พบเรืออับปางติดตั้งปืนใหญ่ที่พร้อมยิงในทะเลบอลติค

1.

2.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Intact Renaissance Shipwreck in the Baltic
" ย้อนหลังไปราว  500- 600 ปีก่อน
แต่ดูเหมือนมันเพิ่งจมเมื่อวานนี้ "
Rodrigo Pacheco-Ruiz นักโบราณคดีทางทะเล
และผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจ MMT
กล่าวในรายงานการค้นพบว่า
เรือถูกค้นพบครั้งแรกโดยใช้โซนาร์
ซึ่งใช้คลื่นเสียงในการตรวจจับวัตถุ
โดยสำนักงานบริหารการเดินเรือแห่งสวีเดนในปี 2009
Swedish Maritime Administration

แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ Rodrigo Pacheco-Ruiz และทีมของท่านได้ร่วมมือกับ
Centre for Maritime Archaeology (CMA) ของ University of Southampton ในอังกฤษ
Deep Sea Productions and the Maritime Archaeology Research Insitute of Södertörn University (MARIS).
ทำการสำรวจทางโบราณคดีเกี่ยวกับซากเรือโดยใช้หุ่นยนต์ใต้น้ำทำการสำรวจ

การสำรวจครั้งนี้พบว่า
เรือลำนี้น่าจะมีอายุช่วงศตวรรษที่ 15 ถึงต้นศตวรรษที่ 16
แม้ว่าสภาพจะดูชำรุด แต่ก็ยังคงสภาพเหมือนเดิมมาก
เสากระโดงเรือยังอยู่ในตำแหน่งเดิม
และสภาพตัวเรือยังดูสมบูรณ์
บนดาดฟ้าเรือมีเรือลำเล็กมัดติดกับเสา
เรือลำเล็กนี้น่าจะใช้ขนส่งลูกเรือไปและกลับจากเรือ
ทั้งยังพบปืนใหญ่ที่หมุนได้บนดาดฟ้า
บางกระบอกยังคงอยู่ที่ช่องยิงปืนแถวกาบเรือ
ปืนใหญ่หมุนได้สองกระบอกกำลังเล็งไปที่ตำแหน่งการยิง
ตามรายงานของ The Independent 

เรือลำนี้มีความร่วมสมัยในช่วงเวลาของ
Christopher Columbus กับ Leonardo Da Vinci
แต่แสดงให้เห็นว่าได้รับการดูแลรักษาอย่างน่าทึ่ง
หลังจาก 500 ปีที่จมลงก้นทะเล
เรือได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี
เพราะความหนาวเย็นและความเค็ม
ของน้ำทะเล Baltic ที่ไม่เค็มจัดมากนัก "
Rodrigo Pacheco-Ruiz กล่าว

ช่วงวันเวลาที่เรือลำนี้จมลงคือ การค้นพบที่สำคัญ
เพราะเป็นการยากมากที่จะค้นพบเรือที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ
ที่อยู่ในช่วงสงครามครั้งที่ยิ่งใหญ่และยาวนาน
Northern Seven Year’s Wars (1563-1570)
เป็นยุคที่ชาติ Scandinavian เริ่มสู่ยุคทันสมัย

3.


เรือลำนี้ยังมีสภาพสมบูรณ์แบบ
โครงสร้างตัวเรือ กระดูกงู ดาดฟ้า เสากระโดง
องค์ประกอบบางส่วนของแท่นค้ำยันยังคงอยู่
ที่ยังมองเห็นได้ชัดเจนคือ bowsprit เสาที่ยื่นออกไปทางหัวเรือ
และท้ายเรือมีกว้านสมอเรือ และเครื่องสูบน้ำท้องเรือ(กรณีเรือรั่ว)
ปืนหมุนได้ที่ยังคงอยู่บนดาดฟ้าเรือ
คือ ข้อพิสูจน์ถึงความตึงเครียดของมนุษย์ในยุคนั้น
ที่มีความขัดแย้งอย่างแหลมคมระหว่างชาติจนเกิดสงคราม

โครงการสำรวจซากเรือครั้งนี้
แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จ
ระหว่าง MMT และมหาวิทยาลัย Southampton
ซึ่งได้จัดนิทรรศการแสดงเมื่อเร็ว ๆ นี้
เรื่องการค้นพบและการสำรวจทางโบราณคดี
ที่พบซากเรืออับปางกว่า 65 ลำในทะเลดำ
ซากปรักหักพังบางส่วนเกิดขึ้นในยุคออตโตมัน
ยุคไบแซนไทน์โรมัน และยุคกรีก
ซึ่งพบในระดับความลึกมากกว่า 2,000 เมตร
อันเป็นผลมาจากความร่วมมืออันยาวนาน
ระหว่างภาคอุตสาหกรรมและการวิจัยทางวิชาการ

เรียบเรียง/ที่มา

https://bit.ly/32F7nT4
https://bit.ly/2Kf07F9
https://bit.ly/30ZW32f


4.

5.

6.

7.

8.


เรื่องเล่าไร้สาระ


สวีเดนคงไม่กู้เรือลำนี้ขึ้นมามากกว่า
เพราะในตอนนี้ ความลึกระดับมากกว่า 2,000 เมตรนี้ 
เครื่องมือในการยกขึ้นมาทั้งลำคงแพงมหาศาล 
เผลอ ๆ เรืออาจจะชำรุดมากกว่าทิ้งไว้ในสภาพเดิม 
หรือสารปนเปื้อนในทะเลจะเพิ่มขึ้น
เพราะไปกระทบโครงสร้าง/สิ่งที่ธรรมชาติห่อหุ้มไว้
ทำให้แตกสลายและหลุดรอดสู่ทัองทะเลได้
แต่คงทำแบบเรือไตตานิค (มาจากยักษ์ Titan)
ที่โดนอุปกรณ์โจรสลัด(ฝรั่งด่ากันเอง) ดำลงไป
ไปขนข้าวของคนตายในเรือออกมาขาย 
แม้ว่าเป็นการรบกวนผู้ตายและศพคนที่ติดอยู่ในเรือ

และถ้าสมมุติกู้ขึ้นมาได้ก็งานช้าง 
เพราะต้องรักษาระดับอุณหภมิ 
และความเค็มในระดับเดิม 
ก่อนค่อย ๆ ลดจนถึงระดับน้ำจืด/
อุณหภูมิปกติ กินเวลาเป็นปี 
ต้นทุนยิ่งสูงขึ้นไปอีก
ตัวอย่างเช่น เรือไวกิ้งที่ขุดพบใกล้กับชายฝั่ง
แล้วนำมาประกอบใหม่ในพิพิธภัณฑ์

พวกถ้วยไหโอ่งชาม ที่จมใค้ทะเลอ่าวไทยหลายร้อยปีแล้ว 
คนที่ลักลอบหาสมบัติใต้ทัองทะเล/ชาวประมงที่พบ
จะแช่ในน้ำทะเลแล้วค่อย ๆ เจอจางด้วยน้ำจืด
กินเวลาร่วม 6 เดือนก่อนนำขึ้นสัมผัสอากาศ
เพื่อรอขายต่อไป ถ้านำขึ้นทันที จะค่อย ๆ เสื่อมกร่อน ผุพัง


“ การนำวัตถุขึ้นมาจากทะเลเป็นเรื่องใหญ่สำหรับนักโบราณคดีใต้น้ำ ”
หัวหน้ากลุ่มโบราณคดีใต้น้ำ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เนื่องจากวัตถุอยู่ใต้ทะเลมานาน ถ้าน้ำเค็มจัด ๆ
เกลือที่อยู่ในน้ำทะเลจะแทรกซึมเข้าไปอยู่ในวัตถุอะไรก็ตามที่เป็นรูพรุน
เมื่อแห้งจะจับตัวเป็นผลึกจะทำลายรูพรุนให้แตกออก
เวลาแตกไม่ได้แตกเป็นชิ้น ๆ แต่จะกร่อนเป็นผงเล็ก ๆ
ส่วนผิวที่เคยเงางาม ก็จะกลายเป็นด้าน

สำหรับการรักษาสภาพ ถ้าเป็น ถ้วยชาม กระเบื้อง เครื่องถ้วย เครื่องสังคโลก
มีเทคนิคง่าย ๆ คือ ล้างให้หมดน้ำเกลือเปลี่ยนถ่ายน้ำไปเรื่อย ๆ
ซึ่งต้องแช่ไว้นานเป็นปี ๆ จากนั้นปล่อยให้แห้ง
ส่วน อินทรียวัตถุ อย่าง ไม้ เมื่อเจอแสงแบคทีเรียจะเจริญเติบโต
จึงต้องเก็บไว้ในถุงดำ หรือ กระดาษ
ถ้าโดนแสงก็จะเปลี่ยนสีหรือกลายเป็นวุ้นเลยก็มี
รวมทั้ง ผ้า หนังสัตว์ จึงต้องใช้เทคนิค คือ
ล้างให้หมดความเค็มแล้วเสริมเนื้อ ผิวด้วยวัสดุสังเคราะห์
ทาลงไปเพื่อจะไปช่วยค้ำเซลล์ของวัตถุเอาไว้
เพราะถ้า ปล่อยให้แห้ง จะเกิดการยุบตัว
แต่ต้องเลือกใช้วัสดุสังเคราะห์ให้เหมาะกับวัตถุด้วย

สำหรับ พวกโลหะ จะแช่น้ำจืดไม่ได้
ยิ่งถ้าเป็นเหล็กเพราะจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ทำให้ขึ้นสนิม
จึงต้องแช่ไว้ใน สารเคมีชนิดหนึ่งที่กันออกซิเจนออก
การแช่ขึ้นอยู่กับขนาดและสภาพ
ถ้ายังไม่ขึ้นสนิมล้างน้ำเค็มออกแล้วแช่สารเคมี 2-3 วัน
แต่ถ้าขึ้นสนิมต้องล้าง ขูดเอาสนิมออกก่อนแล้ว
จึงแช่สารเคมีอาจจะนานกว่า คือ 5-7 วัน
Credit  :  http://bit.ly/33a4WZ4
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่