สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
เทวดาก็บรรลุมรรคผลได้
http://pantip.com/topic/33386683/comment3
พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน.... เวทัลละ ธรรมเหล่านั้นเธอฟังเสมอ ๆ คล่องปาก เพ่งพิจารณาด้วยใจ และกาย ตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ
"ต่อมา เธอมีสติเหลงลืมถึงแก่มรณะ ย่อมไปบังเกิดในเทพนิกายหมู่ใดหมู่หนึ่ง เมื่อเธอมีความสุขอยู่ในภพนั้น บทแห่งธรรมทั้งหลายย่อมปรากฏแก่เธอ สติบังเกิดขึ้นช้า แต่สัตว์นั้นย่อมบรรลุคุณวิเศษเร็วพลัน
“อีกประการหนึ่ง... บทแห่งธรรมย่อมไม่ปรากฏแก่เธอ แต่ภิกษุผู้มีฤทธิ์ มีความชำนาญทางจิต แสดงธรรมแก่เทพบริษัท เธอตรึกตรองจนเห็นว่า ในกาลก่อน เราได้ประพฤติพรหมจรรย์ในธรรมวินัยใด นี้คือธรรมวินัยนั้น สติบังเกิดขึ้นช้า แต่สัตว์นั้นย่อมบรรลุคุณวิเศษเร็วพลัน.... ดุจบุรุษผู้ฉลาดในเสียงกลอง เขาเดินทางไกล เมื่อได้ยินเสียงกลอง ไม่มีความสงสัยหรือเคลือบแคลงว่า นั่นเสียงกลองหรือไม่ใช่....
“อีกประการหนึ่ง... บทแห่งธรรมทั้งหลายย่อมไม่ปรากฏแก่เธอ ผู้มีความสุขอยู่ในภพนั้นเลย ทั้งภิกษุผู้มีฤทธิ์ ก็ไม่ได้แสดงธรรมในเทพบริษัท แต่เทพบุตรย่อมแสดงธรรมในเทพบริษัท เธอคิดได้ดังนี้ว่า นี้คือ นี้คือธรรมวินัยนั้น สติบังเกิดขึ้นช้า แต่สัตว์นั้นย่อมบรรลุคุณวิเศษเร็วพลัน.... ดุจบุรุษผู้ฉลาดในเสียงสังข์ สติบังเกิดขึ้นช้า เดินทางไกลได้ยินเสียงสังข์เข้า ไม่พึงมีความเคลือบแคลงสงสัย ว่านั่นเสียงสังข์หรือไม่ใช่....
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความเจริญแห่งพระพุทธศาสนาที่ตั้งอยู่
ในมนุษยโลกและในเทวโลก
เมื่อจะกล่าวถึงความเจริญของพระพุทธศาสนาที่อยู่ในมนุษยโลกกับที่อยู่ในเทวโลก แล้วย่อมกล่าวได้ว่าพระพุทธศาสนาที่ตั้งอยู่ในเทวโลกนั้น มีความเจริญรุ่งเรืองมากกว่าในมนุษยโลก เพราะในการที่พระพุทธศาสนาจะเจริญแพร่หลายได้นั้นก็ต้องอาศัยพุทธศาสนิกชนเป็นใหญ่ ในสถานที่ใดมีพุทธศาสนิกชนมาก สถานที่นั้นก็เป็นที่เจริญแพร่หลายของพระพุทธศาสนามาก และอริยบุคคลที่มีอยู่ในเทวโลกนั้นมีมากกว่าอริยบุคคลที่มีอยู่ในมนุษย์โลก ข้อนี้จึงแสดงให้เห็นว่า พระพุทธศาสนาที่ตั้งอยู่ในเทวโลกนั้นมีความเจริญแพร่หลายมาก ก็ด้วยการที่มีอริยบุคคลมากนั้นเอง
ส่วนในมนุษยโลกนั้น พุทธศาสนิกชนมีน้อยมากก็จริง แต่ก็มีข้อพิเศษที่ต่างกันกับเทวโลก คือ ในมนุษยโลก มีปริยัติศาสนา ได้แก่ การสอนพระไตรปิฎก การเรียนพระไตรปิฎก การแสดงธรรม และการฟังธรรม ทั้ง ๔ อย่างนี้มีอยู่โดยพร้อมมูล แต่ในเทวโลกมีอยู่เพียง ๒ อย่างเท่านั้น คือ การแสดงธรรมและการฟังธรรม อีกประการหนึ่ง ในเทวโลกไม่มีพระสงฆ์มีอยู่แต่ในมนุษยโลกเท่านั้น
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พระอภิธัมมัตถสังคหะ
๒. ดาวดึงส์
http://abhidhamonline.org/aphi/p5/012.htm
ที่ศาลาสุธัมมา ตามปกติมีพรหมชื่อ สนังกุมาระ เป็นผู้เสด็จลงมาแสดงธรรม แต่ในบางโอกาส ท้าวสักกเทวราช หรือเทวดาองค์อื่นที่ทรงความรู้ในธรรมดี ก็เป็น ผู้แสดง
เทวดาตั้งแต่ชั้นดาวดึงส์นี้ขึ้นไปปฏิสนธิด้วยโอปปาติกกำเนิดอย่างเดียวเท่านั้น
เทวดาชั้นเดียวกัน ย่อมเห็นซึ่งกันและกันได้ และเห็นผู้ที่อยู่ชั้นต่ำกว่าตนได้ ด้วย แต่ไม่สามารถจะเห็นผู้ที่อยู่ในชั้นที่สูงกว่าตนได้
ท้าวสักกเทวราช หรือท้าวโกสีย์อัมรินทร์ ซึ่งเรียกกันสั้น ๆ ว่า พระอินทร์นี้ อยู่ในชั้นดาวดึงส์ แต่เป็นผู้ปกครองเทพยดาทั้งในชั้นดาวดึงส์ และชั้นจาตุมมหา ราชิกาด้วย
บางทีก็เรียก ท้าวสหัสสนัย คือ ท้าวพันตา เพราะจักขุดีมาก เห็นได้ชัดเจน และเห็นได้ไกลมาก เท่ากับดวงตาตั้งพันดวง
จากหนังสือ ซอกตู้พระไตรปิฏก (คัดลอกมาบางส่วน)
ดาวดึงส์
ในสวนบุณฑริกจะมีแท่นศิลาอันหนึ่งเป็นที่ฟังธรรมกันแล้วมีเจดีย์แก้วมรกตคือ พระจุฬามณีตั้งอยู่ที่สวนบุณฑริกนี้ ซึ่งบรรจุพระเขี้ยวข้างขาวกับพระเกศาของพระสมณโคดม พวกเหล่าเทวดาเมื่อจะนึกถึงคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม เพราะรูปพระพุทธเจ้าไม่มี ก็จะไปไหว้พระเขี้ยวแก้วและพระเกศา พวกเทวดาที่เป็นสัมมาทิฏฐิก็จะไปไหว้กัน
ความเป็นอยู่ของเทวดาชั้นดางดึงส์ล้วนแต่เป็นผู้เสวยทิพยสมบัติตลอดเวลา เพราะเกิดด้วยกุศลกรรมอันมากในอดีตภพจะมีแต่อิฏฐารมณ์ล้วน ๆ ความงามของเทวดาจะมีความแข็งแรงกำยำล่ำสัน ไม่มีแก่ เกิดปุ๊บอายุเท่าไรก็อยู่แค่นั้น ไม่มีง่อยเปลี้ยเสียขาหรือพิการแต่อย่างไร พร้อมไปหมด ลักษณะใบหน้าและเนื้อหนังมังสากำลังสมบูรณ์ อายุของเทวดาประมาณ ๒๐-๒๖ ปี แค่นั้นที่เทียบกับมนุษย์แล้ว ไม่แก่กว่านั้น ถ้าเป็นนางฟ้าก็จะมีลักษณะวัย ๑๕ หยก ๆ ๑๖ หย่อน ๆ ทั้งนั้น
อาหารที่เทวดาชั้นนี้บริโภคเรียกว่า สุทธาโภชน์ ก็คืออาหารทิพย์อันโอชาด้วยการไม่ต้องเคี้ยว นึกปุ๊บรสนั้นจะเป็นที่ต้องใจเลย เทวดาชั้นจาตุยังต้องเคี้ยวต้องกลืน
ในชั้นดาวดึงส์นอกจากจะเป็นที่โสภาแล้ว ยังบรรจุคุณค่าของความดีทั้งปวงอันสัญลักษณ์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ธรรมสภา พระจุฬามณี แล้วก็เป็นที่บรรจุของพระไตรปิฏกขนานแท้ดั้งเดิม และไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้วยการสังคายนาเลย พระไตรปิฏกของสวรรค์ที่นี่ ทุกอย่างสะดวกไปหมด เพียงแต่เราอยากจะรู้พระไตรปิฏกในเนื้อเรื่องนี้ไปยืนหน้าแท่นพระไตรปิฏกตั้งเจตนาว่าอยากรู้เนื้อความเรื่องนี้ พระไตรปิฏกที่เป็นใบลานตั้งอยู่สูงมาก คล้าย ๆ รัฐธรรมนูญเคยเห็นไหมเป็นพานตั้งแล้วเป็นใบลานซ้อนกัน จะหล่นออกมา ๑ ใบ ออกมาเองเลยคือหน้าที่เราต้องการ แล้วก็ปรากฏให้เราเห็นเข้าใจเลย แล้วกลับไปได้
เวลามีการประชุมที่ธรรมสภาจะมีเสียงระฆังแก้ว เทวดาองค์ไหนที่ไม่ไปฟังธรรมไม่ไปเข้าประชุมที่ธรรมสภา จะอยู่ไม่ได้จนแก้วหูแตกตกนรกไปเลย
ชั้นยามา
เทวดาชั้นยามา เป็นชั้นที่เกิดด้วยอำนาจสมาธิ คือเป็นมนุษย์ชอบสมาธิ ส่วนมากเทวดาชั้นยามาจะมาจากพวกชาวซิกข์ พวกคนที่ได้ฌานขั้นปฐมฌาน และไม่ว่าใครที่ชอบทำสมาธิอย่างเดียวโดยไม่ทำวิปัสสนาจะไปเกิดเป็นเทวดาชั้นยามา
เทวดาชั้นนี้นี่พิศดารที่สุดเลย พวกชอบนั่งทรมานตัวเอง นั่งบนตะปู ปล่อยหนวดให้ยาว หรือพวกชีเปลือยทั้งหลาย บางทีฝังตัวเองในดินครึ่งตัว ใผล่แต่หน้า เขามีความอดทนมากในการปฏิบัติ พอพวกที่ตายลงไปเป็นเทวดาชั้นยามา เพราะจิตกล้าแข็งมาก ไม่รู้ทุกข์ไม่รู้สุข ไม่ยอมรับรู้อะไร ปฏิสนธิปุ๊บจิตมันสร้างรูป เรียนแล้วนะครับ จิตมันจับอารมณ์รูปแห่งการนั่งมากติดในท่านั่ง ปฏิสนธิเป็นเทวดาทันทีในท่านั่ง อยู่เป็นแสน ๆ ๆ ปีก็นั่งอยู่อย่างนั้น
บางคนชอบนอนในโลงศพ เสียงระฆังดังปุ๊บ ( ประชุมที่ธรรมสภา) มาทั้งที่ยังนอนในโลงศพ บางทีหัวทิ่มมา มาตั้งตรงเด่ ๆ ๆ ๆ หลายเด่ไม่รู้ไม่ชี้ พอไปก็ไปทั้งหีบทั้งโลง นี่เทวดาชั้นยามา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปั้นปลายชีวิต อยากบวชเรียน อีกสักครั้ง ตั้งใจรักษาพระธรรมวินัย
แล้วขอไปเกิด ชั้น ดาวดึงส์ ศึกษาพระไตรปิฏก ฉบับเทวโลก ฉบับดั้งเดิม มีภาพประกอบ
เพราะ พระไตรปิฏก ในโลก มนุษย์ อนาคตคงถูกสำนัก ต่าง ๆ เช่น วัดนาป่าพง สวนโมกข์ ธรรมกลาย ท่าซุง ดัดแปลงไปต่าง ๆ ให้เข้ากับทิฏฐิของสำนักตน
http://pantip.com/topic/33386683/comment3
พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน.... เวทัลละ ธรรมเหล่านั้นเธอฟังเสมอ ๆ คล่องปาก เพ่งพิจารณาด้วยใจ และกาย ตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ
"ต่อมา เธอมีสติเหลงลืมถึงแก่มรณะ ย่อมไปบังเกิดในเทพนิกายหมู่ใดหมู่หนึ่ง เมื่อเธอมีความสุขอยู่ในภพนั้น บทแห่งธรรมทั้งหลายย่อมปรากฏแก่เธอ สติบังเกิดขึ้นช้า แต่สัตว์นั้นย่อมบรรลุคุณวิเศษเร็วพลัน
“อีกประการหนึ่ง... บทแห่งธรรมย่อมไม่ปรากฏแก่เธอ แต่ภิกษุผู้มีฤทธิ์ มีความชำนาญทางจิต แสดงธรรมแก่เทพบริษัท เธอตรึกตรองจนเห็นว่า ในกาลก่อน เราได้ประพฤติพรหมจรรย์ในธรรมวินัยใด นี้คือธรรมวินัยนั้น สติบังเกิดขึ้นช้า แต่สัตว์นั้นย่อมบรรลุคุณวิเศษเร็วพลัน.... ดุจบุรุษผู้ฉลาดในเสียงกลอง เขาเดินทางไกล เมื่อได้ยินเสียงกลอง ไม่มีความสงสัยหรือเคลือบแคลงว่า นั่นเสียงกลองหรือไม่ใช่....
“อีกประการหนึ่ง... บทแห่งธรรมทั้งหลายย่อมไม่ปรากฏแก่เธอ ผู้มีความสุขอยู่ในภพนั้นเลย ทั้งภิกษุผู้มีฤทธิ์ ก็ไม่ได้แสดงธรรมในเทพบริษัท แต่เทพบุตรย่อมแสดงธรรมในเทพบริษัท เธอคิดได้ดังนี้ว่า นี้คือ นี้คือธรรมวินัยนั้น สติบังเกิดขึ้นช้า แต่สัตว์นั้นย่อมบรรลุคุณวิเศษเร็วพลัน.... ดุจบุรุษผู้ฉลาดในเสียงสังข์ สติบังเกิดขึ้นช้า เดินทางไกลได้ยินเสียงสังข์เข้า ไม่พึงมีความเคลือบแคลงสงสัย ว่านั่นเสียงสังข์หรือไม่ใช่....
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความเจริญแห่งพระพุทธศาสนาที่ตั้งอยู่
ในมนุษยโลกและในเทวโลก
เมื่อจะกล่าวถึงความเจริญของพระพุทธศาสนาที่อยู่ในมนุษยโลกกับที่อยู่ในเทวโลก แล้วย่อมกล่าวได้ว่าพระพุทธศาสนาที่ตั้งอยู่ในเทวโลกนั้น มีความเจริญรุ่งเรืองมากกว่าในมนุษยโลก เพราะในการที่พระพุทธศาสนาจะเจริญแพร่หลายได้นั้นก็ต้องอาศัยพุทธศาสนิกชนเป็นใหญ่ ในสถานที่ใดมีพุทธศาสนิกชนมาก สถานที่นั้นก็เป็นที่เจริญแพร่หลายของพระพุทธศาสนามาก และอริยบุคคลที่มีอยู่ในเทวโลกนั้นมีมากกว่าอริยบุคคลที่มีอยู่ในมนุษย์โลก ข้อนี้จึงแสดงให้เห็นว่า พระพุทธศาสนาที่ตั้งอยู่ในเทวโลกนั้นมีความเจริญแพร่หลายมาก ก็ด้วยการที่มีอริยบุคคลมากนั้นเอง
ส่วนในมนุษยโลกนั้น พุทธศาสนิกชนมีน้อยมากก็จริง แต่ก็มีข้อพิเศษที่ต่างกันกับเทวโลก คือ ในมนุษยโลก มีปริยัติศาสนา ได้แก่ การสอนพระไตรปิฎก การเรียนพระไตรปิฎก การแสดงธรรม และการฟังธรรม ทั้ง ๔ อย่างนี้มีอยู่โดยพร้อมมูล แต่ในเทวโลกมีอยู่เพียง ๒ อย่างเท่านั้น คือ การแสดงธรรมและการฟังธรรม อีกประการหนึ่ง ในเทวโลกไม่มีพระสงฆ์มีอยู่แต่ในมนุษยโลกเท่านั้น
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พระอภิธัมมัตถสังคหะ
๒. ดาวดึงส์
http://abhidhamonline.org/aphi/p5/012.htm
ที่ศาลาสุธัมมา ตามปกติมีพรหมชื่อ สนังกุมาระ เป็นผู้เสด็จลงมาแสดงธรรม แต่ในบางโอกาส ท้าวสักกเทวราช หรือเทวดาองค์อื่นที่ทรงความรู้ในธรรมดี ก็เป็น ผู้แสดง
เทวดาตั้งแต่ชั้นดาวดึงส์นี้ขึ้นไปปฏิสนธิด้วยโอปปาติกกำเนิดอย่างเดียวเท่านั้น
เทวดาชั้นเดียวกัน ย่อมเห็นซึ่งกันและกันได้ และเห็นผู้ที่อยู่ชั้นต่ำกว่าตนได้ ด้วย แต่ไม่สามารถจะเห็นผู้ที่อยู่ในชั้นที่สูงกว่าตนได้
ท้าวสักกเทวราช หรือท้าวโกสีย์อัมรินทร์ ซึ่งเรียกกันสั้น ๆ ว่า พระอินทร์นี้ อยู่ในชั้นดาวดึงส์ แต่เป็นผู้ปกครองเทพยดาทั้งในชั้นดาวดึงส์ และชั้นจาตุมมหา ราชิกาด้วย
บางทีก็เรียก ท้าวสหัสสนัย คือ ท้าวพันตา เพราะจักขุดีมาก เห็นได้ชัดเจน และเห็นได้ไกลมาก เท่ากับดวงตาตั้งพันดวง
จากหนังสือ ซอกตู้พระไตรปิฏก (คัดลอกมาบางส่วน)
ดาวดึงส์
ในสวนบุณฑริกจะมีแท่นศิลาอันหนึ่งเป็นที่ฟังธรรมกันแล้วมีเจดีย์แก้วมรกตคือ พระจุฬามณีตั้งอยู่ที่สวนบุณฑริกนี้ ซึ่งบรรจุพระเขี้ยวข้างขาวกับพระเกศาของพระสมณโคดม พวกเหล่าเทวดาเมื่อจะนึกถึงคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม เพราะรูปพระพุทธเจ้าไม่มี ก็จะไปไหว้พระเขี้ยวแก้วและพระเกศา พวกเทวดาที่เป็นสัมมาทิฏฐิก็จะไปไหว้กัน
ความเป็นอยู่ของเทวดาชั้นดางดึงส์ล้วนแต่เป็นผู้เสวยทิพยสมบัติตลอดเวลา เพราะเกิดด้วยกุศลกรรมอันมากในอดีตภพจะมีแต่อิฏฐารมณ์ล้วน ๆ ความงามของเทวดาจะมีความแข็งแรงกำยำล่ำสัน ไม่มีแก่ เกิดปุ๊บอายุเท่าไรก็อยู่แค่นั้น ไม่มีง่อยเปลี้ยเสียขาหรือพิการแต่อย่างไร พร้อมไปหมด ลักษณะใบหน้าและเนื้อหนังมังสากำลังสมบูรณ์ อายุของเทวดาประมาณ ๒๐-๒๖ ปี แค่นั้นที่เทียบกับมนุษย์แล้ว ไม่แก่กว่านั้น ถ้าเป็นนางฟ้าก็จะมีลักษณะวัย ๑๕ หยก ๆ ๑๖ หย่อน ๆ ทั้งนั้น
อาหารที่เทวดาชั้นนี้บริโภคเรียกว่า สุทธาโภชน์ ก็คืออาหารทิพย์อันโอชาด้วยการไม่ต้องเคี้ยว นึกปุ๊บรสนั้นจะเป็นที่ต้องใจเลย เทวดาชั้นจาตุยังต้องเคี้ยวต้องกลืน
ในชั้นดาวดึงส์นอกจากจะเป็นที่โสภาแล้ว ยังบรรจุคุณค่าของความดีทั้งปวงอันสัญลักษณ์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ธรรมสภา พระจุฬามณี แล้วก็เป็นที่บรรจุของพระไตรปิฏกขนานแท้ดั้งเดิม และไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้วยการสังคายนาเลย พระไตรปิฏกของสวรรค์ที่นี่ ทุกอย่างสะดวกไปหมด เพียงแต่เราอยากจะรู้พระไตรปิฏกในเนื้อเรื่องนี้ไปยืนหน้าแท่นพระไตรปิฏกตั้งเจตนาว่าอยากรู้เนื้อความเรื่องนี้ พระไตรปิฏกที่เป็นใบลานตั้งอยู่สูงมาก คล้าย ๆ รัฐธรรมนูญเคยเห็นไหมเป็นพานตั้งแล้วเป็นใบลานซ้อนกัน จะหล่นออกมา ๑ ใบ ออกมาเองเลยคือหน้าที่เราต้องการ แล้วก็ปรากฏให้เราเห็นเข้าใจเลย แล้วกลับไปได้
เวลามีการประชุมที่ธรรมสภาจะมีเสียงระฆังแก้ว เทวดาองค์ไหนที่ไม่ไปฟังธรรมไม่ไปเข้าประชุมที่ธรรมสภา จะอยู่ไม่ได้จนแก้วหูแตกตกนรกไปเลย
ชั้นยามา
เทวดาชั้นยามา เป็นชั้นที่เกิดด้วยอำนาจสมาธิ คือเป็นมนุษย์ชอบสมาธิ ส่วนมากเทวดาชั้นยามาจะมาจากพวกชาวซิกข์ พวกคนที่ได้ฌานขั้นปฐมฌาน และไม่ว่าใครที่ชอบทำสมาธิอย่างเดียวโดยไม่ทำวิปัสสนาจะไปเกิดเป็นเทวดาชั้นยามา
เทวดาชั้นนี้นี่พิศดารที่สุดเลย พวกชอบนั่งทรมานตัวเอง นั่งบนตะปู ปล่อยหนวดให้ยาว หรือพวกชีเปลือยทั้งหลาย บางทีฝังตัวเองในดินครึ่งตัว ใผล่แต่หน้า เขามีความอดทนมากในการปฏิบัติ พอพวกที่ตายลงไปเป็นเทวดาชั้นยามา เพราะจิตกล้าแข็งมาก ไม่รู้ทุกข์ไม่รู้สุข ไม่ยอมรับรู้อะไร ปฏิสนธิปุ๊บจิตมันสร้างรูป เรียนแล้วนะครับ จิตมันจับอารมณ์รูปแห่งการนั่งมากติดในท่านั่ง ปฏิสนธิเป็นเทวดาทันทีในท่านั่ง อยู่เป็นแสน ๆ ๆ ปีก็นั่งอยู่อย่างนั้น
บางคนชอบนอนในโลงศพ เสียงระฆังดังปุ๊บ ( ประชุมที่ธรรมสภา) มาทั้งที่ยังนอนในโลงศพ บางทีหัวทิ่มมา มาตั้งตรงเด่ ๆ ๆ ๆ หลายเด่ไม่รู้ไม่ชี้ พอไปก็ไปทั้งหีบทั้งโลง นี่เทวดาชั้นยามา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปั้นปลายชีวิต อยากบวชเรียน อีกสักครั้ง ตั้งใจรักษาพระธรรมวินัย
แล้วขอไปเกิด ชั้น ดาวดึงส์ ศึกษาพระไตรปิฏก ฉบับเทวโลก ฉบับดั้งเดิม มีภาพประกอบ
เพราะ พระไตรปิฏก ในโลก มนุษย์ อนาคตคงถูกสำนัก ต่าง ๆ เช่น วัดนาป่าพง สวนโมกข์ ธรรมกลาย ท่าซุง ดัดแปลงไปต่าง ๆ ให้เข้ากับทิฏฐิของสำนักตน
แสดงความคิดเห็น
ภิกษุที่เป็นมนุษย์ ตายแล้วทำไมไม่เป็นภิกษุที่สวรรค์ต่อ ส่วนใหญ่เป็นเทพบุตร ?