
สวัสดีครับทุกคน กระทู้นี้ก็เป็นกระทู้แรกของผมที่ได้มีโอกาสมาแบ่งปันเรื่องราวการท่องเที่ยวไปกับทริปส่วนตัว ณ
เมืองมัณฑะเลย์ - พุกาม ราชธานีสุดท้ายและเมืองมรดกโลกแห่งประเทศพม่า
ก่อนอื่นขอเกริ่นนำนิดนึงนะครับ ว่าทำไมทริปนี้ถึงเกิดขึ้นมาได้
เนื่องจากตัวผมเองเคยไปเยือนประเทศพม่ามาแล้วบ้าง ครั้งถึงสองครั้ง โดยโซนที่ไปส่วนใหญ่จะเป็นเมืองย่างกุ้ง ทางโซนมัณฑะเลย์ พุกามไม่เคยไปเลย แต่ก็ได้มีโอกาสติดตามกระทู้เที่ยวมัณฑะเลย์ของเพื่อนๆ ในพันทิปอยู่บ้าง ซึ่งต้องขอบอกว่าตกหลุมรักเลยจริงๆ แม้ยังไม่ได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบเที่ยวเมืองเก่า ชมวัฒนธรรมสถาปัตยกรรมแบบโบราณอยู่แล้ว แต่สุดท้ายผมก็ได้หยุดพักความคิดที่จะไปเที่ยวมัณฑะเลย์ไป เนื่องจากมีหลายท่านบอกว่าการเดินทางไปค่อนข้างลำบาก ไฟท์บินน้อย ราคาตั๋วไม่คงที่ การเดินทางไปแต่ละที่ค่อนข้างไกล จึงทำได้แต่นอนฝันไปก่อน
จนเมื่อไม่นานมานี้จู่ๆ ก็มีเสียงสวรรค์ดังขึ้นว่า
“ไปเที่ยวมันฑะเลย์กันไหม” เสียงนั้นเป็นเสียงจากแม่ผมเอง พร้อมรายละเอียดที่ว่าแม่กับเพื่อนๆ กำลังจะจัดทริปส่วนตัวไปเที่ยวมัณฑะเลย์ พุกาม 3 วัน 2 คืนกัน เห็นเราเคยบ่นไว้นานแล้วว่าอยากไป แต่ว่าลูกต้องออกค่าทัวร์ให้แม่ด้วยนะ แม่ได้ราคาพิเศษมา หมื่นต้นๆเองงง -*- ในใจเราตอนนั้นครุ่นคิดอยู่สักพักนึง ลองคิดคร่าวๆที่เคยวางแผนไว้ตัวเลขก็ใกล้เคียงกัน สุดท้ายก็ได้ตอบตกลงไป โดยการเดินทางครั้งนี้เราจะไปกับ Planetholidays Travel พอใกล้ๆ วันเดินทางก็จะมีเจ้าหน้าที่โทรมาให้คำแนะนำ พร้อมนัดหมายวันเวลา เรามาดูกันดีกว่าครับ ว่าดินแดนแห่งนี้จะสร้างความประทับใจให้เราได้มากขนาดไหน ไปชมกันเลยย
เริ่มต้นวันแรกที่สนามบินสุวรรณภูมิตามเวลานัดหมาย 9.00 น.เมื่อมาถึงก็มีเจ้าหน้าที่ของ Planet Holidays Travel มารอต้อนรับและพาไปเช็คอินที่เคาท์เตอร์ โดยการเดินทางในครั้งนี้เราจะไปกับสายการบิน Bangkok Airways นับว่าเป็นความโชคดีอีกอย่างนึงของคนไม่ได้ทานข้าวเช้าอย่างผม เพราะที่นี่เค้ามีเลาจน์เปิดให้บริการ มีอาหาร เครื่องดื่ม wifi free มีมุมให้พักผ่อนทั้งขาไปและขากลับเลย อะไรมันจะดีแบบนี้
ช็อคโกแลตเด็ดมากกก
ยกให้ข้าวต้มมัดเป็นที่สุดเลยยย
หลังจากอิ่มเอมกับอาหารในเลาทจ์และได้แอบงีบมาสักพักก็ถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้ว โดยระยะเวลาในการเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินมัณฑะเลย์ จะอยู่ราวๆ 1 ชั่วโมงครึ่ง แถมบนเครื่องยังมีอาหารเสิร์ฟให้อีก กินกันให้พุงกางไปเลยยย
หลังจากที่เครื่องลงจอดที่สนามบินมัณฑะเลย์ เราผ่าน ตม. และรับกระเป๋า จากนั้นหัวหน้าทัวร์ก็นำพาลูกทัวร์ไปขึ้นรถโค้ชปรับอากาศเพื่อเดินทางไปสู่เมืองพุกาม ซึ่งจะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง แม่บอกว่าวิวข้างทางสวยมากตรงนี้ต้องขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะผมหลับ ขออนุญาติพาทุกคนข้ามไปชมความงามของเจดีย์บูพญาเลยละกันนะครับ
เจดีย์บูพญา เป็นเจดีย์สีเหลืองทองอร่ามสุดงดงามตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิรวดี ลักษณะเจดีย์เป็นรูปทรงน้ำเต้าจึงได้ฉายาว่าเจดีย์น้ำเต้า ไกด์เล่าให้ฟังว่าในช่วงเช้ามืดที่แห่งนี้ค่อนข้างครึกครื้นและเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว เนื่องจากว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองพุกาม มีแม่น้ำอิรวดีเป็นฉากหลังคอยสะท้อนแสงสีส้มเค้าว่าเป็นภาพที่งดงามมาก ป้ายยากันขนาดนี้ ถ้ามีโอกาสอีกคงต้องกลับมาดูให้ได้แล้ว
หลังจากชมเจดีย์บูพญาเสร็จ เราจะไปแวะทานอาหารเย็นกันที่ร้านอาหารนันดาพร้อมชมโชว์เชิดหุ่นกระบอกโบราณ Yoke Thay ศิลปะวัฒนธรรมเก่าแก่ที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านหุ่นสายที่ใช้เทคนิคในการชักสายอย่างซับซ้อน ตัวผมเองไม่เคยชมอะไรแบบนี้มาก่อนก็นับว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างอเมซิ่งและมีเสน่ห์มากเลยครับ
ที่พักในคืนแรกเราจะไปพักกันที่โรงแรม YADANARPON HOTEL โรงแรมหรูหรา ห้องพักสะอาด ตกแต่งดีมีสไตล์มากๆ
***แก้ไขชื่อโรงแรมครับหัวหน้าทัวร์บอกมาผิด โรงแรมนี้ชื่อ Royal Palace ครับ
เช้าวันที่สองเริ่มต้นที่ทานอาหารเช้าที่โรงแรมตามเวลานัดหมาย 7.00 น. วันนี้ต้องเติมให้เต็มหน่อย เพราะหัวหน้าทัวร์บอกว่าเราจะไปกันหลายที่
หลังจากทานเสร็จก็ยังพอมีเวลาเหลือเลยไปเดินเล่นรอบๆโรงแรม เรามาดูความสวยงามและความเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมนี้กันครับ
ลวดลายสวยงามตั้งแต่ฝาผนังไปยันเฟอร์นิเจอร์เลย
สถานที่แรกที่เราจะไปกันในวันนี้ก็คือ เจดีย์ชเวสิกอง 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดแห่งเมืองพม่า ภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกาธาตุของพระเจ้าอโนรธากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาจักรพุกาม ในส่วนของความงดงามนั้นไม่แพ้ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง แห่งเมืองย่างกุ้งเลยครับ
มาต่อกันที่สถานที่ต่อไปเลยนะครับกับ วัดอนันดา มหาวิหารสีขาวทองขนาดใหญ่อายุกว่าพันปีที่ได้รับยกย่องว่าเป็นเพชรน้ำเองของพุทธศิลป์สกุลช่างพุกาม วัดนี้เป็นวัดที่ผมชอบมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมแบบรวงข้าวดั้งเดิม การตกแต่งทั้งภายนอกและภายในล้วนวิจิตร งดงาม ภายในเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปางทั้ง 4 ยิ่งใหญ่สมชื่อที่สุดแห่งมหาวิหารของดินแดนพม่าเลยครับ
หลังจากดื่มด่ำกับความงดงามของมหาวิหารอนันดากันมาสักพัก ตอนนี้ก็เที่ยงนิดๆ ได้เวลาทานอาหารเที่ยงกันแล้ว โดยมื้อนี้เราจะฝากท้องไว้กับร้าน Golden Duck Restaurant รสชาติโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก เมนูที่ยกให้เป็น The best ก็คงจะหนีไม่พ้นเป็ดย่าง หนังกรอบ เนื้อนุ่ม ละมุนลิ้นสุดๆ เลยครับ
เมื่ออิ่มเอมกับอาหารมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว ชาวคณะก็ทยอยเดินไปขึ้นรถโค้ชเพื่อเดินทางไปยัง วัดมนุหะ หรือ วัดพระอึดอัด ภายในเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป โดยมีโครงสร้างของพระวิหารล้อมไว้ในลักษณะแบบแคบๆ ถูกสร้างโดย พระเจ้ามนุหะ เพื่อสั่งสมบุญไว้ชาติหน้าและเพื่อสะท้อนความหมายว่าในยุคนั้นที่ท่านเป็นถึงกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ แต่ไม่อาจช่วยเหลือประชาชนได้ เพราะท่านถูกจับมาเป็นเชลย
ชมความงามของ วัดมนุหะ เสร็จแล้วก็ไปต่อที่ เจดีย์ติโลมินโล วิหารอันยิ่งใหญ่องค์สุดท้ายที่มีการสร้างในแบบสถาปัตยกรรมพุกาม มีความสูงถึง 46 เมตรเลยทีเดียว ภายในวิหารมีพระพุทธรูป 4 องค์ที่ชั้นหนึ่งและชั้นสองของวิหาร องค์พระพุทธรูปที่ประดิษฐานภายในนั้นมีความแตกต่างกันออกไป ไกด์เล่าให้ฟังว่าภายในตามช่องต่างๆ ถ้ามาถูกจังหวะ ถูกเวลา เราอาจจะได้เห็นแสงสว่างลอดส่งเข้ามากระทบกับพระพุทธรูป จนเกิดเป็นภาพที่งดงามมาก บริเวณรอบนอกก็มีชาวบ้านมาตั้งร้านขายของฝาก ของที่ระลึก ภาพวาด เสื้อผ้า ใครตามหาผ้าถุง โสร่ง ลายสวยๆ ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากครับ ราคาไม่แพงด้วย
เจดีย์สัพพัญญู เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเมืองพุกาม มีความสูงถึง 61เมตรเลยทีเดียว สร้างด้วยสถาปัตยกรรมศิลปะแบบปาละของอินเดีย ภายในค่อนข้างมืดเลยไม่ได้ถ่ายไว้ครับ
จบจากเจดีย์สัพพัญญูเราจะออกจากเมืองพุกาม เพื่อกลับมาเมืองมัณฑะเลย์ในเส้นทางเดิม และไปต่อกันที่แลนด์มาร์กสุดท้ายของทริปวันที่ 2 นั่นก็คือ สะพานไม้อูเบ็ง สะพานไม้สักที่ทอดยาวข้ามทะเลสาบตองตะมานเป็ระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร เอกลักษณ์อันงดงามที่บอกเล่าเรื่องราวทางวัฒนธรรมของชาวเมืองอมรปุระ และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น - พระอาทิตย์ตกยอดฮิตอีกด้วย เราไปชมภาพบรรยากาศกันครับ
[CR] รีวิว ทริปส่วนตัวเที่ยวเมืองมรดกโลก มัณฑะเลย์ พุกาม มนต์เสน่ห์แห่งดินแดนพม่า (3 วัน 2 คืน)
YADANARPON HOTELโรงแรมหรูหรา ห้องพักสะอาด ตกแต่งดีมีสไตล์มากๆCR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้