ประสบการณ์ความรักครั้งแรกที่ไม่สมหวังและการเปลี่ยนแปลงตัวเอง

สวัสดีค่ะ เราอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ความรักครั้งแรกที่ไม่สมหวังของเราค่ะ

    ย้อนกลับไปเมื่อปี2016 ตอนนั้นเราอยู่ประมาณม.4(อายุ16ปี) ตลอด16ปีในชีวิตเราไม่เคยมีความรักเลยค่ะ และไม่เคยคิดว่าจะมี เพราะทางบ้านค่อนข้างห้ามความรักในวัยเรียน ให้โฟกัสกับการเรียนก่อน เราก็ไม่ได้มีปัญหาค่ะ บวกกับอยู่โรงเรียนหญิงล้วนด้วย จนวันนึงเราไปลงคอร์สเรียนภาษา ก็ได้เจอเพื่อนผู้ชายคนนึง

    ในตอนแรกเราไม่ได้สนใจค่ะ จำชื่อไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากในคลาสมีไม่ถึงสิบคน ทำให้เวลาเวียนงานกลุ่มก็จะเจอครบทุกคน ตอนแรกไม่คิดว่าจะชอบใครเพราะถึงแม้เราจะอยู่โรงเรียนหญิงล้วน แต่ไม่ได้มีปัญหาในการคุยกับผู้ชายค่ะ เล่นกันได้ปกติเลย จนมีครั้งนึงได้วนมาอยู่กลุ่มเดียวกับเขา แล้วตอนนั้นคนอื่นยังไม่มา ในกลุ่มเลยมีแค่2คน พอได้คุยกันนิดหน่อย แต่พอไปๆมาๆเรื่อย ก็เริ่มรู้สึกว่าเขาน่ารักดี กระทั่งมีครั้งนึงที่เขายิ้มหัวเราะออกมา แล้วพอเราเห็นใกล้ๆ คือ ณ วินาทีน้นเหมือนอยู่ในการ์ตูนเลยค่ะ ถ้าให้เห็นภาพคือเหมือนอยู่ๆมันก็มีอะไรมาจึก แล้วหัวใจเต้นแรงมาก (ถ้าเปรียบกับไอดอลคือโดนตกค่ะ อย่างจังเลย) หลังจากนั้นก็พยายามไม่คิดอะไร เพราะรู้ว่าอกหักแน่ๆ หลังจากวันนั้นการอยู่ใกล้เขาคือเหมือนคำสาปเลยค่ะ คุมสติไม่อยู่ พูดจาผิดๆถูกๆ บางครั้งที่สบตาก็รีบหันออกแบบชัดเจนมาก จนรู้เลยว่าเขารู้ตัวแน่ๆ

    เรารู้ตัวตั้งแต่ตอนนั้นว่ามันคงเป็นความรู้สึกแบบ Puppy Love หรือแค่Passionate Love คือแค่อยู่ใกล้ๆกันก็พอ เลยได้แค่แอบมองเขา พยายามมาเรียนให้ครบทุกครั้ง เพื่อที่จะได้เจอหน้าเขา และนี่คือจุดเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองเลยค่ะ หลังจากที่รู้ตัวว่าชอบเขามาสักพัก ก็เริ่มที่จะคิดหนัก เนื่องด้วยส่วนนึงคิดแล้วว่านกแน่ 1000% แต่เราก็อยากจะเป็น the best version of me ในทุกครั้งที่เจอเขา ผ่านไปจนปี2017 เราเริ่มที่จะดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย จากน้ำหนัก 50kg ลงมาเหลือ 45kg ทุกครั้งที่ออกมาวิ่งหรือกินคลีนแล้วท้อแท้ เหนื่อย พอนึกถึงหน้าเขากำลังใจก็มาเยอะมาก เรียกได้ว่าวิ่งวนรอบหมู่บ้านไป4-5รอบแล้วยังไม่เหนื่อยเลย(ฮา) หรือเวลาบังคับให้ตัวเองลดของทอด ก็จะนึกถึงเขา อยากให้เราเห็นเราในตอนที่ดูดีกว่านี้ พยายามเข้า หลังจากนั้นก็เริ่มหันมาสนใจเครื่องสำอางและดูแลผิวให้ดีขึ้น แต่งหน้าบางๆแต่ให้ดูดี วันจันทร์ถึงศุกร์ก็ออกกำลังกาย ดูแลตัวเอง วันหยุดที่เรียนก็พร้อมไปเรียน ชีวิตช่วงนั้นคือแฮปปี้มาก ไม่ต้องสมหวังก็ได้ ขอแค่ยังได้เจอหน้าเขาสัปดาห์ละ2ชั่วโมงก็พอ

    แต่งานเลี้ยงย่อมีวันเลิกรา จนถึงวันที่เราต้องขึ้นม.6 เราจำเป็นต้องออกจากที่เรียนภาษาอังกฤษเพื่อมาเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ตอนออกก็กัดฟันออกมานะคะ แต่ในใจลึกๆก็หวังว่าถ้าเราสอบติดแล้ว เราจะกลับมาเรียนที่นี่ต่อ หลังจากนั้นทั้งปีเราพยายามอ่านหนังสือ เรียนพิเศษ เพื่อที่เราจะได้กลับไปที่นั่นและได้เจอหน้าเขาอีกครั้ง ระหว่างทางก็มีท้อบ้าง เหนื่อยบ้าง แต่ก็อยากที่กล่าวไป ว่าพอนึกถึงหน้าเขา รอยยิ้มเขาวันนั้น มันก็คุ้มค่ากับเราที่จะสู้ต่อ จนสุดท้ายก็สามารถสอบติดมหาวิทยาลัยTopของประเทศได้(หนึ่งในมหาลัยที่มีงานบอลประเพณี) ความคิดแรกๆนอกจากทำให้พ่อแม่ภูมิใจได้คือการที่เรามีโอกาสได้กลับไปเจอเขาอีก ช่วงเวลา2ปีที่เราทุ่มเทดูแลตัวเอง เปลี่ยนไปขนาดที่หลายๆคนทัก สอบติดคณะและมหาวิทยาลัยที่หลายๆคนอยากเข้า เราทำตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อที่แค่ ‘จะได้กลับไปเจอเขา’ อีกครั้ง ยังไงก็ตาม เหมือนจะใช้ผลบุญไปกับการสอบเข้าหมดแล้ว 1เดือนหลังประกาศผลสอบ เราได้กลับไปสอบถามที่เรียนพิเศษ เขาบอกว่าน้องคนนี้ไม่ได้เรียนแล้ว วินาทีนั้นคือช็อคไปเล็กน้อย แต่ไม่ได้เสียใจขนาดนั้น เพราะทำใจก่อนมาแล้วว่าเขาอาจจะไม่ได้เรียนต่อ

    ยังไงก็ตาม หลังจากนี้คงปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาแล้วค่ะ ถ้าได้เจอกันอีกก็ดี แต่ถ้าไม่ก็คงไม่เป็นไร อย่างน้อยความรัก(เล็กๆ)ครั้งแรกของเราก็ส่งผลให้เรามีวันนี้ นอกจากอยากทำให้พ่อแม่มีความสุข การได้เจอเขาอีกครั้งก็ถือเป็นอีกเป้าหมายของความพยายามทั้งหมดของเรา
     การเป็นแค่ คนที่แอบชอบ มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เราแค่อยากให้เขาไม่รู้สึกอาย หรือโดนเพื่อนล้อ ถ้าวันนึงเราได้สารภาพไปแล้ว เขาโดนคิดว่า ‘มีคนแบบนี้มาชอบหรอ’ อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ถึงเราจะโดนปฏิเสธ แต่ก็ไม่อยากให้เขารู้สึกอายว่าคนที่ชอบเขาคือเรา (ไม่รู้ตอนนั้นคิดได้ยังไงเหมือนกัน ฮ่า)

Ps.เราก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงชอบเขาเหมือนกัน เพราะดูแล้วไม่มีเหตุผลที่ทำให้เราต้อง ‘ยึดติด’ กับเขาได้ขนาดนี้ พยายามลืมเขาไปหลายทีแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้จริงๆ เจอคนที่หน้าตาดี นิสัยดีกว่านี้ เราก็ยังลบภาพเขาออกไปไม่ได้เลยค่ะ(เจ้ากรรมนายเวรแท้ๆTT) แค่...รู้สึกว่า’ ถ้าไม่ใช่คนนี้ก็ไม่รู้สึกแบบนี้กับใครแล้ว’ (แต่อายุเราก็ยังไม่เยอะ เลยไม่อยากการันตีอะไรไปก่อน)

Pss. เรื่องการสอบเข้า เป้าหมายแรกคือทำเพื่ออนาคตตัวเองและพ่อแม่นะคะ ส่วนการได้กลับไปที่นั่นเป็นแรงจูงใจเสริมค่ะ(แต่ก็มีผลไม่น้อยเลยT^T) และการได้นึกถึงหน้าเขาก็ยอมรับว่าเป็นแรงฮีลเราจากความท้อแท้ไม่น้อยเลยค่ะ เรียกได้ว่านอกจากครอบครัวแล้ว ความรักนี้นี่แหละที่ทำให้ตัวเราดีขึ้นมาถึงขนาดนี้




ขอบคุณที่เข้า(หลง)มาอ่านนะคะ ต่อจากนี้คงหล่อยให้เป็นเรื่องโชคชะตาแล้วค่ะ

แต่ก็ยังอยากเจออยู่นะ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่