"เรื่องจริงสุดตลกร้าย ความเหลื่อมล้ำที่ไม่ได้อยู่แค่ในไทย"

.
ใครละจะรู้บ้างว่า ความเหลื่อมล้ำ นั้นไม่ได้มีแค่ในไทยเท่านั้น ถึงแม้มันจะติดอันดับท้อปเลย ความเหลื่อมล้ำนั้นไปไกลถึงแดนกิมจิที่ๆใครๆก็อยากจะไปเที่ยวไปอยู่ โดยในหนังเรื่องนี้ได้นำเสนอความเหลื่อล้ำและสภาพสังคมในเกาหลีได้ดีถึงดีมากเลยทีเดียว
.
เราจะเห็นได้ว่าจริงๆแล้วช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มักจะมีหนังเกาหลีที่นำเสนอประเด็นนี้ตลอดๆ ไม่ว่าจะเป็น Handmaiden, Taxi Driver หรือ Burning ที่ก็มีกระแสตอบรับที่ดีเหมือนๆกัน โดยในปีนี้ Parasite ผลงานของ บง จุนโฮ นั้นก็ได้เล่าถึงครอบครัว 2 ครอบครัวที่มีฐานะต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยฝั่งเจ้าของบ้านนั้นคือครอบครัวคนรวยสุดไฮโซตามสไตล์คนรวยที่เราเคยเห็น ส่วนฝั่งครอบครัวตัวเอกนั้นเป็นครอบครัวชั้นแรงงาน ที่ต้องพักอาศัยอยู่ในรูห้องแถวแคบๆ เบียดเสียดกันอยู่ มีชีวิตรอดไปวันๆ
.
โดยมีประเด็นตรงที่ “พ่อ” (ซง คังโฮ) และ “แม่” (จาง ฮเยจิน) ไม่มีงานทำ “ลูกชายคนโต” (ชเว อูชิก) ให้ “น้องสาว” (พัค โซดัม) ช่วยปลอมตัวตนเพื่อสวมรอยเป็นนักเรียนนอก โดยหวังจะได้งานติวหนังสือให้กับลูกสาวของ “เศรษฐี” (อี ซอนคยูน) และ “ภรรยา” (โจ ยอจอง) จนเป็นเหตุให้ทั้งสองครอบครัวที่ฐานะแตกต่างกันสุดขั้วนี้ต้องมาเกี่ยวพันกันในเหตุการณ์ที่เริ่มจะบานปลายขึ้นไปเรื่อยๆ
.
หนังมีการเล่าเรื่องที่ตรงไปตรงมาชัดเจน ดูแล้วสนุก ไหลลื่น คอยเอาใจช่วยตัวละครอยู่เรื่อยๆ และมีมุมเฮฮาให้ดูอยู่ตลอดเรื่อง แต่นั่นแหละมันคือ ตลกร้าย นั่นเอง เพราะเราจะได้เห็นความต่างกันอย่างสุดขั้วของคนที่มีชีวิตที่สุขสบายไม่สนใจใยดีความเป็นอยู่ของชนชั้นที่ต่ำกว่าตนว่าจะเป็นตายอย่างไร กับคนที่พยายามสู้ปากกัดตีนถีบ พยายามทำทุกๆทางเพื่อให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น ถึงแม้จะเป็นวิธีที่ผิดก็ตาม โดยคำว่า "ชนชั้นปรสิต" ก็สื่อความหมายเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว การที่ชนชั้นล่างต้องรอเศษเงินจากคนชนชั้นบน เพื่อที่จะได้ลืมตาอ้าปากได้นั้น เป็นความจริงที่น่าหดหู่ยิ่งนัก
.
เรื่องการกำกับภาพนั้นต้องขอชมว่ายอดเยี่ยมจริงๆ เราจะได้เห็นการสื่อความหมายแฝงอยู่ตลอดทั้งเรื่องเสมอๆ และเราจะได้เห็นการเปรียบเทียบระหว่างชีวิตของครอบครัว 2 ฝั่งเสมอๆ จนบางครั้งเราก็อยากจะพูดแทนฝั่งตัวเอกเหมือนกันว่า ทำไมชีวิตเราต้องเกิดมาเฮงซวยขนาดนี้ด้วยวะ ในขณะที่คนรวยเสวยสุขอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่คนชนชั้นล่างกลับต้องนั่งคิดว่าวันพน.จะต้องทำอย่างไรต่อไป
โดยเฉพาะกับเหตุการณ์ที่ครอบครัวตัวเอกนั้นต้องเผชิญในเรื่อง มันเข้าข่ายคำว่า ชีวิตบัดซบ ได้เลยทีเดียว
.
ในขณะเดียวกันหนังเองก็เล่นประเด็นทางฝั่งคนรวยด้วยเช่นกัน ว่าถึงแม้เค้าจะทำตัวดูนิสัยดีอะไรยังไง แต่จริงๆแล้วคนเหล่านั้นนิสัยดีได้เพราะมีเงิน คำพูดนี้ในเรื่องถือเป็นประโยคที่โดนใจผมมากๆ "เค้าไม่ได้รวยแล้วนิสัยดี เค้านิสัยดีเพราะมีเงินต่างหาก" แน่นอนว่าคนรวยเวลาทำอะไรมันดูดีไปหมด เหมือนคนที่อยู่บนยอดงาช้าง เค้าไม่ต้องแคร์ว่าเรื่องที่ทำมันจะเดือดร้อนอะไรใครหรือไม่ เพราะเค้ามีทางรอดให้ตัวเองอยู่แล้ว และถึงแม้เค้าจะทำตัวดีแค่ไหนแต่สุดท้ายแล้ว การเหยียดคนชนชั้นที่ต่ำกว่า มันก็เป็นเหมือนสันดานที่แก้ไม่หาย เพราะสุดท้ายคนเหล่านั้นก็จะแสดงมันออกมาเองถึงจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
.
เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียวในเรื่องของคอนเซปและการถ่ายทอดออกมา แต่หนังเองก็มีข้อเสียเหมือนกันที่ส่วนตัวรู้สึกว่า หนังเล่นอะไรที่ซ้ำมามากไปกับการตัดสินใจของตัวละคร แอบเสียดายที่หนังมันดูฉลาดมากๆเลยนะ แต่แบบสุดท้ายก็เลือกที่จะตัดสินใจอะไรที่น่าหงุดหงิดอยู่ดีและการเล่นประเด็นบางอย่างที่ไปแบบครึ่งๆกลางๆ เช่น เรื่องความสัมพันธ์ของเจ้าของบ้านทั้ง 2 คน เลยขอตัดคะแนนส่วนนี้ไป แต่โดยรวมแล้วเป็นหนังที่ดีมากๆเรื่องนึงที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว
สามารถติดตามต่อได้ที่เพจ facebook : โต๊ะดราฟตัวนั้น
https://www.facebook.com/TheDraftingTable/
[CR] Parasite ชนชั้นปรสิต (8.5/10) - เรื่องจริงสุดตลกร้าย ความเหลื่อมล้ำที่ไม่ได้อยู่แค่ในไทย
ใครละจะรู้บ้างว่า ความเหลื่อมล้ำ นั้นไม่ได้มีแค่ในไทยเท่านั้น ถึงแม้มันจะติดอันดับท้อปเลย ความเหลื่อมล้ำนั้นไปไกลถึงแดนกิมจิที่ๆใครๆก็อยากจะไปเที่ยวไปอยู่ โดยในหนังเรื่องนี้ได้นำเสนอความเหลื่อล้ำและสภาพสังคมในเกาหลีได้ดีถึงดีมากเลยทีเดียว
.
เราจะเห็นได้ว่าจริงๆแล้วช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มักจะมีหนังเกาหลีที่นำเสนอประเด็นนี้ตลอดๆ ไม่ว่าจะเป็น Handmaiden, Taxi Driver หรือ Burning ที่ก็มีกระแสตอบรับที่ดีเหมือนๆกัน โดยในปีนี้ Parasite ผลงานของ บง จุนโฮ นั้นก็ได้เล่าถึงครอบครัว 2 ครอบครัวที่มีฐานะต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยฝั่งเจ้าของบ้านนั้นคือครอบครัวคนรวยสุดไฮโซตามสไตล์คนรวยที่เราเคยเห็น ส่วนฝั่งครอบครัวตัวเอกนั้นเป็นครอบครัวชั้นแรงงาน ที่ต้องพักอาศัยอยู่ในรูห้องแถวแคบๆ เบียดเสียดกันอยู่ มีชีวิตรอดไปวันๆ
.
โดยมีประเด็นตรงที่ “พ่อ” (ซง คังโฮ) และ “แม่” (จาง ฮเยจิน) ไม่มีงานทำ “ลูกชายคนโต” (ชเว อูชิก) ให้ “น้องสาว” (พัค โซดัม) ช่วยปลอมตัวตนเพื่อสวมรอยเป็นนักเรียนนอก โดยหวังจะได้งานติวหนังสือให้กับลูกสาวของ “เศรษฐี” (อี ซอนคยูน) และ “ภรรยา” (โจ ยอจอง) จนเป็นเหตุให้ทั้งสองครอบครัวที่ฐานะแตกต่างกันสุดขั้วนี้ต้องมาเกี่ยวพันกันในเหตุการณ์ที่เริ่มจะบานปลายขึ้นไปเรื่อยๆ
.
หนังมีการเล่าเรื่องที่ตรงไปตรงมาชัดเจน ดูแล้วสนุก ไหลลื่น คอยเอาใจช่วยตัวละครอยู่เรื่อยๆ และมีมุมเฮฮาให้ดูอยู่ตลอดเรื่อง แต่นั่นแหละมันคือ ตลกร้าย นั่นเอง เพราะเราจะได้เห็นความต่างกันอย่างสุดขั้วของคนที่มีชีวิตที่สุขสบายไม่สนใจใยดีความเป็นอยู่ของชนชั้นที่ต่ำกว่าตนว่าจะเป็นตายอย่างไร กับคนที่พยายามสู้ปากกัดตีนถีบ พยายามทำทุกๆทางเพื่อให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น ถึงแม้จะเป็นวิธีที่ผิดก็ตาม โดยคำว่า "ชนชั้นปรสิต" ก็สื่อความหมายเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว การที่ชนชั้นล่างต้องรอเศษเงินจากคนชนชั้นบน เพื่อที่จะได้ลืมตาอ้าปากได้นั้น เป็นความจริงที่น่าหดหู่ยิ่งนัก
.
เรื่องการกำกับภาพนั้นต้องขอชมว่ายอดเยี่ยมจริงๆ เราจะได้เห็นการสื่อความหมายแฝงอยู่ตลอดทั้งเรื่องเสมอๆ และเราจะได้เห็นการเปรียบเทียบระหว่างชีวิตของครอบครัว 2 ฝั่งเสมอๆ จนบางครั้งเราก็อยากจะพูดแทนฝั่งตัวเอกเหมือนกันว่า ทำไมชีวิตเราต้องเกิดมาเฮงซวยขนาดนี้ด้วยวะ ในขณะที่คนรวยเสวยสุขอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่คนชนชั้นล่างกลับต้องนั่งคิดว่าวันพน.จะต้องทำอย่างไรต่อไป
โดยเฉพาะกับเหตุการณ์ที่ครอบครัวตัวเอกนั้นต้องเผชิญในเรื่อง มันเข้าข่ายคำว่า ชีวิตบัดซบ ได้เลยทีเดียว
.
ในขณะเดียวกันหนังเองก็เล่นประเด็นทางฝั่งคนรวยด้วยเช่นกัน ว่าถึงแม้เค้าจะทำตัวดูนิสัยดีอะไรยังไง แต่จริงๆแล้วคนเหล่านั้นนิสัยดีได้เพราะมีเงิน คำพูดนี้ในเรื่องถือเป็นประโยคที่โดนใจผมมากๆ "เค้าไม่ได้รวยแล้วนิสัยดี เค้านิสัยดีเพราะมีเงินต่างหาก" แน่นอนว่าคนรวยเวลาทำอะไรมันดูดีไปหมด เหมือนคนที่อยู่บนยอดงาช้าง เค้าไม่ต้องแคร์ว่าเรื่องที่ทำมันจะเดือดร้อนอะไรใครหรือไม่ เพราะเค้ามีทางรอดให้ตัวเองอยู่แล้ว และถึงแม้เค้าจะทำตัวดีแค่ไหนแต่สุดท้ายแล้ว การเหยียดคนชนชั้นที่ต่ำกว่า มันก็เป็นเหมือนสันดานที่แก้ไม่หาย เพราะสุดท้ายคนเหล่านั้นก็จะแสดงมันออกมาเองถึงจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
.
เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียวในเรื่องของคอนเซปและการถ่ายทอดออกมา แต่หนังเองก็มีข้อเสียเหมือนกันที่ส่วนตัวรู้สึกว่า หนังเล่นอะไรที่ซ้ำมามากไปกับการตัดสินใจของตัวละคร แอบเสียดายที่หนังมันดูฉลาดมากๆเลยนะ แต่แบบสุดท้ายก็เลือกที่จะตัดสินใจอะไรที่น่าหงุดหงิดอยู่ดีและการเล่นประเด็นบางอย่างที่ไปแบบครึ่งๆกลางๆ เช่น เรื่องความสัมพันธ์ของเจ้าของบ้านทั้ง 2 คน เลยขอตัดคะแนนส่วนนี้ไป แต่โดยรวมแล้วเป็นหนังที่ดีมากๆเรื่องนึงที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว
สามารถติดตามต่อได้ที่เพจ facebook : โต๊ะดราฟตัวนั้น
https://www.facebook.com/TheDraftingTable/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้