
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก และวินาทีแรก เมื่อถึง Chubu Centrair International Airport ที่นาโกย่า งงเป็นไก่ตาแตก เพราะแยกแยะสายรถไฟไม่ถูก ดูผังสายรถแล้วยังกะรากไม้ จับต้นชนปลายไม่นานตั้งสติได้ก็เข้าใจ นึกถึงคำพูดที่คนชอบเที่ยวเค้าพูดกันบ่อยๆว่าทางอยู่ที่ปาก เออจริงแฮ่ะ แค่เอ่ยปาก ทางก็ค่อยๆปะติดปะต่อเหมือนจิกซอว์ภาพใหญ่ "กุโจ ฮาชิมัน Gujo Hachiman" แทบจะไม่อยู่ในแพลนนทท.คนไทย(หรือเปล่า) รวมทั้งตัวฉันด้วย ดั๊นเลือกประเดิมเป็นเมืองแรก นึกย้อนถึงตอนปักหมุดคือไม่อยากอยู่ในเมืองเลยหาข้อมูลเมืองรอบนอกที่พอไปได้ตามเพจ เข้ากรุ๊ปเกี่ยวกับญี่ปุ่น จนได้เจอ facebook.com/กิฟุ Gifu มีคอนเทนต์เมืองต่างๆในภาคนี้ บังเอิ๊ญ(ลากเสียงยาว)มีคอนเทนต์เทศกาลร่ายรำกุโจโอโดริ งานเต้นรำใหญ่ติด1ใน3 ของประเทศ จัดขึ้นวันนี้วันแรกพอดี(13 ก.ค.62)คลิกไปคลิกมาชอบมาก! "กรูต้องไปที่นี่ให้ได้"กว่าแพลนจะไฟนอลก็สลับไปมาอยู่หลายครั้งบวกกับไม่ค่อยมีเวลาด้วย มาถึงขั้นตอนการหาที่พักกลายเป็นว่าที่พักในหมู่บ้านไม่มีในระบบจองของหลายเอเจนซี่ มีก็ห่างออกไป ก็เพจเดียวกันอีกนี่แหละแชร์ลิงก์เพจเมืองนี้เป็นภาษาญี่ปุ่น มีรวมที่พักต่างๆ ความยากของการจองคือส่วนใหญ่ไม่ทิ้งอีเมล์มีแค่เบอร์โทร/แฟกซ์ เวลาก็งวดเข้ามาทุกที"เอาว่ะโทรก็โทร"ยกหูหาที่พักแบบเรียวกัง เจ้าแรก "ติดแล้วๆ"ฉันดีใจปนตื่นเต้น"มุชิมุชิบลาๆ"ปรากฏพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ก็ไม่ยอมแพ้นะ เพราะPassionอยู่ที่เมืองนี้แล้ว ลองอินบ็อกไปถามแอดมินบอกว่าที่พักหลายที่ถูกจองเกือบหมด ทำใจในระดับหนึ่งก็มันช่วงเทศกาลนี่นะ แต่ยังไม่ลดความตั้งใจไล่โทรอยู่ประมาณสามสี่เจ้า "มุชิมุชิ"เอาแล้วเว้ย "ยู แคน สปีค อิงลิช"คำถามปลายเปิดของฉันในตอนนั้น "เยสๆๆ อะ ลิตเติ้ล บีท" โล่งใจไปเปราะ ไอ้ลิตเติ้ล บิท นี่คือลิตเติ๊ลลลล ลิตเติ้ลจริงๆนะแต่เดชะบุญมีห้องว่างเลยบุ๊กไปกันแบบงงๆ ด้วยอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่นที่ฉันไม่คุ้นทำให้แอบกังวลเล็กน้อยว่าถึง"จะมีที่ซุกหัวนอนป่ะว่ะ"
...สติสตังกลับมาอีกครั้ง ฉันจัดแจงแลกJR Passที่หาข้อมูลมาคือมีสองวิธีที่จะไปเมืองนี้ได้ง่ายและประหยัดด้วยรถบัสคือ หนึ่งเข้าไปในเมืองนาโกย่าก่อน (ซึ่งผู้มาใหม่อย่างฉันงงแน่ๆพาลจะทำให้เสียเวลา) กับสอง มีรถบัสจากสนามบินจุบุ เซ็นแทรร์(ดูรอบรถแล้วไม่ทันแน่ๆกระชั้น) "มันไม่มีทางอื่นอีกแล้วเหรอ" และแล้วคนดีอย่างฉัน ตกน้ำก็ไหลตกไฟก็ไหม้ได้ มาพบกับทางออกที่สามคือถาม พนง.ว่าจะไปกุโจ ได้ยังไง นางกุลีกุจอร่างเส้นทางให้พร้อมพาไปส่งถึงทางเข้าสถานีรถไฟคงเห็นแล้วว่า เซ่อๆเป้ใบเดียวอย่างฉันคงงงกับแขนงกิ่งไม้สายรถไฟที่บรรพบุรุษเธอร่างไว้แน่ๆ ฉันใช่ภาษาอังกฤษกันเธออย่างกระแดะมองก่อนว่าไม่ค่อยมีคนไทยอยู่ใกล้เดี๋ยวเค้ารู้หมดว่าสเนคฟิชๆชัวร์555รู้ซึ้งถึงคำว่าทางอยู่ที่ปากแบบดับเบิ้ล ลัคกี้ ก็ทริปนี้แหล๊ะ นั่งรถไฟยาวถึงGifu Stationมีป้ายสถานีจอดตลอดไม่ต้องกังวลพอออกนอกสถานีเดินลงมาเลี้ยวซ้ายลงมาต่อรถบัสที่ลานด้านนอกนั่งลอดอุโมงค์มองภูเขาไปเพลินๆ เพราะสุดสายที่นั่นเลย ถึงท่ารถประจำเมือง อากาศดีมาก เท้าสัมผัสพื้นดินได้อย่างโล่งใจมองรอบๆสำรวจทิศทาง "โหนี่มันคล้ายแม่กำปองบ้านเราเลยนี่หว่า"
จากนั้นสัญชาตญาณกระซิบบอกฉัน เฮ้ย!นี่สัญชาตญาณหรือน้องกุมารกันแน่! แกบอกทางฉันผิดอีก"มาน!ต้อง!ทาง!เน๊!" เดินตรงไปตามถนนใหญไม่นานก็เจอแล้วเยื้องๆซูเปอร์มาร์เก็ตประจำเมืองเปิดม่านที่ใช้บังกั้นแทนประตู เสียงกระดิ่งแทนสัญญาณการมาถึงคุณตาอายุราวแปดสิบ แต่ยังแข็งแรงอยู่ กล่าวต้อนรับด้วยคำทักทายยามเย็นฟังรู้เรื่องแค่นั้น ประโยคต่อไปไม่รู้ แต่พอจับใจความได้ คุณตาหายไปหลังบ้านสักพักสำเนียงเสียงสนทนาทุ่มๆพอเดาได้ว่าน่าจะใช่หญิงสาวปลายสายที่เคยโทรมา จริงด้วย ราวสี่สิบปลายๆ ร่างกระทัดรัดผมดกดำยิ้มกริ่มทักอย่างประหยัดยิ้มขัดกับใบหน้ารูปไข่อวบอิ่ม ขึงขังพร้อมให้บริการโล่งใจที่คืนนี้ "ตรูรอดแล้วโว้ย"เดินอ้อมด้านหลังบ้านที่จำลองโซนนั้นให้เป็นเรียวกังรองรับ
ฝนลงเม็ดหนักขึ้นฉันกระชับเสื้อยูกะตะที่คลุมให้แน่นสำรวจซอกมุมต่างๆของบ้านที่ชั้น1เป็นห้องอาบน้ำรวม ชั้น2ห้องอาหารชั้น3-4 เป็นที่พักไขกุญแจเลื่อนประตู ขวามือคือห้องน้ำ ซ้ายคืออ่างล้างหน้าเธอค่อยๆเลื่อนประตูโครงไม้ตอกเป็นช่องๆสี่เหลี่ยนจตุรัสบุด้วยกระดาษหนาๆสไตล์บ้านญี่ปุนอย่างระวัง หวังใจให้ผู้มาเยือนประทับใจซึ่งก็เป็นผล ห้องขนาดสองเตียงไม่ใหญ่ไม่เล็กพื้นปูเสื่อตาตามิ(ถ้าเรียกไม่ผิด)ผนังไม้ใช้แค่กั้นห้องต่อห้องเพียงเท่านั้นฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในหนังญี่ปุ่นย้อนยุค ค่อยๆวางเป้ใบละจากบ่าที่แบกมาทั้งวันลงอย่างช้าๆเพราะสายตามองกวาดไปรอบๆห้องพร้อมฟังเจ้าบ้านแนะนำสิ่งอำนวยความสะดวก บนโต๊ะญี่ปุ่นล้อมรอบด้วยที่รองนั่งถูกจัดวางไว้ด้วยกาน้ำร้อน เหยือกน้ำเย็น ชุดถ้วยชา คุกกี้สิ้นเสียงอธิบาย เธอขอตัวออกจากห้องให้ฉันได้พักผ่อน ก็ตามนั่นฉันเอนหลังแค่พอหายล้า ถึงเวลาที่ร่างกายจะถูกชำระล้างเสียทีประสบการณ์โป้ๆในโรงอาบน้ำรวมแบบออนเซ็นครั้งแรก!
...งั้นก็ตัดภาพมาตอนแต่งตัวเสร็จแล้วเถอะกลัวติดเรต เหมือนเป็นคนใหม่ ในชุดกางเกงผ้าสี่ส่วน ใส่สบาย ที่สอยมาจากยูนิโคล่ตอนเซลล์ คลุมด้วยยูกะตะตัวเดิมที่เตรียมมาจากไทยเพื่อการนี้โดยเฉพาะ กายพร้อม แต่สภาพอากาศไม่เป็นใจ เลยต้องงัดเอาเสื้อกันฝนมาคลุมอีกชั้น ก่อนมุ่งหน้าไปยังบริเวณตั้งแถวของบรรดานายรำนางรำ มันเหมือนหลุดมาอีกโลกหนึ่งเลยนะคุณ หนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นในชุดประจำชาติ เสียงเกี๊ยะไม้กระทบพื้นถนนคอนกรีดดัง "กร๊อกแกร๊กๆ"สอดรับเป็นจังหวะ ฉันพยายามมองต่ำอย่างประหลาดใจ ทำไมถึงประคองร่างบนรองเท้าไม้ยกพื้นสูงได้ "ไม่ล้มเหรอว่ะน่ะ" ฉันให้เสียงนำทางไม่นานก็มาพบกับความอลังการของผู้คนที่พร้อมใจกันมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานอันยิ่งใหญ่ ทั้งๆที่ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อถึงฤกษ์งามยามดี เสียงขับขานบทเพลงโบราณประสานกับเครื่องดีดสีตีเป่า นับถือเลยจริงๆผู้คนตั้งใจทำยอมตากฝนเพื่อศักดิ์ศรีของหมู่บ้านตน ฉันตามดูขบวนรำไปตลอดฝีก้าว อยากรู้ว่าพวกเค้าจะไปหยุดที่จุดไหน กระทั่งมาถึงหน้าศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวที่ใช้เป็นจุดเปิดงาน กองทัพนักข่าวตั้งกล้องรอ ผู้คนมาร่วมงานรื่นเริงกันเยอะมาก ฉันยืนจับจังหวะสักพักชักคันมือคันเท้า ออกสเต็ปกับเค้าบ้างแต่ทนความเก้ๆกังๆของตัวเองไม่ไหวบวกกับชักง่วงเต็มแก่ จึงค่อยๆหันหลังกลับ กระนั้นผู้คนที่เดินสวน นับจำนวนก็เยอะอยู่ ซึมซับบรรยากาศเท่านี้พอ ขอพักเอาแรงนอนฟังเสียงฝนตกให้สมกับที่ดั้นด้นมา ตั้งปลุก 6 โมงกว่าๆกะว่าจะเดินเที่ยวรอบๆ เสียงฝนกระทบหลังคาสังกะสี ขยี้ตาดูอีกครั้งนึกว่าฝางมัว ตีสี่สว่างแล้วนอนแช่สักพักคุณมายูมิ โทรขึ้นมาแจ้งมื้อเช้าพร้อมแล้ว พอเดินไปถึงห้องอาหาร "คนไทยเหรอคะ สวัสดีค่ะ" ฉันหันหน้าหาต้นเสียงด้วยสำเนียงภาษาที่ฟังแล้วชินหู พี่สาวใจดียิ้มให้ ก่อนเราสองคนยกมือไหว้ตามประสาคนไทยด้วยกัน เอาจริงๆคือไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าจะเจอคนไทยที่นี่คนไทยยังไม่ค่อยมากัน แต่พี่เจี๊ยบต่างไป เป็นคนไทยแต่งงานกับหนุ่มญี่ปุ่น ตั้งรกรากอยู่โตเกียว ด้วยหน้าที่การงานกำลังจะย้ายถิ่นไปอยู่จาการ์ต้า เธอและสามีเลยออกมาเที่ยวนอกเมือง พูดคุยจนหอมปากหอมคอ จึงแยกตัวออกมาขอทานมื้อเช้าก่อน บนโต๊ะเป็นjapaness set เมนูอาหารพื้นถิ่น เช่น ปลาอายุ ที่ตกได้ริมแม่น้ำ เต้าหู้นึ่ง อีกทั้งซุปมิโซะแลไข่เจียวที่เจ้าบ้านลงมือทำเอง เป็นต้น ทานไปได้จนใกล้จะหมด พี่เจี๊ยบคงยังไม่หายคิดถึงเมืองไทย เธอดอดมานั่งสนทนาต่อในหลายๆประเด็น จนลามไปถึงเศรษฐกิจการเมืองไทย พอเรารู้ตัวจึงชวนกันตัดบทคุยเรื่องเบาๆให้สมเป็นเช้าอันรื่นรมย์ ฉันก็ถือโอกาสให้เธอเป็นล่ามถามข้อมูลเมืองนี้และเส้นทางที่จะไปต่อเสียเลย
ถึงเวลาต้องบอกลาคุณมายูมิพี่เจี๊ยบและคุณสา เอาล่ะจุดหมายแรกคือปราสาทกุโจฮาชิมันบนเนินเขานู้นเดินตามทางไม่ไกลด้วยความที่เมืองไม่ได้กว้าง พี่เจี๊ยบกับฉันวกกลับมาเดินสวนกันตรงประสาท เธอกำลังจะลงส่วนฉันจะขึ้นไปพอดีกระทั่งฉันกำลังเดินหาคลองปลาคราฟก็ยังเจอกันอีกจนเธอขอให้สามีถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึกด้วยความยินดีและดีใจเมืองนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองผลิตอาหารจำลองที่ใช้โชว์ตามร้านต่างๆทั่วประเทศ เดินเล่นไปจนรอบเมืองชิมขนมกินปลาเผาเนื้อแน่นหวานมากรถบัสใกล้มาแล้วจึงมุ่งหน้าไปท่ารถ แสงแดดแทรกตัวออกจากหมู่เมฆได้บ้างฉันเห็นเงาตัวเองบนพื้นถนนที่เดินอยู่ชัดขึ้นความน่าเอ็นดูของฤดูกาลคือเราไม่อาจคาดหวังอะไรจากมันได้เลย วันนี้สดใสสวยงามพรุ่งนี้อาจเกรี้ยวกราดใส่คุณก็ได้ ใครจะรู้สาวน้อยขี้อายกลางหุบเขา ทำเอาตกหลุมพรางที่เธอขุดไว้ไม่ใช่แค่ฉันซะด้วยที่ยอมตกลงไปอย่างยินดี

ทุกครั้งที่ตัดสินใจเสี่ยงดวงไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตามความเป็นไปได้มันอาจอยู่ที่ 50:50แต่ถ้าไม่ลงมือทำทุกอย่างอาจเป็น0ฉันเป็นคนเชื่อในพลังแห่งแรงดึงดูดตามหลักของหนังสือเรื่องThe secreatและTheTopSecreatบทหนึ่งเขียนว่าถ้าอยากให้ผลเป็นอย่างไรจิตเราต้องแน่วแน่เหนี่ยวนำดึงดูดผลออกมาดังใจหวัง อยากเจอคนดี ก็ต้องคิดดี อยากให้เช้าวันนี้เป็นเช้าที่ดีก็ต้องมองบวกยิ้มแย้ม ฉันมักจะบอกเคล็ดลับนี้กับคนรอบข้างเสมอ จะทำตามหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ฉันลองแล้วได้ผลครั้งนี้ด้วยพลังบวกพาฉันมาจนถึงที่นี่ได้ "ขอให้วันนี้ผ่านไปได้ด้วยดีพบเจอเรื่องราวดีๆมิตรที่ดี มีเรื่องราวดีๆกลับไปเล่าต่อให้ทุกคนฟัง" ในหัวใส่ข้อมูลเหล่านี้ไว้เยอะๆ "ดีๆๆมันต้องดีๆๆสิน๊า"กุโจยามนี่อาจไม่เป็นใจที่ฝนตก แต่ฉันก็มาแล้วมาเพื่อให้เห็นหมู่บ้านนี้ด้วยตาฉันเอง ไม่ใช่แค่ในโซเชียล"สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอ" นั่นล่ะ คือแง่งามของการมองชีวิตมองความงดงามตามธรรมชาติที่ไม่ต้องมีเคล็ดลับหรือความลับใดๆเลยจริงๆ...
[CR] เล่าเรื่องเมือง Gujo Hachiman หนึ่งคืนที่ฝนพรำ ในงานร่ายรำ Gujo Odori #JourNu
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น