[กระทู้รีวิว] โมโตจีพี บุรีรัมย์ รอสซี่ และการเดินทางของวีลแชร์

แนะนำตัวก่อน เราเป็นคนพิการค่ะ อ่อนแรงตั้งแต่ระดับหน้าอกลงไปต้องใช้รถเข็นไปไหนมาไหนไม่สามาถเดินหรือลุกขึ้นเดินได้เลย เรามีฮีโร่อยู่คนหนึ่งที่เราเฝ้าติดตามเขามานาน (ผ่านทีวี) เขาคนนั้นเป็นนักแข่งมอเตอร์ไซต์ชื่อว่า วาเลนติโน่ รอสซี่
(วาเลนติโน่ รอสซี่)
วาเลนติโน่ เป็นนักแข่งในรายการโมโตจีพี ซึ่งเป็นรายการยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวนักบิด ถ้าเปรียบกับฟุตบอลก็ประมาณรายการฟุตบอลโลก หรือ F1 สำหรับการแข่งขันรถยนต์ รายการโมโตจีพีจะทำการแข่งขันเพื่อหาแชมป์โลกในทุก ๆปี โดยจะจัดแข่งเวียนไปตามสนามต่างๆ รอบโลก ใครได้คะแนนรวมสูงสุดในปีนั้นก็จะได้แชมป์โลกไปครอง

เมื่อได้ข่าวว่าสนามช้างที่บุรีรัมย์ได้รับสิทธิ์จัดโมโตจีพีซึ่งเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันรายการนี้หลังจากที่นั่งมองประเทศอื่นๆ จัดการแข่งขันในทีวีมานานแสนนาน ตอนนั้นสมองเราเริ่มตีกันว่าจะไปหรือไม่ไปดี ไปมาเลย์หรือไปบุรีรัมย์? ก่อนหน้านี้เราไปดูรอสซี่ที่มาเลเซียมาก่อนซึ่งเราก็คิดว่ามันก็เดินทางสะดวกดี ที่พักก็หาง่าย แล้วถ้าเปลี่ยนไปดูที่บุรีรัมย์หล่ะ???
(ภาพหลังแข่งที่เซปัง)
เดินทางยังไง? ถ้าเอารถไปจะไปจอดรถที่ไหน? จากจุดจอดรถจะเข้าสนามยังไง? จะขึ้นแสตนได้ไม๊? มีลิฟท์รึเปล่า? จะมีห้องน้ำคนพิการไม๊? ที่พักหล่ะ? นำความกังวลนี้ไปปรึกษาเพื่อน เพื่อนให้คำตอบมาเรียบง่ายมากว่า รอสซี่แก่แล้ว แกไปดูเหอะ ก่อนจะไม่ได้ดูอีก ….

ใช่ค่ะวาเลนติโน่ รอสซี่กำลังย่างอายุสี่สิบ(ณ ตอนนั้น) ซึ่งถือว่าเป็นนักแข่งที่อายุมากที่สุดในสนาม สำหรับนักกีฬาแล้วถือว่าเข้าสู่ช่วงปลายของอาชีพ คงจะลงแข่งอีกไม่นานแน่ๆ ว่าแล้วก็เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เดินทางกัน..

แผนการเดินทางของเราคือไปทางรถยนต์ เพราะรถไฟกับรถทัวร์ไม่สะดวกที่ยกรถเข็นขึ้นลง และจะได้มีรถใช้เวลาออกจากที่พักไปสนาม ออกเดินทางคืนวันศุกร์นอนกลางทางและเดินทางกลับวันอาทิตย์เลยหลังจากแข่งเสร็จ

ออกเดินทางจาก กทม มุ่งหน้าสระบุรี แวะพักที่มวกเหล็ก ตื่นตอนสายๆ เดินทางต่อไปถึงบุรีรัมย์ช่วงเที่ยงๆ ถนนขับง่าย รถไม่ติดอย่างที่คิด (ที่เซปังติดกว่านี้เยอะมาก )

ปัญหาก็คือที่จอดรถไกลมาก(สำหรับรถเข็น) ไม่มีทางที่เราจะเข็นรถเข็นมาถึงจุดต่อรถได้แน่ๆ (เราไปถึงสายด้วย) แก้ปัญหาโดยวิธีให้เพื่อนวนมาส่งตรงจุดต่อรถเข้าสนามแทน

ปัญหาต่อไปก็ตามมา รถที่จะเข้าสนามเป็นรถอีแต๋นค่ะ รถน่ารักมากมาย แต่เราขึ้นไม่ได้เพราะรถสูง เผอิญหันเจอรถกอล์ฟวิ่งมาพอดี เพื่อนวิ่งไปถามว่าขอติดเข้าไปด้วยได้รึเปล่า คนขับรถก็พยักหน้าทันที (ขอบคุณมากๆค่ะ)
(รถอีแต๋นชัตเติลบัสสำหรับเข้าสนาม น่ารักมาก แต่เราขึ้นไม่ได้ ภาพจาก motorsportlive.com )

เมื่อไปถึงสนาม ทันทีที่สตาฟเห็นเรานั่งรถเข็นก็รีบมาเปิดรั้วให้ พาขึ้นลิฟท์ (เย้ๆ มีลิฟท์) ขึ้นไปบนอัฒจันทร์ แนะนำว่าห้องน้ำอยู่ทางนี้นะ (มีห้องน้ำคนพิการด้วย ปลื้มมากๆ) อยู่มุมไหนถึงจะเห็นชัด เราไปถึงก่อนเริ่มจัดอันดับกริดสตาร์ทแบบฉิวเฉียด สนามนี้รอสซี่ไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ ได้สตาร์ทแถวหน้าด้วย
(มุมมองจากแกรนสแตนประมาณนี้ รูปนี้วันแข่งค่ะ)
(มานั่งส่องห้องพัก 46 เห็นอยู่ลิบๆ ตรงที่มีคนมารอกันเยอะๆ นั่นหล่ะค่ะ)
หลังคลอลิฟายเราก็พยายามมาส่องดูนักแข่งตรงด้านหลังแกรนแสตนด์ ส่องไปส่องมาจนเหนื่อย ก็ไม่เห็นใครสักเท่าไหร่ ขณะกำลังตัดใจจะกลับที่พักก็มีเสียงสรวรรค์โทรมา “พี่ยังอยู่สนามรึเปล่า รอสซี่จะมาห้องแถลงข่าว เราไปดักรอกันเดี๋ยวหนูพาไป เจอกันที่ลิฟท์”

สิบนาทีหลังจากนั้นเราก็พาตัวเองมาอยู่รอแถวๆ ทางไปยังห้องแถลงข่าว เฝ้ารอรอสซี่ด้วยใจจดจ่อ จากเคยเห็นไกลๆ ผ่านกล้องส่องทางไกลที่เซปัง วันนี้เราจะได้เห็นรอสซี่แบบใกล้ๆ แล้ว (ตื่นเต้นมากก)

ระหว่างที่รอ ๆ ก็มีผู้ชายอิตาลี ตัวเล็กๆ หน้าตาใจดี เดินมาทักทายและทำมือชี้โบ๊เบ้ทำนองว่ารอตรงนี้นะๆ สักพักเค้ากลับมาพร้อมนำเสื้อ VR46 + ลายเซ็นต์ของรอสซี่มายื่นให้ ด้วยภาษาอังกฤษแบบกระท่อนกระแท่นที่สื่อสารกัน เค้าบอกว่านี่รอสซี่เซ็นต์เองกับมือนะ แฟนรอสซี่หลายคนคงคุ้นเคยคนนี้ดี เค้าชื่อ Flavio Fratesi เป็นประธานแฟนคลับวาเลนติโน่ รอสซี่ ซึ่งเดินทางมากับรอสซี่จากอิตาลีนั่นเองค่ะ
( President of the VR46 Fan Club บอกว่ารอตรงนี้นะ แล้ววิ่งไปเอาเสื้อมาให้ น่ารักมากๆค่ะ)
(ลอเรนโซ่ บันดาซารี่ เดินผ่านมาพอดีเลยขอถ่ายรูปด้วย เสียดายว่าปีหน้าจะไม่อยู่กับ VR46 ไรเดอร์อคาเดมี่แล้ว ขอให้โชคดีนะคะ)

ใกล้ถึงเวลาแถลงข่าวยิ่งตื่นเต้นค่ะ ตาคอยดูว่ารอสซี่จะขี่สกู๊ตเตอร์มาตอนไหน จนในที่สุดเฮียก็ขี่สกู๊ตเตอร์โผล่มา (กรี๊ดดดในใจ ) มาแล้วๆ จู่ๆ จากโล่งๆ คนโผล่มาจากไหนไม่รู้เต็มไปหมด บังเรามิด แล้วรอสซี่ก็เดินผ่านไป (แป่ววว....อดค่ะ )
(พี่ลิน จาวิชเดินผ่านมาพอดี ตอนนี้เปลี่ยนเสื้อแล้วค่ะ เป็นเสื้อที่ Flavio เอามาให้ตะกี้ ใส่เหลืองๆ ให้เด่นๆ รอสซี่จะได้เห็น)

หลังแถลงข่าวเสร็จ โอกาสสุดท้ายมาแล้ว และเหมือนเดิมจากคนโล่งๆ พอรอสซี่โผล่ออกมาจากห้องแถลงข่าวคนก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ ทุกคนยื่นหมวกบ้าง โปสเตอร์บ้าง รูปบ้างให้รอสซี่เซ็นต์เต็มไปหมด รอสซี่ยืนแจกลายเซ็นต์อยู่พักใหญ่ ๆ จนผู้ช่วยเริ่มขยับสกู๊ตเตอร์ไปรอหน้าทางเข้า

รอสซี่กำลังขี่รถออกไปแล้ว ทำไงดีๆ โอกาสหากยากแบบนี้กำลังจะหลุดลอยไป

“วาเล่ วาเล่” เราตะโกนออกไป รอสซี่หันมามองและหยุดชะงัก ทำมือบอกการ์ดทำนองว่าแป็บหนึ่ง แล้วปิดสวิตท์กุญแจหันมาเซ็นต์ลายเซ็นต์ให้
ณ…ตอนนั้น สติหลุดลอยค่ะ และสิ่งที่มีค่ามากกว่าลายเซ็นต์ที่ได้มาก็คือความทรงจำที่ดีที่สุดสำหรับแฟนคลับอย่างเรา ได้สบตา ได้รอยยิ้มของเฮีย ได้ยินรอสซี่บอกว่า Ciao กับเรา มันเหมือนฝันมาก แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากๆสำหรับเราจริงๆ 
(สบกันกันจริงๆ น้า ไม่ได้โม้....)
(เฮียยิ้มให้ แล้วบอกว่า Ciao )
(แถมให้แฟนๆ มาเกซค่ะ ตัวจริงน่ารัก หน้าใสกิ๊งเลย)

สนามนี้รอสซี่จบลงด้วยอันดับที่สี่ แม้ไม่ได้ขึ้นโพเดียมแต่การได้เห็นรอสซี่ตัวเป็นๆ ขี่รถในสนาม ได้ยินเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มสนาม มันเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ถ้าใครติดตามรายการนี้มาอยากให้ลองไปสนามดูสักครั้งค่ะ
(ผู้ขึ้นโพเดียมทั้งสามคน ภาพจาก motogp.com)

ระหว่างทางขับรถกลับ เพื่อนที่ไม่เคยสนใจกีฬาประเภทนี้มาก่อน เพื่อนที่เคยบอกว่าเกลียดเสียงดังๆ ขอมอเตอร์ไซต์ คนที่ฝืนใจมาเป็นเพื่อน หันมาบอกเราว่า ปีหน้ามากันอีกนะ สนุกดี (ปลื้มมมมมมมค่ะ)

สรุป (ในมุมมองของคนใช้วีลแชร์)

ถ้าคุณใช้วีลแชร์ต้องซื้อตั๋วแกรนแสตน์เท่านั้นนะคะ การไปสนามให้คนวนไปส่งตรงจุดต่อรถหรือไม่งั้นก็ต้องไปเช้ามากๆ เพื่อจะได้ที่จอดรถที่พอจะสามารถเข็นเข้าไปได้ (มีคนแนะนำให้ลองใช้แกร็บดู แต่เราไม่มีโอกาสได้ลอง) ถ้าผ่านด่านที่จอดรถเข้าไปแล้วทุกอย่างสะดวกสบายไม่ต้องกังวล (ห้องน้ำที่นี่สภาพดี มีราวจับ ประตูสไลด์ และสะอาดกว่าที่เซปังเยอะมาก)

สิ่งที่อยากให้ดาวทั้งฟ้าคืออาสาสมัคร เจ้าหน้าที่สนาม น่ารักแจ่มใส เต็มใจช่วยเหลือมากๆ ทุกคน เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเลยว่าเอกลักษณ์ความเป็นคนไทยเวลาต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองมันโดดเด่นจริงๆ ค่ะ มันเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่หาไม่ได้เวลาไปประเทศอื่นๆ ขอชมคนบุรีรัมย์จริงๆ ว่าจัดงานออกมาได้ดีกว่าที่คาดไว้มาก หันไปทางไหนก็เจอแต่เจ้าหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส แม้กระทั่งคนล้างห้องน้ำ !!

ขอบคุณคุณเนวินที่สู้จนสุดใจจนได้ลิขสิทธิ์การแข่งขันนี้มา มันเหมือนฝันสำหรับแฟน ๆ โมโตจีพีในเมืองไทยจริงค่ะ

ขอบคุณสนามช้างที่จัดสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการ คนกลุ่มเล็กๆ ที่มักจะถูกใครๆ มองข้าม ทำให้คนพิการแบบเรามีโอกาสเข้าดูการแข่งขันได้อย่างสะดวกสบายกว่าที่คิดไว้มาก

ขอบคุณ ปตท สำหรับห้องน้ำคนพิการในทุกๆ ปั๊ม มันเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ สำหรับการเดินทางของคนพิการ เมื่อก่อนเราไม่กล้าเดินทางไกลไปไหนมาไหน เพราะความกังวลเรื่องเรื่องน้ำ ปัจจุบันเราสามารถเดินทางไปจังหวัดใกล้ไกลได้โดยไม่กังวล

ขอบคุณชาวบุรีรัมย์สำหรับรอยยิ้มและน้ำใจในการช่วยเหลือเราตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น คุณเป็นเจ้าภาพที่น่ารักสุดๆ ไปเลย

ไว้ปีนี้ เจอกันใหม่นะคะ (ถ้าหาตั๋วแกรนแสตนด์ได้นะ หมดไวเกิ้นนนนน ซื้อไม่ทันค่า)

ข้อมูลที่พัก

ที่พักที่ตัวเมืองบุรีรัมย์ : Hop hotel

ราคา : 550 บาทต่อคืน พักได้สองคน ไม่มีอาหารเช้า แต่เราขอพักสามคนเจ้าหน้าที่ก็ไม่ชาร์ตเพิ่มแต่ไม่มีเครื่องนอนให้นะคะ ที่พักมีทางลาด ลิฟท์ พื้นในห้องน้ำไม่มีสเต็ปรถเข็นเข้าออกสะดวก ฝักบัวดึงได้ สามารถนั่งอาบน้ำตรงชักโครกได้สบายๆ บริเวณที่พักมีตลาดนัดหาของกินง่าย และเดินทางไปสนามช้างเพียงแค่สิบนาทีค่ะ

ปล. จริงๆ เราอยากเขียนรีวิวนี้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับแฟนโมโตจีพีที่นั่งวีลแชร์เหมือนเราจะได้นำข้อมูลไปใช้ มัวแต่ขี้เกียจจนมาได้ฤกษ์เขียนตอนหยุดพักครึ่งฤดูกาลของโมโตจีพีนี่หล่ะค่ะ (ขอโทษที่รูปมาน้อยมาก เพราะมัวแต่ตื่นเต้น หลังจากได้เจอรอสซี่เราสติหลุดไปเลยค่ะ ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง) หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ

ปล2. เป้าหมายปีนี้สำหรับเรา เราอยากถ่ายรูปคู่กับรอสซี่มากๆๆๆ และอยากทำเสื้อยืดความหมายดีๆ ไปฝากให้ไบรอัน (Byan Toccaceli) นักแข่งมอเตอร์ไซต์วิบากที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างการฝึกซ้อมจนเป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงมา ทำให้แขนขาอ่อนแรง (ซึ่งรอสซี่ได้เอาชื่อย่อ BT ของไบรอัน มาติดไว้ที่หมวกเพื่อเป็นการให้กำลังใจมาตั้งแต่ไบรอันประสบอุบัติเหตุค่ะ) อวยพรให้เราทำสำเร็จด้วยนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่