ แต่ถึงเศร้าก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้ ทำได้แค่เดินหน้าต่อไปเท่านั้น ดังนั้นจึงอยากขอรำลึกด้วยความทรงจำและความรู้สึกที่ดีๆ ที่เคยได้รับจากทีมงานอนิเมชั่นนี้ครับ เป็นหลักฐานยืนยันว่าสตูดิโอเล็กๆ จากคันไซนี้สามารถก้าวขึ้นมาเปลี่ยนโลก และขับเคลื่อนวงการอนิเมชั่นญี่ปุ่นให้ก้าวต่อไปได้

เริ่มด้วย Lucky Star อนิเมขึ้นหิ้งของเคียวอนิในปี 2007 และเป็นจุดเริ่มต้นที่ จขกท. เริ่มตามรอยอนิเม ต้นแบบอยู่ที่สถานีบ้านนอกอย่าง สถานีวาชิโนะมิยะ บนรถไฟสายโทบุ ที่กลายเป็นสถานที่เที่ยวสุดบูมทันทีหลังจากอนิเมออกฉาย ผลก็คือช่วยเหลือชาวบ้านสามารถนำสินค้า OTOP ในเมืองที่ผลิตเอง มาติดตราการ์ตูนเสริมมูลค่า สร้างเป็นสินค้าขายสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวมาตลอดสิบกว่าปี และเป็นแรงบันดาลใจให้กับเมืองตามรอยอื่นๆ มากมาย

ศาลเจ้าวาชิโนะมิยะ และเป็นบ้านของพี่น้องแฝดฮิอิรางิ

ภาพป้ายแขวน (ถ่ายทุกครั้งที่มา หลายปีติดๆ)

สถานีรถไฟคาสุคาเบะ

โรงเรียนคาซึคาเบะ เป็นโรงเรียนเก่าของผู้วาดฉบับมังกะ

และฉากในตำนานตอนที่ 21 ซึ่งตัวเอกทั้งสี่คนไปทัศนศึกษาที่เกียวโต ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการปรากฏภาพตึกสีเหลืองของเกียวโตสตูดิโอแห่งนี้แก่แฟนการ์ตูนทั่วโลก

เรื่องที่สอง เป็นอนิเมซึ่งมีแนวภาพและคอนเซ็ปท์จากฉบับการ์ตูนไม่ต่างกันคือ Kobayashi-san chi no Maidragon ฉายในปี 2017 เรื่องนี้ต้นแบบอยู่ที่ สถานีโคชิกายะ สายโทบุเช่นเดียวกัน เป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบ มีสวนสาธารณะและโรงเรียนเยอะทีเดียว

หน้าสถานีรถไฟ

สถานีจะมีทางออกสองฝั่ง โดยบ้านของโคบายาชิซังจะอยู่ทางฝั่งตะวันตก

ข้ามสถานีมาทางเดินประตูฝั่งตะวันออกบ้าง ฝั่งนี้จะคึกคักกว่าเพราะมีห้างใหญ่และสถานีรถบัส

เดินไปเรื่อยๆ ตามถนนหลัก

จะเจอร้านอาหารไทย ร้าน "มังคุด"

เดินต่อไปเรื่อยๆ อีก

จะเจอสวนสาธารณะใหญ่

ตัดมาที่ทำงานของโคบายาชิซัง ตรงนี้อยู่บริเวณบาคุโรโจ ใจกลางกรุงโตเกียว ภาพสุดท้ายต้องถ่ายจากบนสะพานลอย

ซึ่งมีสะพานลอยสีเขียวเด่นชัด ที่นี่เป็นย่านดาวน์ทาวน์ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากอากิบะมากนัก

ขอปิดท้ายด้วยคำพูดที่เคยได้ยินมา...

人間は二度死ぬ。一度目は肉体的な死。二度目は忘却による死。
มนุษย์เราตายได้สองครั้ง ครั้งแรกคือกายเนื้อ ครั้งที่สองคือถูกลืม

ขอให้ผลงานและชื่อเสียงของพวกเขาอยู่เป็นที่จดจำไว้...ตลอดไป
ขอบคุณที่ผลิตผลงานระดับตำนานให้พวกเราทุกคน

สวัสดีครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่